สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 154 ปั้นน้ำเป็นตัว
บทที่ 154 ปั้นน้ำเป็นตัว
บทที่ 154 ปั้นน้ำเป็นตัว
“ไม่มีอะไร แค่…..” ลู่ฉาวอวี่มองไปยังถังเอ้อร์โก่วนิ่ง ๆ “มีคนบอกว่าปู่เล็กของเขาเป็นหลี่เจิ้ง*[1] ถ้าข้าเห็นเขาต้องโขกหัวคำนับ แต่ข้าไม่ยินยอมเลยโดนทำร้ายจนเป็นอย่างนี้”
“หลี่เจิ้ง? โขกหัวคำนับ?” หัวหน้าหมู่บ้านเย้ยหยัน “ดีนักนะ ถังเอ้อร์โก่ว ที่แท้เจ้าก็สูงส่งถึงขนาดนี้!”
“ข้าไม่ได้ทำ” ถังเอ้อร์โก่วเป็นเด็กอวบอ้วนร่างกายแข็งแรง ตอนนี้เห็นบาดแผลบนใบหน้าของลู่ฉาวอวี่ ทั้งยังได้ยินคำพูดใส่ความของเขาอีก จึงตะโกนออกมาอย่างคับข้องใจ “ท่านย่า เขาโกหก!”
“ย่าเชื่อเจ้า เดี๋ยวย่าจะจัดการเขาให้” จงซื่อพูดอย่างไม่เกรงใจ “ครอบครัวลู่อี้ เจ้าอย่าคิดว่าผู้ชายครอบครัวเจ้าทำงานเป็นเสมียนตัวเล็ก ๆ แล้วจะรอดไปได้ง่าย ๆ เอ้อร์โก่วของเราพูดไม่ผิด น้องชายของข้าเป็นหลี่เจิ้ง ได้พูดคุยกับใต้เท้านายอำเภอจนเป็นเรื่องปกติ เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าถ้าข้าให้น้องชายของข้าออกหน้าให้ แม้แต่เสมียน ผู้ชายบ้านเจ้าก็จะไม่ได้เป็นแล้ว”
“ข่าวคราวของท่านป้าจงดูเหมือนจะขาดตอน ผู้ชายของข้าตอนนี้ไม่ได้เป็นเสมียนแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ยอย่างราบเรียบ
“เฮอะ! ข้าล่ะประหลาดใจ ที่แท้แม้แต่เสมียนก็ไม่ได้เป็นแล้ว” จงซื่อจองหองมากกว่าเดิม
“ลู่อี้ไม่ได้เป็นเสมียนแล้วหรือ? เพราะอะไร หรือว่าทำอะไรผิดเข้า?” หัวหน้าหมู่บ้านถาม
“ผู้ชายของข้าไม่ใช่เสมียน แต่เป็นจู่ปู้” มู่ซืออวี่ค่อย ๆ ฉีกยิ้ม “เขาได้เลื่อนขั้นแล้ว ตอนนี้นายอำเภอพึ่งพาเขาเป็นอย่างมาก ช่วงนี้เลยยุ่งเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไร ถ้าท่านอยากจะแตกหักกับข้า ข้าก็สามารถบังคับรถม้าไปที่ศาลาว่าการเพื่อเรียกเขากลับมาได้”
“ไม่ต้องไม่ต้อง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้อย่าไปรบกวนเขาเลย” หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกราวกับเขาถูกทุบด้วยขวดเครื่องปรุง ความรู้สึกผสมปนเปไปหมด “ข้ามองออกว่าลู่อี้เป็นคนอนาคตไกล นึกไม่ถึงว่าในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านี้จะได้เป็นจู่ปู้แล้ว”
จู่ปู้ นั่นเท่ากับเป็นมือขวาของใต้เท้านายอำเภอเชียวนะ จะต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้เป็นอย่างมากแน่
จงซื่อไม่เข้าใจว่าจู่ปู้คืออะไร เข้าใจแค่คำว่า ‘เลื่อนขั้น’ สองคำนี้ นางได้แต่เอ่ยพึมพำ “น้องชายของข้าเป็นถึงหลี่เจิ้ง…”
“ท่านรีบเงียบปากเถอะ” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยเบา ๆ “จู่ปู้เป็นตำแหน่งเจ้าหน้าที่ทางการเชียวนะ มีลำดับขั้น หลี่เจิ้งผู้นั้นมีขั้นหรือ? อย่าทำเรื่องขายหน้าเลย”
“หัวหน้าหมู่บ้าน ตอนนี้ลู่อี้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้วใช่หรือไม่?” จงซื่อไม่ได้โง่ พอจะเข้าใจเรื่องราวบ้างแล้ว
“ถูกต้อง เป็นใต้เท้าอย่างเป็นทางการแล้ว” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หัวหน้าหมู่บ้าน น้าของข้าถูกเขาตีจนลุกจากเตียงไม่ได้ ถึงแม้วันนี้ป้าจงจะไม่มาหาพวกเรา พวกเราก็จะไปหานางอยู่ดี” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยอย่างเย็นชา
“อะไรนะ?” หัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึง หันไปมองถังเอ้อร์โก่วอีกครั้ง ยิ่งมองเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกรำคาญใจเท่านั้น “ปกติเจ้าอาศัยความแข็งแรงของตนรังแกเด็กหลายคนในหมู่บ้าน ทุกคนล้วนไม่อยากทะเลาะกับเจ้า ตอนนี้เจ้านับวันยิ่งอวดดีขึ้นเรื่อย ๆ ถึงกับตีจนคนสลบไปแล้ว”
“ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำนะ” ถังเอ้อร์โก่วร้องโวยวาย “ท่านย่า ข้าไม่ได้ตีมู่เจิ้งหานสลบ เห็น ๆ อยู่ว่าพวกเขารังแกข้าคนเดียว ทั้งยังโยนข้าลงน้ำอีก พวกท่านดูแผลบนหน้าข้าสิ”
“เด็ก ๆ ในบ้านเราล้วนอ่อนแอ วัน ๆ อยู่กับหนังสือ อวิ๋นเอ๋อร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เด็กเปราะบางราวดอกไม้คนหนึ่งจะตีเจ้าได้หรือ? หัวหน้าหมู่บ้าน ถังเอ้อร์โก่วคนนี้มักจะรังแกคนในหมู่บ้าน เขาจะถูกคนรังแกได้หรือ? ข้าได้ยินมา เขาคนเดียวจัดการเด็กได้ถึงหกเจ็ดคน เด็กส่วนใหญ่ในหมู่บ้านล้วนถูกเขารังแกทั้งนั้น”
“แต่ครั้งนี้เป็นลู่ฉาวอวี่โยนข้าลงน้ำ! ทั้งยังกดหัวข้าลงน้ำด้วย บอกว่าจะล้างข้า…” ถังเอ้อร์โก่วตะโกนด้วยความอัดอั้นตันใจ
“เจ้าอายุเท่าไหร่ ลูกข้าอายุเท่าไหร่ เจ้าสูงแค่ไหน ลูกข้าสูงแค่ไหน เจ้าแข็งแรงเพียงใด ลูกข้าแข็งแรงเพียงใด? ถังเอ้อร์โก่ว เจ้ายังเด็กไม่รู้จักเรียนรู้เรื่องดี ๆ ทำร้ายคนก่อนแล้วยังมาใส่ร้ายผู้อื่น แย่จริง ๆ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร เอ้อร์โก่วของพวกเราใส่ความพวกเจ้าหรือ?”
“ใส่ร้ายหรือไม่ใส่ร้าย ในใจของทุกคนก็กระจ่างอยู่แล้ว ถูกหรือไม่?” มู่ซืออวี่มองคนที่อยู่นอกลานบ้าน
คนในหมู่บ้านเดิมทีก็ไม่พอใจกับจงซื่อและถังเอ้อร์โก่วนานแล้ว แต่ก่อนจงซื่ออาศัยว่ามีน้องชายเป็นหลี่เจิ้ง ลูกหลานของพวกเขาได้แต่ทนเมื่อถูกรังแก ตอนนี้เห็นพวกเขาจนมุม แต่ละคนจึงลอบรู้สึกดีไปด้วย
“เอ้อร์โก่ว เจ้าคงไม่ได้มัวแต่ห่วงเล่นเกินไปจนพลัดตกลงไปในน้ำเองนะ? เจ้าตัวโตทั้งยังสูงขนาดนี้ ฉาวอวี่จะแบกเจ้าได้หรือ?”
“นั่นน่ะสิ”
ถังเอ้อร์โก่วคว้าจับชายเสื้อของจงซื่อ “ท่านย่า”
ในใจของจงซื่อทั้งโกรธทั้งโมโห แต่กลับไม่สามารถหาคำพูดใดมาหักล้างได้
บาดแผลของลู่ฉาวอวี่ดูสาหัสกว่า ถึงแม้ถังเอ้อร์โก่วจะถูกกดน้ำ แต่ที่อื่นมีเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อย มองดูแล้วถังเอ้อร์โก่วก็แข็งแรงกว่าลู่ฉาวอวี่จริง ๆ
“แน่นอนว่าเด็กบ้านเจ้าคนเดียวสู้เอ้อร์โก่วของเราไม่ได้ แต่ถ้าเด็กบ้านเจ้าสามคนรวมหัวรังแกเอ้อร์โก่วของเราด้วยกันล่ะ” ในที่สุดจงซื่อก็เจอจุดพลิก
“ท่านแม่….” ลู่จื่ออวิ๋นออกมาในสภาพผมยุ่งเหยิง “อาการท่านน้าดูไม่ค่อยดีเลย ควรตามท่านหมอมาหรือไม่?”
“อวิ๋นเอ๋อร์ นี่เจ้า….” หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้ว มองถังเอ้อร์โก่วที่อยู่ข้าง ๆ “เจ้าทำร้ายอวิ๋นเอ๋อร์หรือ?”
ลู่จื่ออวิ๋นเวลาเห็นใครก็มักจะทักทายด้วยรอยยิ้ม สุภาพอ่อนน้อมมาก คนที่เดิมทีอิจฉาพวกลู่อี้สองสามีภรรยา ทว่าหากพบแม่นางน้อยคนนี้จะวางอคติลง อดรักใคร่เอ็นดูไม่ได้
ลู่จื่ออวิ๋นที่ปกติแล้วดูเหมือนเทพธิดาตัวน้อย ๆ วันนี้กลับอยู่ในสภาพยุ่งเหยิง เห็นภาพนี้อีกครั้ง ยังจะบอกอีกหรือว่าไม่ได้รังแก
มู่ซืออวี่มองจงซื่ออย่างเยือกเย็น “ป้าจง ในเมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ต่อหน้าเด็ก ๆ ข้าก็มีคำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยากจะบอก อวิ๋นเอ๋อร์เป็นแก้วตาดวงใจของพวกเรา หากมีของดี ๆ ก็จะมอบให้นางก่อน นางไม่ใช่ของเสียเงินอะไรนั่น จะไม่ให้แต่งงานกับคนไม่เอาไหน ไร้ความสามารถ หรือรู้จักแต่ใช้กำลังแน่นอน คนเราควรรู้ข้อจำกัดของตน รบกวนท่านสั่งสอนหลานของท่านให้ดี อย่าได้คิดเพ้อฝันเป็นกระต่ายหมายจันทร์”
“แล้วอย่างไรเล่า? ลูกสาวคนหนึ่งยังไม่ใช่ของเสียเงินหรือ เอ้อร์โก่วบ้านเราพูดแบบนั้นแล้วจะอย่างไร? เขาก็แค่พูดสนุก ๆ เท่านั้น พวกเจ้าสูงส่งนักรึไง เรื่องแค่นี้คนอื่นพูดถึงไม่ได้เลยหรือ?” จงซื่อเท้าสะเอว
“พูดไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ เจ้าไม่รู้หรือว่าชื่อเสียงของสตรีสำคัญ? เจ้าคิดว่าจะชี้ไม้ชี้มือสั่งอวิ๋นเอ๋อร์ของพวกเราได้ตามใจชอบรึ?” มู่ซืออวี่ไม่เผยความอ่อนแอแม้แต่น้อย
“เอาล่ะ!” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยขัด “ข้านับว่าฟังเข้าใจแล้ว เถียงกันจะครึ่งวันแล้ว ยังเป็นความผิดของถังเอ้อร์โก่วใช่หรือไม่?”
“หัวหน้าหมู่บ้าน ทำไมกลายเป็นพวกเราผิดเล่า? ท่านดูสิเอ้อร์โก่วของพวกเราถูกรังแกจนเป็นอย่างไรแล้ว” จงซื่อผลักถังเอ้อร์โก่วออกมา
“ข้าดูไม่ออกว่าเขามีตรงไหนไม่สบายดี” หัวหน้าหมู่บ้านไม่พอใจ “หากมีที่ใดไม่สบายดีจริง ๆ นั่นก็เพราะรนหาที่เอง แค่ปู่เป็นหลี่เจิ้งก็อวดดีได้แล้วหรือ? เจ้ากล้าเรียกปู่ของเจ้ามาพูดหรือไม่? ไหนจะไปหยาบคายกับเด็กผู้หญิงอีก ไม่มีความละอายเอาซะเลย จงซื่อ เจ้าพาเอ้อร์โก่วไปขอโทษเด็กเหล่านั้นซะ”
“หัวหน้าหมู่บ้าน พวกเราไม่รับคำขอโทษ” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยขึ้นเรียบ ๆ “วันนี้พูดคุยกันเสียตรงนี้ ถ้าถังเอ้อร์โก่วไม่มาตอแยเราอีกก็แล้วไปเถอะ แต่ถ้ายังตามวุ่นวายกับครอบครัวของเราไม่เลิก ข้าจะไม่ปล่อยเขาไป”
“เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่?” จงซื่อจ้องมองลู่ฉาวอวี่
“เขาไม่ได้จะเอาอย่างไร ลูกชายข้าก็เป็นเด็กดี แต่ข้าน่ะ…” มู่ซืออวี่หยิบขวานข้าง ๆ ขึ้นมา แล้วฟันลงไปยังท่อนฟืนดังฉัวะ!
ท่อนไม้ถูกผ่าออกเป็นสองซีก
“ข้าคนนี้ไม่ใช่คนอารมณ์ดีอะไร” มู่ซืออวี่แสยะยิ้ม “หากพวกท่านไม่รู้จักสั่งสอนเด็ก ข้าจะสอนแทนเอง ต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกท่านจะทนได้หรือไม่”
[1] หลี่เจิ้ง คือตำแหน่งทางการระดับรากหญ้า มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับทะเบียนบ้านและการจัดเก็บภาษี