สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1225 ตอนพิเศษ (88.2)
บทที่ 1225 ตอนพิเศษ (88.2)
“งอนให้น้อย ๆ หน่อย ซ่งหานจือหลงกลเจ้า แต่ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอก” มู่ซืออวี่ผลักหัวนางออกไปเบา ๆ “ในเมื่อเจ้าจะแต่งงาน ผ้าคลุมศีรษะปักเสร็จแล้วหรือ? ชุดแต่งงานปักแล้วหรือ?”
สิงเจียซือหัวเราะอยู่ข้าง ๆ
ลู่จื่อชิงมีสีหน้าไม่สบอารมณ์
“เจ้าเรียกร้องให้พวกเรากลับมาเพื่อจัดงานแต่งงานให้ ผลคือเจ้ากลับไม่ได้เตรียมของจำเป็นสำหรับงานแต่งไว้หรือ? ผ้าคลุมศีรษะกับชุดแต่งงานควรปักโดยบ่าวสาว ถึงแม้เจ้าจะปักไม่เป็นและให้สาวใช้ข้างกายปักให้ อย่างน้อยเจ้าก็ต้องปักเองสักสองสามตะเข็บจึงจะใช้ได้”
“ท่านแม่อย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ” สิงเจียซือกล่าว “น้องหญิงรองไม่เก่งด้านนี้จริง ๆ บังคับนางไปรังแต่จะทำให้ปวดหัว เพียงแต่ท่านวางใจ ผ้าคลุมศีรษะกับชุดแต่งงานย่อมเป็นบ่าวสาวปักเย็บ อย่างไรเสียเจ้าบ่าวก็ใส่ใจเรื่องนี้เช่นกันเจ้าค่ะ”
“ซ่งหานจือชมชอบอะไรเจ้ากันนะ?” มู่ซืออวี่อับจนปัญญา “ช่างเถิด ผู้ใดให้เจ้าวาสนาดีเล่า”
ลู่จื่อชิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ผู้คนทั่วหล้าต่างก็บอกว่าข้าวาสนาดี ข้าเองก็รู้สึกว่าตนได้ใช้ความสามารถทั้งหมดไปกับโชคในการกลับชาติมาเกิดแล้ว”
ลู่จื่ออวิ๋นหัวเราะเบา ๆ “เจ้าไม่รู้จักอายจริง ๆ”
“พี่หญิง รอข้าแต่งงานและพี่สะใภ้คลอดลูกแล้ว ท่านก็ต้องกลับอาณาจักรเฟิ่งหลินแล้วใช่หรือไม่?”
“นี่ยังต้องกล่าวอีกหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ย “พวกเขาไม่ได้กลับอาณาจักรเฟิ่งหลินมานานแล้ว แน่นอนว่าย่อมต้องรีบกลับไป ถึงแม้ในยามนี้จะไม่มีข่าวคราวความไม่สงบของทางนั้น แต่ก็ไม่อาจเลื่อนเวลาเดินทางกลับได้อีกแล้ว”
วันต่อมา ลู่อี้พาลู่ฉาวจิ่งไปสู่ขอเจ้าสาวที่จวนถังกั๋วกงด้วยตนเอง
จวนถังกั๋วกงมีลูกสาวผู้หนึ่งที่เติบใหญ่มาในชนบท ทุกคนในเมืองหลวงล้วนรู้เรื่องนี้ดี เพียงแต่ เรื่องที่ทำให้นางโด่งดังที่สุดไม่ใช่เรื่องที่จู่ ๆ นางก็กลายเป็นหงส์เพลิง จากสาวบ้านนอกสู่คุณหนูผู้สูงศักดิ์ หากแต่เป็นจากสาวบ้านนอกที่ไม่มีสิ่งใดกลับกลายเป็นสะใภ้รองของจวนอ๋องลู่
ถังกั๋วกงสีหน้าเย็นชา ปล่อยให้แม่สื่อพูดพร่ำถึงสิ่งดี ๆ มากมาย แต่เขากลับจ้องมองลู่อี้ประหนึ่งกำลังแกว่งไกวดาบ
หลังจากแม่สื่อกล่าวจบ ลู่อี้ก็เอ่ยขึ้น “ในเมื่อเด็กทั้งสองถูกกำหนดให้คู่กันมานานแล้ว เช่นนั้นก็วางความแค้นส่วนตัวของท่านกับข้าไว้ข้าง ๆ ปล่อยให้เด็ก ๆ มีคนรักและแต่งงานกันเถอะ ถังกั๋วกงก็คงคิดเช่นนี้เหมือนกันกระมัง?”
“ลูกสาวข้าชอบ ข้าพ่อผู้นี้ย่อมไม่ใช้ตะบองตียวนยาง เพียงแต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง นั่นคือลูกชายคนโตของท่านแต่งด้วยเงื่อนไขใด ลูกสาวข้าแต่งให้ลูกชายคนเล็กของท่านก็ไม่อาจด้อยกว่าจนเกินไปนัก”
ลู่อี้ “…”
อีกฝ่ายจับจ้องเขาอย่างเคร่งเครียดมาครึ่งค่อนวัน สุดท้ายกลับเอ่ยคำขอที่ไม่ใช่คำขอนี่น่ะหรือ? ตาเฒ่าผู้นี้แก่เกินไปจนเลอะเลือนหรือห่วงใยเกินไปจนเลอะเลือนกันแน่ ถึงได้กล่าวสิ่งที่โง่เขลาเช่นนี้ออกมา
“วางใจเถิด หน้ามือหลังมือล้วนเป็นเนื้อหนัง พวกเขาล้วนเป็นลูกข้า ข้อกำหนดในการแต่งภรรยาย่อมไม่ต่างกันมากนัก” ลู่อี้กล่าว “ในเมื่อท่านไม่มีข้อโต้แย้ง เช่นนั้นพวกเราก็แลกเปลี่ยนใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของคู่บ่าวสาวเถิด”
หลังจากแลกเปลี่ยนวันเดือนปีเกิดแล้ว พวกเขาก็หารือเรื่องรายละเอียดอื่น ๆ ในงานแต่งงาน
ตามฤกษ์ดีในระยะนี้ พวกเขาเลือกเวลาอีกครึ่งเดือนให้หลัง
ถังกั๋วกงรั้งลู่ฉาวจิ่งเพื่อกล่าวกำชับอีกสองสามคำ
ลู่อี้วุ่นอยู่กับการไปสกุลซ่งจึงไม่ได้สนใจว่าลู่ฉาวจิ่งจะต้องกล้ำกลืนฝืนทนจากน้ำมือของว่าที่พ่อตาหรือไม่
หากเขากล้ำกลืนฝืนทนแล้วจริง ๆ เช่นนั้นก็จำต้องยอมรับ ผู้ใดใช้ให้อยากแต่งงานกับลูกสาวของตาเฒ่านี่เล่า? ในเมื่อต้องการแย่งก้อนทองคำแก้วตาดวงใจของผู้อื่นมา ทนรองรับสภาพอากาศที่แปรปรวนสักสองสามวันก็เป็นเรื่องสมควร
จวนซ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ลู่อี้ไม่ทันได้ไปเยือน สามีภรรยาสกุลซ่งก็พาแม่สื่อมาถึงครึ่งทางแล้ว
ทันใดนั้นลู่อี้ก็นึกขึ้นได้ว่าลู่จื่อชิงเป็นเด็กผู้หญิง ดังนั้นฝ่ายที่ถูกสู่ขอจึงเป็นสกุลลู่
ลู่อี้ไม่เคยตระหนักว่าทางตนเป็นฝ่ายหญิง หลังจากจัดการเรื่องการแต่งงานของลู่ฉาวจิ่งแล้ว เขายังคิดจะไปสกุลซ่งเพื่อจัดการเรื่องการแต่งงานของลู่จื่อชิงด้วยซ้ำ เกือบหลงลืมไปแล้วว่าลู่จื่อชิงออกเรือน สกุลซ่งแต่งสะใภ้เข้าไป พวกเขาย่อมต้องเป็นฝ่ายที่มาสู่ขอ
การหารือกับสกุลซ่งดำเนินไปอย่างราบรื่นยิ่งกว่า
เด็กทั้งสองเดิมทีก็เป็นคู่ที่ได้รับการยอมรับแล้ว ตอนนี้เพียงแค่ต้องหารือรายละเอียดต่าง ๆ เท่านั้น
ในเรื่องนี้ ซ่งหานจือพูดออกมามากมาย เห็นได้ชัดว่าวันนี้เขาเตรียมการมาเป็นอย่างดี พอลู่อี้ถามเรื่องงานแต่ง เขาจึงตอบได้อย่างราบรื่น
แม้ลู่อี้จะเรื่องมากเพียงใดก็ไม่มีทางหาความบกพร่องจากซ่งหานจือพบ
เขาถึงกับต้องยอมรับด้วยซ้ำว่า ลู่ฉาวอวี่ยามนั้นไปสู่ขอสิงเจียซือก็นับว่าจริงใจมากแล้ว ทว่าเมื่อเทียบกับซ่งหานจือ ความจริงใจของลู่ฉาวอวี่กลับไม่นับเป็นอะไร
ได้พบกับลูกเขยเช่นนี้ ลู่อี้ยังจะมีอะไรไม่วางใจอีก? เขาคิดว่าลูกเขยผู้นี้ทำให้เขาหมดห่วงและวางใจที่สุดในบรรดาลูก ๆ ทุกคนด้วยซ้ำ
เมื่อสกุลซ่งออกไปแล้ว ลู่อี้ก็หันมาเอ่ยกับมู่ซืออวี่ “คนโง่ย่อมมีวาสนาของคนโง่ ประโยคนี้ถูกต้องทีเดียว”
“ท่านหมายความว่าชิงเอ๋อร์ของเราโง่งั้นหรือ?” มู่ซืออวี่แค่นเสียงเย็นอยู่ข้าง ๆ “อะไรคือโง่ อะไรคือฉลาด? ต้องให้ทุกคนฉลาดอย่างพวกท่านหรือ? เช่นนั้นจะไม่เหนื่อยเกินไปหรืออย่างไร?”
“แน่นอนว่า ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
“ชิงเอ๋อร์เป็นพี่สาวฉาวจิ่ง แน่นอนว่านางต้องออกเรือนก่อน ฤกษ์งามยามดีที่เร็วที่สุดคือห้าวันนับจากนี้ ห้าวันให้หลังพวกเราก็ต้องแต่งลูกสาวออกไปแล้ว เพียงแต่จนถึงตอนนี้ ข้าวของอะไรล้วนยังไม่ได้ตระเตรียม”
“วางใจเถอะ ห้าวันก็เพียงพอแล้ว อีกอย่าง นี่เป็นสิ่งที่สกุลซ่งควรกังวล พวกเราไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก”
มู่ซืออวี่กังวลว่าสกุลซ่งจะเตรียมการไม่ทันแล้วจะทำให้อีกฝ่ายต้องอับอาย
เดิมทีนี่เป็นการแต่งงานที่ดี แต่หากรายละเอียดเหล่านี้ทำให้ทุกคนไม่มีความสุข ไม่เพียงแต่สกุลซ่งจะเสียหน้าเท่านั้น สกุลลู่เองก็รู้สึกว่าไม่อาจเสียหน้าได้เช่นกัน
สิ่งสำคัญที่สุดคือวันนี้เป็นวันสำคัญในชีวิตลู่จื่อชิง มู่ซืออวี่ไม่อยากรีบร้อนเกินไปจนเกิดปัญหาต่าง ๆ ในงานตามมา ทำให้ลู่จื่อชิงนึกถึงวันนี้ขึ้นมาแล้วเสียใจและรู้สึกว่าไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่วันที่มีความสุข
เรื่องที่มู่ซืออวี่กังวล เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องกังวลแม้แต่น้อย
นับตั้งแต่วันแต่งงานถูกกำหนด ผู้คนมากมายเข้าก็เข้า ๆ ออก ๆ สกุลซ่ง สิ่งของมากมายถูกขนย้ายเข้ามา
ในส่วนของการเตรียมงานแต่งของทางสกุลลู่นั้น ฝ่ายลู่ฉาวจิ่งเป็นฝ่ายที่ต้องกังวลใจ ทั้งลู่จื่ออวิ๋นกับลู่จื่อชิงล้วนช่วยเตรียมการ ขณะที่มู่ซืออวี่ช่วยในเรื่องให้คำแนะนำ
ขอเพียงมู่ซืออวี่เอ่ยสักคำ พวกเขาต้องการสิ่งใดล้วนมีทั้งสิ้น ต้องจัดแจงให้ดี สกุลลู่ถึงจะมั่นใจได้
“ลู่เยี่ย เจ้าไปหาสกุลซ่งฝั่งตรงข้าม ดูว่าพวกเขาทางนั้นต้องการความช่วยเหลือที่ใดหรือไม่ ขาดเหลือสิ่งใดตรงไหน?” มู่ซืออวี่เอ่ยเตือนลู่เยี่ย
ไม่นานลู่เยี่ยก็กลับมาจากสกุลซ่ง กล่าวรายงานด้วยสีหน้าแปลก ๆ “พระชายาท่านวางใจเถิด คุณชายซ่งเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงเก็บข้าวของย้ายออกไปก็ใช้ได้ขอรับ”
“ดูเหมือนเจ้าเด็กคนนั้นจะวางแผนงานแต่งงานมานาน”
ดวงตาของลู่จื่อชิงเปล่งประกายอย่างมีความสุขและเบิกบานใจ
บางทีอาจจะไม่มีบ่าวสาวคู่ใดที่รอคอยการแต่งงานมากเท่ากับนาง
“เอาละ เจ้าเก็บอาการหน่อยเถิด” ลู่จื่ออวิ๋นล้อเลียนลู่จื่อชิง “ดูจากเจ้าแล้ว ข้ากังวลเสียจริงว่าพรุ่งนี้เจ้าจะเก็บสัมภาระแล้วเดินข้ามถนนไปด้วยตัวเองก่อน”
“หากเป็นเช่นนั้น พวกเราย่อมยินดี เจ้าเด็กสกุลซ่งคงจะมัดนางโยนกลับมายังจวนอ๋องลู่เอง” มู่ซืออวี่กล่าว “นางไม่ต้องการงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ ทว่าเจ้าเด็กคนนั้นยังต้องการงานแต่งงานที่น่าจดจำ”