สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1234 ตอนพิเศษ (ตอนจบ 1)
บทที่ 1234 ตอนพิเศษ (ตอนจบ 1)
หลายวันต่อมา คนที่ลู่อี้ส่งไปก็นำจดหมายของฉีเซียวกลับมา
“ว่าอย่างไร?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ฉีเซียวเจ้าคนผู้นี้บอกว่า เขาได้พบกับอาจารย์ที่สอนกระบี่ก่อนหน้านี้โดยบังเอิญ เล่อเอ๋อร์เข้าตาท่านอาจารย์ผู้นั้น ยามนี้พวกเขาฝึกวิชากระบี่อยู่บนเขาอู่หยาง”
“เช่นนั้นเขาจะพาเล่อเอ๋อร์กลับมาเมื่อใดเจ้าคะ?” ลู่จื่อชิงเอ่ยถาม “นั่นเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพี่ใหญ่และมีความเป็นไปได้ว่าเขาจะมีลูกคนนี้คนเดียว เล่อเอ๋อร์คือว่าที่ผู้สืบทอดสกุลลู่ในภายภาคหน้านะเจ้าคะ!”
“เขาไม่ได้กล่าว เพียงแค่บอกว่าเมื่อฝึกวิชากระบี่สำเร็จจะพาเล่อเอ๋อร์ลงจากเขา ด้วยความเข้าใจที่ข้ามีต่อเขา หากต้องสำเร็จวิชากระบี่ ไม่ถึงแปดปีสิบปีย่อมไม่ได้” ลู่อี้เอ่ย “เพียงแต่ แม้เล่อเอ๋อร์ไม่อาจลงเขา แต่พวกเราสามารถขึ้นเขาไปได้ เอาอย่างนี้เถอะ ข้ากับแม่เจ้าไม่เคยพบเล่อร์เอ๋อร์ ถือโอกาสไปดูเขา ครานี้พวกเราจะไปที่เขาอู่หยาง เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป ดูแลลูกชายเจ้าให้ดีก็พอ”
“ขอเพียงเล่อเอ๋อร์ไม่เป็นไรก็ดีแล้วเจ้าค่ะ” ลู่จื่อชิงกล่าว “เลวร้ายอย่างไรพี่ใหญ่ก็คงจะเหลือศพข้าไว้ครบชิ้นส่วน”
“พูดจาเลื่อนเปื้อนอะไร? เจ้าแต่งงานแล้วยังจะพูดจาไม่สำรวมเช่นนี้อยู่อีก”
ซ่งหานจือเป็นราชทูตของราชสำนัก รับผิดชอบตรวจสอบขุนนางในท้องที่ เพื่อดูแลลู่จื่อชิง เขาล่าช้าไปไม่น้อย บัดนี้ลู่จื่อชิงออกจากการอยู่เดือนแล้ว ร่างกายฟื้นตัวได้ไม่เลว เขาจึงต้องง่วนอยู่กับงานราชการบ้าง
ลู่จื่อชิงอยากตามมู่ซืออวี่กับลู่อี้ไปที่เขาอู่หยาง แต่พวกมู่ซืออวี่กลับไม่ยินยอม อย่างไรเสียนางก็เพิ่งคลอดลูก จักต้องฟื้นฟูร่างกายให้ดี อีกทั้งสภาพอากาศในเขาอู่หยางค่อนข้างเย็น ไม่เหมาะให้ทารกแรกเกิดอยู่อาศัย ด้วยเหตุนี้ ขณะที่ลู่จื่อชิงรีรอไม่อยากจากกัน มู่ซืออวี่กับลู่อี้ก็ไปแล้ว
“หานจือ เจ้าว่าท่านพ่อท่านแม่จงใจใช่หรือไม่? พวกเขาอยากใช้ชีวิตเพียงลำพังสองคน ไม่อยากให้ข้าไปรบกวน ดังนั้นทันทีที่ข้ามาพวกเขาเลยจากไป”
“พ่อตาแม่ยายสุขภาพร่างกายแข็งแรง ขณะที่อายุยังไม่มาก พวกเขาย่อมอยากเที่ยวเล่น นี่ก็ไม่ได้มีอะไรไม่ดี รอพวกเขายินดีจะรั้งอยู่ ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยอยู่เป็นเพื่อนพวกเขา ตอนนี้พวกเขาใช้ชีวิตของพวกเขา พวกเราใช้ชีวิตของพวกเรา” ซ่งหานจือเอ่ย “นอกจากนี้ เจ้าจะจากไปพร้อมกับพ่อตาแม่ยาย ไม่ต้องการข้าแล้วหรือ? เจ้าไม่กลัวว่าขุนนางท้องถิ่นเหล่านั้นจะหาสตรีมาให้ข้าจนข้าตกหลุมพรางผู้อื่นโดยไม่รู้ตัวหรือ? หากสามีเจ้าไม่อยู่แล้วจะทำอย่างไรเล่า?”
“เจ้ากล้า…”
“ข้าไม่กล้า! ไม่กล้า!”
ครึ่งเดือนต่อมา มู่ซืออวี่กับลู่อี้ก็มาถึงเขาอู่หยาง
เมื่อพวกเขามาถึงเขาอู่หยางก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์ที่นั่นทันที
ขุนเขานทีงดงามดั่งภาพวาด ทัศนียภาพงดงามราวกับบทกวี ผู้คนในชนบทที่นี่ก็เรียบง่าย ทั้งยังเป็นมิตรกว่าหลาย ๆ ที่ที่เคยไป
“คนเรือ พวกเราจะไปอีกฟากของแม่น้ำ”
“พวกท่านก็จะไปเรียนที่เขาอู่หยางด้วยหรือ?” ชายชราหนวดเคราขาวมองดูทั้งสองคน “ดูไม่เหมือนนี่ อายุปูนนี้แก่เกินไปแล้ว”
มู่ซืออวี่เอ่ยยิ้ม ๆ “พวกเรามาหาหลานชาย”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ชายชราหนวดเคราสีขาวกล่าว “เช่นนั้นขึ้นมาเถอะ!”
ทั้งสองขึ้นเรือไปแล้วถึงได้พบว่าคนเรือไม่ได้ใช้ไม้พาย กระนั้นเรือก็ยังคงแล่นไปข้างหน้า
“ท่านผู้เฒ่า ที่แท้ท่านก็เป็นยอดฝีมือ”
“ฮ่า ๆ ยอดฝีมืออะไรกัน? ข้าเป็นเพียงคนแก่ที่พายเรือได้ผู้หนึ่ง เพราะชอบภูเขาแม่น้ำที่นี่จึงอาศัยอยู่ที่นี่มานานหลายสิบปีแล้ว”
“ท่านพี่ ท่านว่าคนข้างหน้านั่นใช่ฉีเซียวหรือไม่?”
ฉีเซียวในอาภรณ์ชุดนี้ดูเหมือนเทพเซียนอยู่หลายส่วน ข้างกายเขามีเด็กตัวน้อย ดูจากความสูงแล้วน่าจะเป็นหลานชายแท้ ๆ ของพวกเขาที่ถูก ‘ลักพาตัว’ มา
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วเผยยิ้มบาง ๆ
“เจ้าว่าตาเฒ่าผู้นี้จงใจหรือไม่?” ลู่อี้เอ่ย “เขาจงใจจูงจมูกพวกเรามาที่นี่”
“ถึงแม้จะจงใจ แต่นั่นก็เพื่อประโยชน์ของเล่อเอ๋อร์” มู่ซืออวี่โบกไม้โบกมือให้ฉีเซียวจากไกล ๆ
ฉีเซียวเห็นพวกเขาแล้วจึงดึงมือของลู่อวี่เล่อแล้วชี้ไปทางมู่ซืออวี่กับลู่อี้พร้อมกับกล่าวว่า “เสี่ยวเล่อเอ๋อร์ ท่านปู่ท่านย่าของเจ้ามาแล้ว พวกเราที่นี่จะครึกครื้นแล้ว”
หลายเดือนต่อมา ฟ่านหยวนซีก็พาภรรยามาถึง
เขาอู่หยางกลายเป็นที่ปลีกวิเวกแห่งสุดท้ายของพวกเขา
หลายปีให้หลัง ลูก ๆ ของลู่จื่อชิงกับลู่ฉาวจิ่งก็ถูกส่งไปยังเขาอู่หยางเช่นกัน กล่าวอย่างสวยงามคือเพื่อเรียนวิทยายุทธ์ ทว่าจุดประสงค์แท้ที่จริงก็เพื่อให้ลู่อี้กับมู่ซืออวี่ได้มีความสุขร่วมกับหลาน ๆ
ลูกของฟ่านซวี่หรือก็คือว่าที่ฮ่องเต้ก็ถูกส่งไปแล้วเช่นกัน
ฟ่านซวี่เลือกกุลสตรีสกุลสูงศักดิ์ผู้หนึ่งเป็นฮองเฮา ไม่ได้รับสนม นี่เป็นสิ่งที่เขาได้แบบอย่างมาจากบิดา ต่อนางสนมทั้งเจ็ดสิบสองคนในวังหลังเขาไม่ได้สนใจ ใช้ชีวิตกับสตรีเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ไม่มีนางสนมคนอื่น ๆ ก็ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีกันในวังหลัง เขาจึงคลายความกังวลไปได้มาก มุ่งความสนใจไปที่การจัดการเรื่องในราชสำนักเท่านั้น อาณาจักรฮุ่ยจึงเจริญรุ่งเรืองและแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรเฟิ่งหลินกับอาณาจักรฮุ่ยก็ปรองดองแน่นแฟ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เซี่ยเฉิงจิ่นยกบัลลังก์ให้ลูกชายอย่างเป็นทางการ พาภรรยาออกท่องเที่ยว วางแผนไว้ว่าเมื่อเที่ยวเล่นเหนื่อยแล้วจะกลับมาพบกับลู่อี้และมู่ซืออวี่ที่เขาอู่หยาง
“อย่าวิ่ง… พี่อวี่เล่อ ท่านดูลู่รองน้อยสิ นางโกงอีกแล้ว” ลูกชายตัวน้อยของลู่จื่อชิงฟ้องเรื่องลูกสาวคนเล็กของลู่ฉาวจิ่ง
ลู่ฉาวจิ่งกับหลิวจิ่วจู๋มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ลู่รองน้อย คำเรียกขานนี้เดิมทีเป็นของลู่จื่อชิง บัดนี้ตกไปถึงลูกสาวของลู่ฉาวจิ่งแล้ว
บางที ‘เจ้ารอง’ ชื่อนี้อาจมีอะไรพิเศษ คุณหนูรองแซ่ลู่จึงซนเพียงนั้น ลู่อิ่งเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวในสกุลลู่ยามนี้ ภายใต้การคุ้มครองของพี่ชายและลูกพี่ลูกน้อง นางจึงกลายเป็นคนไม่เกรงกลัวฟ้าดินมากขึ้นเรื่อย ๆ
“หน้าไม่อาย บุรุษผู้หนึ่งวิ่งหนีไม่พ้นยังมาฟ้องพี่อวี่เล่อ” ลู่อิ่งยักคิ้วหลิ่วตาใส่ซ่งอี้เฉิน
“เจ้าใส่ปาโต้ว*[1] ในของว่างข้าทำให้ข้าท้องเสียแข้งขาไม่มีแรง ข้าจะวิ่งเร็วกว่าเจ้าได้อย่างไร?”
“นั่นก็เป็นเพราะเจ้าทึ่มอย่างไรละ! ลุงเขยรองฉลาดเพียงนั้น เหตุใดถึงได้มีลูกโง่ ๆ อย่างเจ้านะ? ลุงเขยรองเก็บเจ้ามาจากข้างนอกใช่หรือไม่?” ลู่อิ่งภาคภูมิใจในตนเอง
ซ่งอี้เฉินอายุมากกว่าลู่อิ่งสองปี ในเวลานี้หนูน้อยผู้หนึ่งกลับทำให้เขาสงสัยในชีวิตตนเอง ดวงตาเริ่มแดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย
“เก่งนี่ เสี่ยวอิ่งเอ๋อร์ ป้าหญิงรองไม่อยู่เจ้าก็รังแกลูกข้าแล้ว” เสียงของลู่จื่อชิงดังขึ้น
“ท่านป้า…” ลู่อิ่งพุ่งเข้าใส่อ้อมแขนของลู่จื่อชิง “อิ่งเอ๋อร์คิดถึงท่าน ท่านป้า ท่านก็คิดถึงอิ่งเอ๋อร์ใช่หรือไม่เจ้าคะ? ท่านนำของกินอร่อย ๆ มาฝากอิ่งเอ๋อร์ด้วยหรือไม่เจ้าคะ?”
ซ่งหานจือหัวเราะแล้วยกมือลูบผมลู่อิ่ง “นังหนูผู้นี้เหมือนท่านป้าตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิดเพี้ยน”
“นางไม่เหมือน” ซ่งอี้เฉินกล่าว “ข้าต่างหากจึงจะเป็นลูกของท่านแม่”
ซ่งหานจือเห็นว่าซ่งอี้เฉินเสียใจมากจึงจับมือของเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “บุรุษต้องไม่อ่อนแอ ยอมให้น้องสาวจักเป็นไรไป? เจ้าเขียนบอกในจดหมายว่าที่นี่มีปลาที่อร่อยมาก จับมันได้ด้วยมือเปล่า ตอนนี้พ่อแม่ล้วนมาแล้ว เจ้าไปจับปลามาให้พวกเรากินเถอะ จะได้บำรุงร่างกายแม่เจ้า ให้น้องสาวเจ้าในท้องนางได้กินปลามากหน่อยจะได้ฉลาด ๆ”
“ในท้องท่านแม่มีน้องสาวอีกคนหรือ?” ซ่งอี้เฉินประหลาดใจ “โตเพียงใดแล้ว? เมื่อไหร่นางจะออกมา?”
“ยังเล็กอยู่” ซ่งหานจือกล่าว “อย่างไรเสียระยะนี้พวกเราจะอยู่ที่นี่กับเจ้า เจ้าจะได้เห็นน้องสาวเจ้าเกิดด้วยตาตนเอง”
[1] ป้าโต้ว : สมุนไพรชนิดหนึ่งใช้ประกอบเป็นยาถ่ายที่มีฤทธิ์แรง