สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 153 ชกต่อย
บทที่ 153 ชกต่อย
บทที่ 153 ชกต่อย
ครั้นมู่ซืออวี่กลับมาก็เห็นขี้ไก่กระจายอยู่เต็มพื้น จึงไปหยิบไม้กวาดมาทำความสะอาดมัน
แครก แครก…
นางกวาดขี้ไก่ไว้เป็นกอง ๆ จากนั้นกวาดใส่ที่ตักขยะไปเทที่แปลงผักข้าง ๆ
“ฉาวอวี่?! หานเอ๋อร์?!” มู่ซืออวี่ตะโกนเข้าไปข้างในสองสามครั้ง แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากทั้งสองคน “ดูเหมือนจะออกไปเล่นแล้ว”
เมื่อครู่นี้ยังเห็นมู่เจิ้งหานกำลังอ่านหนังสือ นางกังวลว่าเขาจะเคร่งเครียดเกินไป อยากให้เขาออกไปสูดอากาศเสียบ้าง พอไม่พบผู้ใดในห้องก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
ถงซื่อเข้ามาพร้อมกับตะกร้าผัก แล้วพูดกับมู่ซืออวี่ว่า “ลูกอวี่ เจ้าดูสิผักของพวกเราเติบโตงอกงามขนาดไหน คืนนี้ผัดให้เด็ก ๆ ได้กินกันเถอะ”
“ได้เลย” มู่ซืออวี่รับตะกร้าจากมือของมารดา “ท่านแม่ เล้าไก่พังหรือ? เมื่อครู่นี้ขี้ไก่กระจายไปทั่วลานบ้าน”
“ข้าลืมบอกเจ้า เล้าไก่มีรูใหญ่อยู่ที่หนึ่ง ข้าไม่ได้สนใจพวกมัน หนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
“ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวข้าจะซ่อมมัน”
ถงซื่อมองเห็นไม้กวาดเปรอะเปื้อนด้วยขี้ไก่ก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “เปื้อนขี้ไก่หมดแล้ว ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
“อีกเดี๋ยวค่อยล้าง” มู่ซืออวี่หันกลับไปมอง “แต่ว่าสองสามวันนี้ข้าต้องเร่งรีบหน่อย ต้องรีบทำร้านคุณหนูเจิ้งให้เสร็จ”
ถงซื่อถึงได้โล่งใจ เมื่อนึกได้ว่าตู้ที่บ้านก็พังเช่นกัน พวกนางจึงเข้าไปวุ่นอยู่กับของภายในบ้านอีกครั้ง
เอี๊ยด…
ประตูถูกผลักออกจากข้างนอก
หัวเล็ก ๆ หัวหนึ่งโผล่ออกมา เมื่อมองไปรอบ ๆ กลับมองไม่เห็นใคร
“น้าเล็ก พี่ชาย ท่านแม่ยังไม่กลับมา”
ลู่จื่ออวิ๋นพูดจบก็เปิดประตูออกด้วยความมั่นใจ
ลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานจึงเดินเข้ามา
“ยังไม่กลับมาอะไร?” มู่ซืออวี่โผล่หัวออกมาจากหน้าต่างห้องนอน “ข้าอยู่ข้างใน พวกเจ้าทำอะไรมา เกิดอะไรขึ้นกับหน้าพวกเจ้า?”
มู่เจิ้งหานและลู่ฉาวอวี่เห็นมู่ซืออวี่อยู่บ้านก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว แต่จะถอยกลับไปก็สายไปเสียแล้ว ทั้งสองคนจึงยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม
ถงซื่อที่กำลังเก็บของอยู่อีกห้องหนึ่งรีบออกมาดูหลังจากได้ยินเสียงมาจากข้างนอก “เกิดอะไรขึ้น?”
มู่ซืออวี่มองเด็กชายทั้งสองอย่างเคร่งขรึม จากนั้นจึงหันกลับไปมองลู่จื่ออวิ๋น เห็นเสื้อผ้าบนตัวเรียบร้อยดี เพียงแต่ผมยุ่งเล็กน้อย สีหน้าจึงดูดีขึ้น
เมื่อหันไปมองมู่เจิ้งหานกับลู่ฉาวอวี่ สีหน้าของนางพลันมืดครึ้มลงอีกครั้ง “ว่ามา! ไปต่อยตีกับใครมา?”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านน้าหรือท่านพี่ ท่านแม่อย่าดุพวกเขาเลย” ลู่จื่ออวิ๋นร้องไห้ออกมา “มีคนรังแกข้า ท่านน้ากับท่านพี่จึงปกป้องข้า”
“ผู้ใดรังแกเจ้า?” มู่ซืออวี่และถงซื่อถามขึ้นพร้อมเพรียงกัน
“ถังเอ้อร์โก่ว” ลู่จื่ออวิ๋นกอดเอวของมู่ซืออวี่แน่น “ท่านแม่ ถังเอ้อร์โก่วบอกว่าข้าเป็นของเสียเงิน ภายหน้าจะต้องแต่งงานกับเขา ยังบอกอีกว่าถ้าข้าแต่งให้เขาแล้ว เขาจะตีข้าทุกวัน…”
แววตาของมู่ซืออวี่เต็มไปด้วยความโกรธ
“ถังเอ้อร์โก่วนี่ใคร? เป็นหมาบ้าที่ไหนถึงกล้ามาเอ่ยคำพูดเละเทะเช่นนี้กับอวิ๋นเอ๋อร์น้อยของเรา”
“ถังเอ้อร์โก่วเป็นหลานชายของจงซื่อ” ถงซื่อขมวดคิ้ว “เด็กคนนั้นตอนยังเป็นเด็กก็ซื่อตรง เหตุตอนนี้กลายมาเป็นไม่รู้จักบันยะบันยังเสียแล้ว?”
“ข้าจะไปหาเขา”
มู่ซืออวี่พูดแล้วก็ทำท่าจะออกไปข้างนอก ลู่ฉาวอวี่กลับคว้าชายเสื้อของนางไว้
“ข้าสั่งสอนเขาแล้ว”
“สั่งสอนเขาอย่างไร?” มู่ซืออวี่ถาม
“ปากเขาเหม็นโฉ่ ข้าล้างให้เขาแล้ว” ลู่ฉาวอวี่ตอบอย่างเยือกเย็น
“ล้างเช่นไร?” สายตาของมู่ซืออวี่ฉายแววกังวลขึ้นมา
“โยนเขาลงไปล้างในแม่น้ำ ต้องล้างสะอาดแล้วแน่ ๆ” ลู่ฉาวอวี่มองมู่ซืออวี่พลางกล่าวว่า “ด่าข้าได้ แต่รังแกอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ได้”
ลู่จื่ออวิ๋นมองมือของลู่ฉาวอวี่ “ท่านพี่…”
ลู่ฉาวอวี่รับคำหนึ่งเสียง แล้วเงยหน้าขึ้นมองมู่ซืออวี่อีกครั้ง “อย่าได้หวังว่าข้าจะไปขอโทษคนอื่น ข้าไม่มีทางขอโทษ”
“ข้าบอกหรือว่าจะให้เจ้าไปขอโทษ?” มู่ซืออวี่เอ่ยอย่างใจเย็น “เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้า ทายาให้เรียบร้อย หานเอ๋อร์ก็ด้วย”
ถงซื่อเอ่ยว่า “ป้าจงเห็นถังเอ้อร์โก่วเป็นสมบัติล้ำค่าของนาง จะต้องไม่ยอมวางมือเรื่องนี้แน่”
“นางไม่มาก็แล้วไปเถอะ แต่ถ้ามาละก็ ข้าก็จะสู้กับนางสักตั้ง” มู่ซืออวี่เย้ยหยัน “เด็กอายุเท่านี้จะสามารถเอ่ยคำเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร หากไม่ใช่ผู้ใหญ่สอนมา”
ลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ถูกถงซื่อดึงมาใส่ยา
มู่เจิ้งหานเอ่ยอย่างเป็นกังวล “ถ้าป้าจงมาโวยวายจะทำอย่างไรดี?”
“ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ?” ถงซื่อเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “เจ้าเป็นน้า ดูแลหลานอย่างไรกัน?”
“ท่านแม่ไม่รู้ว่าถังเอ้อร์โก่วคนนั้นน่ารังเกียจเพียงใด เขายังมาแตะหน้าของอวิ๋นเอ๋อร์ของพวกเรา เราจะทนได้อย่างไร?” มู่เจิ้งหานพูดด้วยความโกรธ “ถ้าท่านพี่อยู่ที่นั่นคงตีมือเขาจนหักไปแล้ว”
“พี่สาวของเจ้าไม่หุนหันขนาดนั้น” ปากถงซื่อเอ่ยออกมาเช่นนี้ แต่ในใจนางเห็นด้วยกับคำพูดของมู่เจิ้งหาน
มู่ซืออวี่ในตอนนี้ปฏิบัติต่อเด็กทั้งสองราวกับทั้งสองเป็นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตของนางเอง ใครนินทาว่าร้ายนาง นางใจกว้างมากพอที่จะไม่ถือสา แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลูกสาวลูกชาย นางต้องทุ่มสุดชีวิตเพื่อจัดการคนพวกนั้นแน่
“แม่ฉาวอวี่อยู่หรือไม่?” เสียงของหัวหน้าหมู่บ้านดังมาจากข้างนอก
คนในห้องมองหน้ากันไปมา สื่อความนัยคำหนึ่งว่า ‘มาแล้ว’
มู่ซืออวี่นวดหัวตาของตน แล้วตอบด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “มาแล้ว…”
นางเปิดประตูออกไป
มู่ซืออวี่พูดพลางร้องไห้ “หัวหน้าหมู่บ้าน ในที่สุดท่านก็มาแล้ว”
ขณะที่พูด นางก็ปิดใบหน้าแล้วเริ่มคร่ำครวญ
หัวหน้าหมู่บ้านนิ่งอึ้ง “…”
ข้างหลังหัวหน้าหมู่บ้านมีจงซื่อและชาวบ้านอีกหลายคน
“แม่ฉาวอวี่ นี่เจ้า…” หัวหน้าหมู่บ้านถามอย่างกระอักกระอ่วน
มู่ซืออวี่ช่วยเหลือเขามาไม่น้อย ทั้งยังขายสูตรอาหารที่ใช้หาเงินให้ เขาควรดูแลนางให้ดี แต่ตอนนี้คนในหมู่บ้านมาหาถึงประตูบ้าน เขาไม่สามารถลำเอียงช่วยอย่างออกนอกหน้าเกินไป
“หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าไม่เป็นไร ถึงแม้ฉาวอวี่และน้องชายของข้าจะถูกคนตีไปทั้งตัว ถึงลูกสาวของข้าจะร้องห่มร้องไห้จนสลบไสล ข้าก็รู้ดีว่าหัวหน้าหมู่บ้านยุ่งวุ่นวาย ย่อมไม่เอาเรื่องพวกนี้มาสร้างความยุ่งยากให้ท่าน” มู่ซืออวี่สูดน้ำมูก
หัวหน้าหมู่บ้านอึ้งงัน “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ใครรังแกกันแน่?”
มู่ซืออวี่เพิ่งสังเกตเห็นครอบครัวของจงซื่อที่อยู่ข้างหลังหัวหน้าหมู่บ้าน เด็กที่ดูแข็งแรงคนนั้นก็ถูกจงซื่อกระชากลากถูมาด้วย
ดวงตาของจงซื่อเบิกกว้าง สายตาเต็มไปด้วยโทสะ
มู่ซืออวี่ทำท่าราวกับหวาดกลัว “พวกท่านมาได้อย่างไร? ข้าไม่ไปหาพวกท่าน พวกท่านยังมาหาข้าถึงหน้าประตู ดี ๆ ในเมื่อมาถึงประตูแล้ว เช่นนั้นข้าจะถามพวกท่าน เหตุใดจึงรังแกเด็ก ๆ บ้านข้า?”
“แม่ฉาวอวี่ เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เอ้อร์โก่วรังแกไปกี่คนกัน?” หัวหน้าหมู่บ้านมองจงซื่อด้วยสายตาจับพิรุธ
จงซื่อด่าสาดเสียเทเสีย “บ้านเจ้าสิ เห็น ๆ อยู่ว่าลูกบ้านเจ้ารังแกเอ้อร์โก่วของพวกเรา ดูเอ้อร์โก่วของข้าสิ กลับมาทั้งตัวมีแต่น้ำ เอ้อร์โก่วบอกว่าลู่ฉาวอวี่โยนเขาลงไปในน้ำ”
“ท่านพูดอะไรน่ะ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าถังเอ้อร์โก่วบ้านท่านรังแกเด็ก ๆ บ้านพวกเรา ตอนนี้ยังอยากตีพวกเขาอีกหรือ หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านจะต้องตัดสินเรื่องนี้ให้เรานะ!” มู่ซืออวี่เอ่ย
“ข้า…” หัวหน้าหมู่บ้านกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
ลู่ฉาวอวี่ออกมาจากข้างในแล้วคำนับหัวหน้าหมู่บ้าน “ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน”
เมื่อเห็นรอยฟกช้ำบนใบหน้าของลู่ฉาวอวี่ หัวหน้าหมู่บ้านก็ตะลึงงัน “ฉาวอวี่ แผลบนหน้าของเจ้า…”
มู่ซืออวี่หันกลับไป มุมปากของนางกระตุกขึ้นมา
เด็กคนนี้ให้ความร่วมมือกับนางจริง ๆ!
เดิมทีบนใบหน้าของเขามีเพียงรอยถลอกเล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับทั้งแดงและบวมช้ำ ทั้งยังมีบาดแผลร้ายแรงอีกหลายแห่งปรากฏออกมา