สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 168 หากดื่มจนเมามายก็ไปนอนกับเสี่ยวเฮยเถอะ
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 168 หากดื่มจนเมามายก็ไปนอนกับเสี่ยวเฮยเถอะ
บทที่ 168 หากดื่มจนเมามายก็ไปนอนกับเสี่ยวเฮยเถอะ
บทที่ 168 หากดื่มจนเมามายก็ไปนอนกับเสี่ยวเฮยเถอะ
“เมียลู่อี้ตามใจเด็กจริง ๆ ของดี ๆ ก็เอาไปให้เด็กเล่นเสียนี่ สิ้นเปลืองของเปล่า ๆ!” เจี่ยงซื่อขมวดคิ้ว
หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ สองสามคนไม่สนใจ หันไปพูดคุยเรื่องอื่นแทน
เจี่ยงซื่อเห็นว่าไม่มีคนเห็นด้วยก็รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย นางจึงลุกขึ้นไปคุยกับคนอื่น ทว่าทุกคนล้วนเห็นกับตาตัวเองว่านางหาเรื่องเอ้อร์หนิวและคนอื่น ๆ เช่นไร
ที่นี่ครึกครื้นไม่น้อย ทว่าในหมู่บ้าน ชาวบ้านหลายคนกำลังเอ่ยตำหนิลู่อี้ ครอบครัวของอวี๋ซื่อกลับอึกทึกครึกโครมที่สุด นางอยากจะไป แต่ถูกสามีขวางเอาไว้ สามีภรรยาทั้งสองคนถึงกับฉีกทึ้งกัน
สามีผู้นั้นไม่ให้อวี๋ซื่อไปขายขี้หน้าตนเองที่บ้านของลู่อี้ ในขณะที่อวี๋ซื่อคิดว่าตนเป็นป้า แต่กลับไม่ได้ไปงานขึ้นบ้านใหม่ของลู่อี้ที่เป็นหลาน แล้วบ้านอื่นมีเหตุผลอะไรถึงได้ไป จึงเอะอะโวยวายอยู่ครึ่งค่อนวัน
ถึงแม้สามีของอวี๋ซื่อจะขี้ขลาด แต่กับเรื่องนี้เขาแน่วแน่เป็นอย่างมาก อวี๋ซื่อไม่สามารถปลีกตัวมาได้ และเมื่อได้ยินความครึกครื้นทางฝั่งบ้านของลู่อี้ นางก็ถึงกับต้องหยิบค้อนขึ้นมาไล่ทุบสามีไปทั่วลานบ้าน
กลับมาที่ทางด้านแม่เฒ่าเจียง นางล้มป่วยอย่างหนัก ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นข้างนอกแต่อย่างใด
เมื่อได้ยินเสียงคึกคักในหมู่บ้าน นางจึงถามว่า “บ้านไหนมีงานแต่งหรือ?”
“จะเป็นใครได้อีก? บ้านนังหญิงสารเลวมู่ซืออวี่นั่นจัดงานขึ้นบ้านใหม่” ถังซื่อเคี้ยวอ้อย หลังจากเคี้ยวได้น้ำแล้วก็ถ่มกากออกมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว “เชิญแทบทุกคนในหมู่บ้านไป แต่กับพวกเราที่เป็นญาติใกล้ชิดกลับไม่เชิญไป ข้ารู้อยู่แล้วว่านังนั่นเลี้ยงไม่เชื่อง”
“เอาเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว” มู่ต้าไห่เอ่ยขึ้น “ดูแลเรื่องครอบครัวตนเองให้ดีก่อนเถอะ เรื่องของผู้อื่นไม่ต้องไปกังวลแทน ระยะนี้เจ้าได้เข้าเมืองหรือเปล่า ได้เห็นหรือไม่ว่าเจียวเอ๋อร์เป็นอยู่อย่างไร”
“นางจะเป็นอย่างไรได้? เจิ้งอี้จัดการให้นางไปอยู่กับนายน้อยสกุลหวัง นายน้อยสกุลหวังโปรดปรานนางมาก” ขณะที่ถังซื่อเอ่ยก็ลูบ ๆ คลำ ๆ ปิ่นปักผมสีทองบนผมนาง “ดูสิ นี่นางให้ข้ามา”
“เอามา” แม่เฒ่าเจียงยื่นมือออกมา
ถังซื่อรำคาญใจ “ท่านแม่ แบบนี้ดูไม่เข้ากับวัยของท่าน ไม่เหมาะสม วันหลังข้าจะให้เจียวเอ๋อร์หาปิ่นทองเหมาะ ๆ มาให้ท่านแล้วกัน”
“ข้าบอกให้เจ้าเอามา จะพูดจาให้มากความไปทำไม?” แม่เฒ่าเจียงจ้องเขม็ง “ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าทำให้ครอบครัวของเราถูกหมู่บ้านนี้ดูถูก มีอะไรให้ภูมิใจนักหนา หากไม่ใช่เพราะเจิ้งอี้ของข้า ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าคงได้แต่งให้หวังหมาจื่อไปแล้ว”
ถังซื่อถอดปิ่นปักผมนั้นออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก
แม่เฒ่าเจียงคว้าเอาไว้ แล้วเก็บไว้ในอ้อมแขนของตน
ถังซื่อมองแม่เฒ่าเจียงที่เดินเข้าไปในบ้าน แล้วเอ่ยกับมู่ต้าไห่ว่า “ข้าใช้ชีวิตอย่างนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว พวกเราไปขอเงินเจียวเอ๋อร์แล้วเริ่มกิจการใหม่ดีหรือไม่?”
ครั้นมู่ต้าไห่ได้ยินคำว่ากิจการก็ประหวั่นพรั่นใจขึ้นมา
เขาตอบด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ไม่ต้องวุ่นวายแล้ว เจียวเอ๋อร์ส่งเงินกลับมาเมื่อไหร่ พวกเราก็ค่อยไปซื้อที่ดินกลับมา ถึงตอนนั้นเราก็ไม่ต้องปล่อยให้ตัวเองหิวท้องกิ่วแล้ว”
“ที่ดิน? เจ้าอยากจะทำไร่ทำสวนหรือ?” ถังซื่อขมวดคิ้ว “ทำไร่ไถนาไม่เคยมีอนาคตที่ดี เจ้าก็เห็น ทุกคนในหมู่บ้านล้วนมีกิจการร้านหมูตุ๋น พวกเรายังจะทำไร่ไถนาอย่างซื่อสัตย์สุจริตอยู่อีกรึ เจ้าบ้าแล้วกระมัง”
“ข้าก็ไม่อยากทำกิจการอีกแล้ว เจ้าอยากจะทำก็ย่อมได้ แต่มีเรื่องอะไรอย่ามาหาข้าก็แล้วกัน” มู่ต้าไห่กล่าว “พี่ชายคนดีของเจ้าคนนั้นทำให้เราเดือดร้อนแล้ว ยังมีหลานชายตัวดีของเจ้าอีก ไม่เพียงแต่ทำให้เราเดือดร้อน แต่ยังทำร้ายเจียวเอ๋อร์อีก ยังดีที่นายน้อยสกุลหวังไม่รังเกียจร่างกายด่างพร้อยของเจียวเอ๋อร์”
“ชู่! เจ้าจะพูดอย่างนี้อีกไม่ได้” ถังซื่อมองไปรอบ ๆ แล้วกระซิบเสียงเบา “เด็กในท้องของเจียวเอ๋อร์เป็นของนายน้อยสกุลหวัง ไม่ว่าผู้ใดจะถามก็ต้องเป็นของนายน้อยหวัง เข้าใจหรือไม่?”
ปลาตัวใหญ่และเนื้ออันอุดมสมบูรณ์บนโต๊ะแทบจะทำให้ทุกคนในหมู่บ้านตาบอด แม้แต่หญิงที่จู้จี้จุกจิกที่สุดในหมู่บ้านก็ไม่อาจหาความบกพร่องของอาหารมื้อนี้ได้
เหล่าชายหนุ่มในหมู่บ้านเข้ามาขอดื่มเหล้ากับลู่อี้ไม่หยุดหย่อน ใครเข้ามาลู่อี้ก็ไม่ปฏิเสธ เขาย่นระยะห่างระหว่างทุกคนอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้ลู่อี้เป็นคนมีพรสวรรค์ พวกเขาจึงรู้สึกถึงระยะห่าง ต่อมาที่บ้านเกิดเรื่องขึ้น ชีวิตของลู่อี้จึงพลิกผัน หากว่ากันตามเหตุผล การตกจากสวรรค์ครั้งนี้ทำให้ลู่อี้กลายมาเป็นปุถุชนคนธรรมดาเช่นพวกเขาหรือ?
แน่นอนว่าไม่ใช่
ความทะนงตนของลู่อี้สลักลึกลงไปในกระดูกแล้ว
ถึงแม้จะตกต่ำสิ้นเนื้อประดาตัว เขาก็ยังเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด
เป็นเรื่องรู้กันดีในหมู่บ้านว่าลู่อี้ขาดปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น แต่ครั้งนี้เขาดื่มสุราเหมือนชายหนุ่มทั่วไป อีกทั้งยังพูดคุยกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง ไม่สงวนท่าทีแม้แต่น้อย
“ลู่อี้ เจ้าเปลี่ยนไปแล้ว” ท่านผู้เฒ่าในหมู่บ้านคนหนึ่งตบไหล่ของลู่อี้ ก่อนจะสะอึกออกมา “ตอนนี้เจ้าเริ่มกลายเป็นมนุษย์มากขึ้นแล้ว ข้าเห็นว่าภรรยาคนนี้แต่งมาไม่เลวเลย พอแต่งแล้ว เจ้าก็กลายเป็นที่ชื่นชอบขึ้นมา”
“ลู่อี้ นายอำเภอต้องพึ่งพาเจ้า เจ้าจะต้องทำงานให้ดี ผู้อื่นเขาต้องผ่านการสอบขุนนางถึงจะได้มาเป็นเจ้าหน้าที่ทางการ แต่เจ้าไม่ต้อง ได้รับมอบหมายหน้าที่ตำแหน่งจากใต้เท้านายอำเภอโดยตรง นับว่าเป็นโชคดีของเจ้า!”
“ใช่แล้ว ๆ โชคร้ายก่อนหน้านี้หมดสิ้นไปแล้ว ตอนนี้โชคดีมาถึง เจ้ายังมีวาสนารออยู่อีกนะ!”
“เมียลู่อี้เล่า? นางยุ่งวุ่นวายอยู่นานแล้ว เหตุใดข้าไม่เห็นนางออกมาดื่มสุราเลยเล่า? รีบให้นางออกมาเร็วเข้า”
ชาวบ้านเอะอะโวยวาย ดึงตัวมู่ซืออวี่ที่กำลังทักทายแขกผู้หญิงอยู่ออกมา
หลังจากมู่ซืออวี่ถูกแขกเหรื่อเชื้อเชิญให้ดื่มสุราหนึ่งจอก ใบหน้าก็เริ่มเปลี่ยนสี พวงแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ
“ข้าไม่ดื่ม ข้าดื่มไม่ไหวแล้ว” มู่ซืออวี่ปฏิเสธ “พวกท่านดื่มกินให้อิ่มหนำสำราญ หากไม่พอก็เรียกข้า ข้าจะเตรียมไว้ให้พวกท่าน”
“เมียลู่อี้ วันนี้เป็นวันที่มีความสุขของพวกเจ้า จอกนี้ต้องดื่ม” ท่านผู้เฒ่ากล่าว
“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสในหมู่บ้านของพวกเราเชิญท่านดื่มสุรา ท่านไม่ดื่มไม่ได้นะ!” คนอื่นเริ่มส่งเสียง
“ข้าจะดื่มแทนนางเอง” ลู่อี้รับจอกเหล้าไปจากมือของมู่ซืออวี่แล้วยกดื่มรวดเดียว “นางดื่มสุราไม่เป็น อย่าทำให้นางลำบากใจเลย”
“เฮอะ เจ้าเด็กชั่ว มองไม่ออกสักกระผีกเลยว่าจะรักเมียได้ขนาดนี้” คนที่อยู่ข้าง ๆ เริ่มโวยวาย “เจ้าดื่มแทนเมียของเจ้าแค่จอกเดียวไม่ได้ ต้องดื่มสามจอก!”
มู่ซืออวี่เห็นลู่อี้เมาแล้วก็รู้สึกละอายใจ นางรู้ว่าเขาดื่มไปไม่น้อยแล้ว จึงคว้าจอกที่แขกยื่นมาให้ “เขาดื่มไม่ได้แล้ว”
“เขาดื่มไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าดื่ม”
“ใช่ ๆ อย่างไรพวกเจ้าสามีภรรยาก็ต้องดื่ม”
ลู่อี้คว้ามือนางไว้ ก่อนจะคว้าเอาจอกสุราจากมือนาง “ไม่เป็นไร ข้าดื่มได้”
ขณะที่กำลังจะยกขึ้นดื่ม มู่ซืออวี่ก็คว้าเอาไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นดื่มลงไปรวดเดียว “เอาล่ะ ข้าดื่มแล้ว ไม่ต้องให้เขาดื่มอีกแล้ว”
“เยี่ยมยอดไปเลย พี่สะใภ้อี้!”
“สมกับเป็นพี่สะใภ้อี้!”
ลู่อี้ลอบกุมนิ้วตนไว้แน่น
ตอนที่นางยกขึ้นดื่มเมื่อครู่นี้ ริมฝีปากสีแดงของนางสัมผัสนิ้วของเขา ริมฝีปากนั้นนุ่มนิ่ม ทั้งยังร้อนผะผ่าว ราวกับของว่างที่เคยลิ้มลองไปก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
“ข้าขออภัยทุกท่าน นายท่านของเราดื่มมากเกินไปแล้ว ไม่สามารถดื่มได้อีกแล้ว ข้าจะพาเขากลับไปพักที่ห้อง” มู่ซืออวี่พูดขึ้น
“ลู่อี้ ท่านดื่มเยอะเกินไปแล้วหรือ?” มีคนถามขึ้นมา
ลู่อี้มองมู่ซืออวี่แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง “ภรรยาข้าบอกว่าข้าดื่มมากไป ก็คือข้าดื่มมากไปแล้ว”
“โฮ่ ฟังคำเมียขนาดนี้เชียวรึ!”
“ฮ่าฮ่า”
มู่ซืออวี่เริ่มหงุดหงิด นางปรายตามองลู่อี้ “ข้าไม่สนใจท่านแล้ว หากดื่มจนเมามายก็ไปนอนกับเสี่ยวเฮยเถอะ”
“เสี่ยวเฮยคือใคร?” มีคนถามขึ้น
“สุนัขของพวกเขาน่ะสิ”
“โฮ่! พี่อี้ ถ้าดื่มหนักไป พี่สะใภ้จะไม่ให้ท่านร่วมเตียงแล้ว ขอถามสักหน่อย ท่านกลัวหรือไม่?”
เสียงหัวเราะร่วนดังขึ้น
ไม่ว่ามู่ซืออวี่จะหนังหนาเพียงใด เรื่องนี้นางก็รู้จักสงวนท่าที หญิงสาวรีบหาข้ออ้างกลับเข้าไปหลังครัวอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเหล่าบุรุษขี้เมากลุ่มนี้อีก