สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 156 ในนั้นมีพี่อี้ด้วย
บทที่ 156 ในนั้นมีพี่อี้ด้วย
บทที่ 156 ในนั้นมีพี่อี้ด้วย
“ข้าก็ต้องเก็บไว้เป็นความลับก่อนสิ” เจิ้งซูอวี้ยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ลึกลับซับซ้อนเสียจริง” หลี่หงซูแค่นเสียงเย็นชา “ถึงตอนนั้นถ้าไม่ส่งบัตรเชิญมาให้ข้านะ”
มู่ซืออวี่นับว่าได้เห็นความสัมพันธ์ทั้งรักทั้งอยากฆ่าแกงกันของทั้งสอง อันที่จริงนางค่อนข้างอิจฉาพวกเขา
“คุณหนูซูอวี้ หากท่านคิดว่าทุกอย่างเข้าที่แล้ว เช่นนั้นข้าต้องขอจบงาน”
“เสร็จสมบูรณ์แล้วล่ะ ขอบคุณท่านมาก” เจิ้งซูอวี้กล่าว “ถึงตอนที่ข้าเปิดร้านท่านก็มาด้วยนะ”
“ข้าคงไม่ได้มาแล้วล่ะ” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ “ที่บ้านมีหลายสิ่งต้องทำ”
“เช่นนั้นก็ได้” เจิ้งซูอวี้มองชิวซวงที่อยู่ข้าง ๆ
ชิวซวงจึงเอ่ยกับมู่ซืออวี่ว่า “ฮูหยิน เชิญทางนี้”
มู่ซืออวี่ได้รับทั้งหมด 150 ตำลึงเงิน หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการซื้อวัสดุ กำไร เบ็ดเสร็จที่ได้รับคือ 120 ตำลึงเงิน
“พี่สะใภ้” เฟิงเจิงกล่าวทักทายนาง
“คุณหนูเจิ้งพึงพอใจมาก จ่ายค่าจ้างแล้ว นี่เป็นของพวกเจ้าตามสัญญา” มู่ซืออวี่แจกจ่ายถุงเงินให้แต่ละคน
เฟิงเจิงรู้สึกว่ามันหนักกว่าที่คิด จึงเทเงินในถุงออกมา ทันใดนั้นตาเขาก็แทบถลนออกมาทันที “เยอะขนาดนี้เลย?”
“แต่ละคนได้คนละ 8 ตำลึงเงิน” มู่ซืออวี่กล่าว “นี่เป็นเงินที่ข้าตั้งตามเนื้องาน หากพวกท่านคิดว่ายังไม่เหมาะสม พวกเราพูดคุยกันอีกทีได้”
“เหมาะสมแล้ว เหมาะสมแล้ว” ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“ข้ายังมีงานที่ต้องการให้พวกท่านช่วยอีก บ้านของข้ายังต้องทำเครื่องเรือน ข้าทำคนเดียวต้องใช้เวลานานแน่ ๆ สิ้นเปลืองเวลาเกินไป หากได้พวกท่านมาช่วย หลังจากงานเสร็จสิ้นแล้วแต่ละคนจะได้รับ 5 ตำลึงเงิน” มู่ซืออวี่กล่าวต่อ “คงต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน พวกท่านยินดีหรือไม่?”
“ยินดี ๆ”
แค่เพียงครึ่งเดือนก็ได้เงินถึง 5 ตำลึงเงิน ใครเล่าจะเคยนึกฝัน
เดิมทีพวกเขาติดค้างศาลาว่าการ 50 ตำลึงเงิน ทว่าเพียงแค่เดือนเดียวพวกเขาก็สามารถชำระได้สิบกว่าตำลึงเงินแล้ว สำหรับพวกเขาแล้วกล่าวได้ว่ากดดันน้อยกว่าแต่ก่อนมาก
“พี่สะใภ้”
ทุกคนคุกเข่าลง
“พวกท่านทำอะไร?” มู่ซืออวี่รีบพยุงเฟิงเจิงลุกขึ้นทันที “พวกท่านรีบลุกขึ้นเร็ว”
“พี่สะใภ้ ท่านเป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา” เจี่ยงจงกล่าว “พวกเรายินดีติดตามท่าน ท่านสั่งให้ทำอะไรก็ทำอย่างนั้น จะไม่ปริปากบ่นแม้แต่น้อย”
“พรุ่งนี้มาที่บ้านข้าเถอะ!” มู่ซืออวี่พูดด้วยรอยยิ้ม “มาทำงานให้ข้า ข้าจะทำให้พวกท่านชำระหนี้ให้หมดภายในครึ่งปี”
…
แกร๊ง แกร๊ง…
เสียงเงินถูกเทลงมากลิ้งไปทั่วโต๊ะ
ถงซื่อเห็นเงินมากมายขนาดนี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทว่าเมื่อมู่ซืออวี่ส่ง10 ตำลึงเงินมาให้ นางกลับตัวแข็งทื่อ
“เหตุใดถึงให้ข้า?”
“ช่วงนี้ท่านช่วยข้าดูแลอวิ๋นเอ๋อร์ ทั้งยังช่วยเป็นลูกมือข้า เช่นนี้ไม่สมควรได้รับเงินหรือ?” มู่ซืออวี่ยัดเงินใส่มือมารดา “รับไว้ อยากซื้ออะไรก็ซื้อสิ่งนั้น”
“ไม่เอา” ถงซื่อขมวดคิ้ว “น้องชายเจ้าเล่าเรียนก็ใช้จ่ายเงินไปมากแล้ว พวกเจ้าก็จ่ายให้ทั้งหมด ไหนจะซื้อจตุรสมบัติอะไรนั่น เจ้ากังวลเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่แต่บ้านทุกวัน เจ้ายังจะให้ข้าสิบตำลึงเงินอีก หากข้ารับมาจะดูเป็นคนเช่นไรกัน”
“ดูเป็นเช่นไร? ลูกสาวของท่านให้เงินทดแทนบุญคุณ อย่าว่าแต่ 10 ตำลึงเลย 100 ตำลึงท่านก็จะได้รับ รอลูกชายของท่านเป็นขุนนางก่อนเถอะ ท่านจะเจอเรื่องดี ๆ มากกว่านี้อีก ทีนี้เวลาผู้หญิงในหมู่บ้านพูดอะไร ท่านก็อย่าไปสนใจล่ะ ตอนนี้ท่านไม่จำเป็นต้องพะวงอะไรแล้ว นี่ไม่ใช่ว่าชีวิตดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีกหรือ?”
“ข้าจะไม่สนใจ เจ้าก็อย่าไปสนใจล่ะ” ถงซื่อเอ่ย “ข้าโง่เขลา ยังดีที่พวกเจ้าไม่เหมือนข้าตอนนี้จึงมีชีวิตดีเช่นนี้ ข้ามีความสุขจริง ๆ”
“ท่านแม่ ข้าบอกนายช่างเหลียงเอาไว้แล้ว พรุ่งนี้เขาจะพาคนมาซ่อมแซมบ้านท่านสักหน่อย”
“ไม่จำเป็นต้องซ่อมกระมัง”
“ข้าให้ท่านย้ายไปอยู่กับพวกข้า ท่านกลับกังวลว่าคนอื่นจะนินทา ในเมื่อไม่ย้ายไป วันหน้าพวกเราไปแล้ว ไม่ใช่ว่าท่านต้องอยู่เพียงลำพังหรือ? บ้านก็ต้องซ่อมแซม รั้วก็ต้องกั้นให้สูงขึ้นสิ” มู่ซืออวี่พูดต่อ “ต่อไปกลางวันให้เสี่ยวเฮยมาอยู่กับพวกเรา กลางคืนก็ให้มาเฝ้าบ้านให้ท่าน”
ถงซื่อไม่ใช่คนหัวรั้น หลังจากที่ลูกสาวจัดแจงให้ทุกอย่างแล้ว นางก็นิ่งงันไปสักพัก จากนั้นจึงทำตามที่จัดเตรียมไว้ให้แต่โดยดี
นางกำลังลังเลว่าจะซ่อนเงินไว้ที่ไหน มู่ซืออวี่จึงส่งกล่องที่มีที่สลักให้กล่องหนึ่ง
ถงซื่อไม่เคยเห็นกล่องที่งดงามประณีตเช่นนี้ ทั้งยังมีแค่ตัวนางเองที่เปิดได้ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เป็นของหายาก
“ลูกอวี่” มู่ต้าซานเรียกมู่ซืออวี่ที่กำลังจะลงไปดูที่นา
มู่ซืออวี่หันกลับมา สีหน้าพลันเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”
“ผักที่ปลูกไว้โตแล้ว ข้าเลยเอามาให้เจ้าบางส่วน…”
“ไม่จำเป็นล่ะ” มู่ซืออวี่ไม่รอให้เขาได้พูดจบก็ขัดขึ้นมากลางคัน “ที่บ้านเรามีผัก”
“ลูกอวี่…” มู่ต้าซานมองตามหลังของมู่ซืออวี่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ “เจ้าให้อภัยพ่อไม่ได้เลยหรือ? ข้าเป็นพ่อแท้ ๆ ของเจ้านะ”
ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุ หลังจากมู่ซืออวี่ดึงวัชพืชออกจากที่นาแล้ว แก้มของนางรู้สึกราวกับถูกแสงแดดเผาจนไหม้
“พี่สะใภ้” จางโม่หลานที่ถือตะกร้าไว้ยื่นเต้าหู้ชิ้นหนึ่งส่งให้มู่ซืออวี่ “ชิ้นนี้ให้ท่าน ข้าซื้อมาหลายชิ้น คนที่บ้านกินไม่หมดหรอก”
มู่ซืออวี่จะไม่รู้ซึ้งถึงความคิดน้อย ๆ ของอีกฝ่ายได้อย่างไร?
นางไม่ได้พูดอะไร เพียงส่งยิ้มขอบคุณ
ค่อยให้อวิ๋นเอ๋อร์ส่งหมูกรอบไปให้นางทีหลัง ถือว่าส่งของขวัญแลกเปลี่ยน
“พี่สะใภ้ ท่านรู้หรือไม่? น้องชายจงซื่อที่เป็นหลี่เจิ้งผู้นั้นถูกไล่ออกแล้ว” จางโม่หลานกระซิบเสียงเบา
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“สองวันมานี้เอง” จางโม่หลานกระซิบกระซาบ “ว่ากันว่าจู่ ๆ เบื้องบนก็ส่งคนไปตรวจสอบหลี่เจิ้งในแต่ละท้องที่ หลายคนจึงถูกไล่ออก น้องชายของจงซื่อผู้นั้นมีความผิดร้ายแรงที่สุด ตอนนี้ถูกจับเข้าคุกไปแล้ว ข้าได้ยินพวกเขาพูดคุยกันว่า เจ้าหน้าที่จากทางการที่ตรวจสอบพวกเขา ในนั้นมีพี่อี้ด้วย”
มู่ซืออวี่เงียบไปชั่วขณะ “หากเป็นเรื่องจริง นั่นก็เป็นหน้าที่ของเขา ข้าไม่รู้เรื่องนี้ เรื่องในศาลาว่าการเป็นความลับ ไม่สามารถบอกคนอื่นได้ รวมถึงคนในครอบครัว”
“ข้าเข้าใจ” จางโม่หลานเอ่ยยิ้ม ๆ “ที่คนเขาพูดเรื่องนี้ก็เพราะอยากระบายความโกรธน่ะ ข้าว่าพวกเขาไม่กล้ารังแกครอบครัวของท่านแล้ว ครอบครัวของพวกท่านคงสงบสุขขึ้นมาสักหน่อย”
“เป็นเช่นนั้นก็ดี” มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว “พวกเราไม่อยากมีเรื่อง แต่กลับมีบางคนมาก่อความวุ่นวายให้พวกเรา แย่จริง ๆ เชียว”
หลังจากมู่ซืออวี่กลับมาถึงบ้านก็ให้อวิ๋นเอ๋อร์เอาหมูกรอบไปให้บ้านเหยาซื่อ
นางเหยาจึงให้ปิ่งกับอวิ๋นเอ๋อร์มาชิ้นหนึ่ง
หลังจากที่ลู่อี้กลับมาถึงบ้าน มู่ซืออวี่ก็ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น
“ใต้เท้าลู่กลับมาแล้ว”
ลู่อี้ชะงักไปชั่วขณะแล้วหันกลับมามองนาง
เห็นเพียงนางสวมเสื้อตัวในบาง ๆ ผมปล่อยสยาย ภายใต้แสงเทียน แก้มของนางแดงเรื่อดุจกลีบดอกไม้
มู่ซืออวี่คลี่ยิ้มบาง ๆ มาให้
“เหตุใดถึงเรียกข้าเช่นนี้?” ลู่อี้ถาม
“ใต้เท้าลู่” รอยยิ้มของมู่ซืออวี่ยังคงประดับอยู่บนใบหน้า นางคว้าคอเสื้อเขาแล้วผลักเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ “ทำงานคงลำบากไม่ใช่น้อย ข้าจะช่วยนวดให้ท่าน”
ลู่อี้เลิกคิ้วขึ้น
นี่จะเล่นอะไรอีก?
เขาหลับตาลง ดื่มด่ำกับการปรนนิบัติของนาง
ไม่จำเป็นต้องเอ่ย นางนวดได้สบายตัวมาก เขาค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เพลิดเพลินไปกับการดูแลเอาใจใส่ของนาง
เดิมทีมู่ซืออวี่เพียงแค่อยากแกล้งเขาเล่น แต่เมื่อเห็นเขารู้สึกสบายเช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะยืดเวลาออกไปอีกเล็กน้อย นางจึงช่วยนวดให้เขาอยู่พักหนึ่ง
“เอาล่ะ” ลู่อี้คว้ามือนางไว้ “ข้ามันกระดูกแข็ง เจ้าจะเจ็บมือเปล่า ๆ ว่ามาเถอะ มีเรื่องอะไรหรือ?”