สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 128 แยกห้องนอน
บทที่ 128 แยกห้องนอน
บทที่ 128 แยกห้องนอน
เมื่อลู่อี้เดินเข้าไปในบ้าน เขาพบว่าลานหน้าบ้านรกร้างเป็นอย่างมาก ถุงขนาดเล็กใหญ่มากมายวางเรียงรายบนพื้น ที่พักอาศัยบางส่วนถูกทุบทิ้ง
เมื่อเห็นมู่ซืออวี่เคลื่อนย้ายสิ่งของอยู่ด้านนอก เขาก็รีบรุดเข้าไปช่วยทันที
“จะขนย้ายไปที่ใดหรือ?”
“ตรงนั้น” มู่ซืออวี่ชี้ไปยังที่ว่างบริเวณใกล้เคียง
ตุบ!
เขาวางของลง
“เหตุใดจึงย้ายของ?” ลู่อี้เอ่ยถาม
มู่ซืออวี่เช็ดฝุ่นออกจากใบหน้าของนางด้วยผ้าขนหนู “ข้าพบนายช่างที่จะสร้างบ้านให้เราแล้ว พรุ่งนี้เขาจะพาคนงานมาดำเนินการ เราจะอยู่อาศัยกับแม่ข้าเป็นการชั่วคราว จะขนย้ายกลับมาอีกทีตอนสร้างบ้านเสร็จ”
“ที่นั่นจะไม่ลำบากและรบกวนแม่เจ้ามากเกินไปหรือ? เราไปเช่าบ้านอยู่ชั่วคราวกันดีหรือไม่?” ลู่อี้เอ่ยถาม “หากไม่มีบ้านว่างในหมู่บ้านของเรา ก็ไปเช่าในหมู่บ้านถัดไป”
“ไม่จำเป็น หานเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ ห้องของเขาก็ว่างเปล่า เรายังขนของในห้องฟืนออกไปแล้วทำเป็นห้องนอนได้ ข้ากับอวิ๋นเอ๋อร์จะพักในห้องเดียวกัน ส่วนเจ้ากับน้องชายก็อาศัยในห้องเดียวกัน แค่นี้ก็เหมาะสมลงตัวแล้ว”
ลู่อี้เงียบไป
เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร มู่ซืออวี่จึงเอ่ยถาม “เจ้ามีปัญหาใดหรือไม่?”
“ไม่มี” ลู่อี้กล่าว “แล้วแม่เจ้าเห็นด้วยหรือไม่?”
“ข้าบอกเรื่องนี้กับท่านแม่แล้ว ท่านแม่เห็นด้วยและยินดีมาก เพราะตอนนี้นางอาศัยอยู่เพียงคนเดียว” เมื่อเห็นว่าลู่อี้ไม่พูดอะไรอีก มู่ซืออวี่ก็ย้ายของต่อไป
เนื่องจากคืนนี้มู่ซืออวี่ตั้งใจจะนอนที่บ้านของตน นางจึงย้ายเพียงของบางส่วนไปยังบ้านแม่ แล้วจะย้ายชุดเครื่องนอนในวันพรุ่งนี้
เครื่องเรือนในบ้านหลังนี้เก่าเกินไป นางจะแทนที่ด้วยของใหม่ทั้งหมด จึงเก็บไว้เพียงเตียงสองหลังที่ทำขึ้นใหม่เท่านั้น
ลู่เซวียนต้องการจะเข้ามาช่วยขนของ แต่มู่ซืออวี่กลับหยุดเขาไว้
“อย่าเข้ามา ที่นี่ฝุ่นหนามาก ไม่ดีต่อสุขภาพของเจ้า ย้ายไปเพียงหนังสือของเจ้าเถิด”
ลู่อี้ซึ่งถือเป็นคนงานผู้แข็งแกร่ง สิ่งของมากมายจึงถูกนำขึ้นรถม้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เคลื่อนย้ายไปยังบ้านของถงซื่อ
หลังจากเสร็จสิ้นการขนของ ท้องฟ้าก็เริ่มมืด แต่พวกเขายังไม่ได้ทานอาหารเย็น
มู่ซืออวี่ซื้อบะหมี่มาแจกจ่ายให้กับทุกคน หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ พวกเขาก็ทำงานต่อไป
“ข้าหมดแรงแล้ว เหนื่อยแทบตาย”
มู่ซืออวี่เดินเข้ามาในห้องอย่างอ่อนแรงก่อนจะเอนกายลงบนเตียง ดูไร้เรี่ยวแรงเป็นอย่างยิ่ง
ทันใดนั้น มือข้างหนึ่งก็วางลงบนไหล่ของนาง
มู่ซืออวี่แข็งทื่อไปทั้งตัว
ลู่อี้นั่งลงด้านข้างพลางกดไหล่ให้นาง
มู่ซืออวี่ลืมตาขึ้นทันที “เจ้าจะนวดให้ข้าหรือ? ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น เจ้าเองก็เหนื่อยไม่น้อย ไปพักผ่อนเถิด”
ช่วงเวลานี้อาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองได้อยู่ในห้องเดียวกันโดยไม่เคอะเขิน อีกทั้งบรรยากาศในห้องก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง
เมื่อมู่ซืออวี่คิดว่าในวันพรุ่งนี้นางจะได้ย้ายห้องนอน นางก็ผ่อนคลายมากขึ้น นางหลับตาลงและเพลิดเพลินไปกับการนวดของลู่อี้
“วันนี้ข้าไปพบเฟิงเจิงกับคนอื่น ๆ มา เฟิงเจิงป่วยหนัก ถูกนำตัวส่งโรงหมอแล้ว คาดว่าอีกสองสามวันคงจะดีขึ้น”
“ยอดเยี่ยม แต่เขากำลังจะเป็นหนี้หลายสิบตำลึง อาจต้องทำงานหนักนานกว่าจะจ่ายหนี้ครบ เจ้ารู้หรือไม่ว่าบ้านของเขาอยู่ที่ใด?”
“รู้”
“เช่นนั้นหากมีเวลาว่างก็ไปเยี่ยมเยียน ซื้ออาหารบำรุงให้เขาสักหน่อย ก่อนหน้านี้เขาเคยช่วยเหลือเราไว้มาก หากไปถึงแล้วช่วยบอกว่าข้ามีงานให้ทำที่นี่ มาหาข้าได้เสมอหากเขาต้องการจะทำ”
“อืม”
“ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว เจ้าไม่ต้องนวดอีกต่อไปแล้ว” มู่ซืออวี่ลุกขึ้นนั่ง “อยากให้ข้านวดให้เจ้าหรือไม่?”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่เหนื่อย”
“เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร”
อันที่จริงนางเพียงเอ่ยถามตามมารยาท
มู่ซืออวี่กำลังจะเอนกายนอนเพื่อพักผ่อน ทันใดนั้นนางก็รู้สึกได้ว่าลู่อี้ใช้นิ้วสะกิดไหล่ นางจึงหันกลับมามอง
“นี่…” เขายืนห่อปริศนาบางอย่างให้นาง “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะชื่นชอบหรือไม่”
มู่ซืออวี่หยิบห่อปริศนานั้นมาแล้วเปิดออก ก่อนจะพบชุดกระโปรงลายดอกกล้วยไม้ที่ปักด้วยมืออย่างประณีต นี่เป็นชุดที่เรียกได้ว่าสง่างามทีเดียว
“เจ้ามอบให้ข้าหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามด้วยความลังเล
“ใช่”
“…”
นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะยัดชุดนั้นใส่มือเขา “ข้าไม่ต้องการ”
ลู่อี้จ้องมองท่าทีและการแสดงออกของนาง “ไม่ชอบหรือ? หากเจ้าไม่ชอบ ข้าจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นให้”
“ไม่จำเป็น ข้าไม่ได้ต้องการของดีอะไร ข้าต้องทำงานหนักทั้งวัน ใส่เสื้อผ้าดี ๆ เช่นนี้ไม่ได้หรอก เสื้อผ้าเช่นนี้เหมาะกับหญิงมีสกุล” มู่ซืออวี่หันหลังแล้วเอนกายลง
ภาพของเฉินชุนอวี่ที่สวมใส่เสื้อผ้าใหม่ชุดนี้ยังคงปรากฏชัดในความคิดของมู่ซืออวี่ ริมฝีปากของนางยิ้มเยาะ สีหน้าดูไร้ความสุขขึ้นมาทันที
หมายความว่าอย่างไร?
หากชายหนุ่มมอบเสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับคนรักหรือภรรยา นางจะต้องดีใจจนสวมกอดเขาไม่ใช่หรือ?
นี่เป็นชุดที่สวยมากแท้ ๆ
“ข้าเข้าใจแล้ว” ลู่อี้นำชุดนั้นเก็บไว้ในกระเป๋าของเขาก่อนจะเอนกายลงนอนข้างนาง
เขาจ้องมองแผ่นหลังของนาง
นางหลับใหลไปอย่างรวดเร็ว ลมหายใจของนางดังสม่ำเสมอในค่ำคืนอันเงียบสงบนี้ ดูเหมือนว่าวันนี้นางคงจะเหนื่อยล้ามาก
ค่ำคืนอันเงียบสงบดำเนินต่อไป
“เช้าแล้ว!”
มู่ซืออวี่ลุกขึ้นนั่งพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง
“เหตุใดข้าถึงหลับลึกนัก?”
นางเกาศีรษะด้วยความรู้สึกรำคาญใจ
หวังว่านายช่างเหลียงและคนอื่น ๆ จะยังไม่เดินทางมานะ
นางเดินออกจากห้องไปด้วยผมอันยุ่งเหยิง ขณะที่กำลังจะเข้าครัวเพื่อทำอาหาร นางก็เหลือบไปเห็นลู่อี้กำลังยืนคุยกับชายผู้หนึ่งกลางลานบ้าน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของนาง เขาก็หันกลับมามองแล้วผงะไปทันที
ชายผู้นั้นพยายามกลั้นหัวเราะ หันหน้าหลบเลี่ยงเพื่อซ่อนการแสดงออกทางสีหน้า
มู่ซืออวี่ถอยกลับไปยังห้องของตนแล้วจ้องมองตนเองในกระจก
ไม่จริง! นี่นางออกไปสภาพนี้หรือ!
“หน้าขันจริงเชียว” ลู่อี้กล่าวกับนายช่างเหลียงและคนอื่น ๆ “นางเพียงรู้สึกเหนื่อยล้าจึงสับสนหลังจากตื่นนอน ปกติแล้วนางจะไม่เป็นเช่นนี้”
“ไม่เป็นไร” นายช่างเหลียงเผยรอยยิ้ม “ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของพวกเจ้าทั้งสองคงดีไม่น้อย”
“อืม” ลู่อี้หรี่ตาลงเล็กน้อย
เอี๊ยด…
เสียงเปิดประตูดังขึ้น มู่ซืออวี่เดินออกมาอีกครั้ง
นางเปลี่ยนชุดใหม่ มัดผมมวยอย่างเรียบร้อย นี่คือทรงผมเรียบง่ายที่สุดของคนยุคโบราณที่นางสามารถเรียนรู้ได้ อย่างน้อยก็ใช้ได้ในทุกโอกาส และไม่ทำให้ผู้อื่นคิดว่านางแปลกประหลาด
“ทุกคนยังไม่ได้ทานอาหารเช้าใช่หรือไม่? โปรดรอสักครู่ ข้าจะไปเตรียมให้” นางกล่าวด้วยรอยยิ้มเขินอาย ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องหรอก พวกข้ากินแล้ว” นายช่างเหลียงกล่าว “ทำให้เพียงครอบครัวพวกเจ้ากินเถิด”
“น้องสะใภ้ มีสิ่งใดให้ต้องขนย้ายอีกหรือไม่? ตอนนี้พวกเรายังว่างอยู่ หากมี เราช่วยขนย้ายได้นะ” ชายหนุ่มผู้หนึ่งกล่าว
“เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจ” มู่ซืออวี่จ้องไปยังลู่อี้พลางเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “โปรดนำพี่น้องของท่านที่เหลืออยู่ช่วยข้าขนย้ายของเหล่านี้ไปยังบ้านแม่ของข้าที”
“รับทราบ”
เมื่อลู่จื่ออวิ๋นลืมตาตื่นในตอนเช้าและเห็นคนแปลกหน้ามากมาย นางก็รู้สึกเขินอาย จึงซ่อนตัวอยู่ในห้องของลู่เซวียน
ลู่เซวียนออกมาทักทายคนเหล่านี้เพียงครู่เดียว ก่อนจะกลับไปยังห้องของตนเพื่อเขียนหนังสือ
“ข้าทำข้าวต้มไว้แล้ว” ลู่อี้กล่าวพลางเดินเข้ามาในครัว
“ข้าเห็นแล้ว” มู่ซืออวี่หั่นผักดองโดยไม่หันกลับมามองเขา “ข้าจะหั่นผักดองให้ทุกคน จะได้กินกับข้าวต้ม วันนี้เจ้าไม่ต้องไปทำงานหรือ?”
“วันนี้ที่บ้านเรามีหลายสิ่งให้ต้องจัดการ ข้าจึงจะอยู่ช่วยเหลือเจ้า หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น ข้าจะเข้าไปสะสางงาน” ลู่อี้กล่าว “แต่หากไม่มีการงานใดให้ทำ ข้าจะรีบกลับมา”
“อืม”
ลู่อี้เอื้อมมือลูบศีรษะนาง
มู่ซืออวี่หยุดหั่นผักทันที “มีอะไรหรือ?”
“ปิ่นปักผมของเจ้าเบี้ยว” ลู่อี้กล่าว “คราวนี้ผมเจ้ามีกลิ่นส้ม หอมมาก”
แก้มของมู่ซืออวี่ร้อนผ่าว ความเขินอายฉายชัดในแววตานาง “อย่ามาขวางทางข้านะ ข้าจะเอาอาหารออกไปเลี้ยงแขก”