สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 169 สามีเจ้าเมาหนักแล้ว
บทที่ 169 สามีเจ้าเมาหนักแล้ว
บทที่ 169 สามีเจ้าเมาหนักแล้ว
สตรีในหมู่บ้านช่วยเก็บกวาดข้าวของ เมื่อมีหลายคนช่วยกันเช่นนี้ การทำความสะอาดจึงไม่ยากนัก ไม่นานก็เก็บเสร็จอย่างรวดเร็ว
“สะใภ้อี้ โต๊ะที่เจ้าใช้วันนี้ช่างกลมดีจริง ทั้งยังหมุนได้อีกด้วย ใช้สะดวกจริง ๆ อยากกินอะไรก็หมุนมาได้ อาหารอยู่ตรงไหนล้วนกินได้หมด”
“ใช่แล้ว ท่านอยากซื้อหรือไม่? ถ้าท่านเอาไม้มาเอง ข้าคิดแค่ค่าฝีมือ โต๊ะหนึ่งตัว 100 อีแปะ” มู่ซืออวี่เอ่ยยิ้ม ๆ
“ฮ่า ๆ ข้าแค่พูดเรื่อยเปื่อยไปน่ะ” หญิงนางนั้นหน้าเจื่อนทันที
มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ ไม่เปิดโปงเรื่องที่อีกฝ่ายคิดจะเอาเปรียบ
หญิงออกเรือนคนอื่น ๆ ล้วนเข้าใจความหมายของมู่ซืออวี่ ดูเหมือนหากคิดจะฉวยประโยชน์จากนางคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คิดอยากได้ของจากบ้านนางก็ย่อมได้ แต่เจ้าจะได้ในสิ่งที่เจ้าจ่าย ไม่เช่นนั้นผู้ใดก็อย่าได้แม้แต่จะคิด
“พี่สะใภ้อี้” จางโม่หลานเดินเช็ดไม้เช็ดมือออกมา “ข้างในเรียบร้อยแล้ว”
“ขอบคุณเจ้ามากนะ โม่หลาน” มู่ซืออวี่กล่าว “รอข้าสักประเดี๋ยว…”
ผ่านไปครู่หนึ่ง มู่ซืออวี่ก็ออกมาจากข้างในพร้อมผ้าในมือ “นี่เหลือจากที่ทำเสื้อผ้าของเด็ก ๆ ในครอบครัวเรา เอาไปทำเสื้อผ้าชั้นในให้เด็กได้พอดี เจ้าดูว่าใช้ได้หรือไม่”
“ใช้ได้ เหมาะกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว” เหยาซื่อเดินเข้ามาหยิบไปจากมือของมู่ซืออวี่ “เจ้านี่คิดรอบคอบจริงเชียว”
“ป้าเหยา สะใภ้บ้านพวกท่านมีลูกแล้วหรือ?” หญิงออกเรือนที่อยู่ข้าง ๆ ประหลาดใจ
เหยาซื่อพยักหน้าด้วยความภูมิใจ “ใช่แล้ว สามเดือนแล้ว”
“โอ้ ยินดีด้วย ๆ”
“ความสัมพันธ์ของพวกท่านสองครอบครัวคงดีมาก พวกเรายังไม่รู้ ภรรยาลู่อี้กลับรู้ก่อนแล้ว”
“ข้าเองก็ยังไม่ได้บอกนาง แต่นางเอาใจใส่น่ะ ก็เลยสังเกตเห็นด้วยตนเอง” เหยาซื่อหันมาเอ่ยถาม “ใช่หรือไม่ล่ะ?”
“ใช่แล้ว” มู่ซืออวี่ยิ้ม “ครั้งก่อนข้าเห็นโม่หลานอาเจียน ตอนแรกก็แค่สงสัย แต่เมื่อครู่ข้าเห็นนางระมัดระวังตรงท้องเป็นพิเศษ มักจะวางมือไว้บนท้องบ่อย ๆ นี่ย่อมเป็นสัญชาตญาณต้องการปกป้อง ข้าเลยเดาว่าโม่หลานอาจจะท้อง แล้วนึกขึ้นมาได้ว่าผ้าที่บ้านข้า นางอาจจะใช้ได้ ป้าเหยาชอบก็ดีแล้ว แต่ถ้าไม่ชอบก็ช่างเถอะ เช่นนั้นข้าก็ไม่ให้แล้ว”
“ผู้ใดไม่ชอบ? ผู้ใดจะไม่ชอบกัน? เสื้อบนตัวของเด็กบ้านเจ้าไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะซื้อได้ มีของถูกไม่รีบคว้าไว้ก็เป็นไข่ตะพาบ*[1] สิ!” เหยาซื่อกล่าวเกินจริง
คนอื่น ๆ หัวเราะครื้นเครงไปตาม ๆ กัน
ถึงแม้จะเป็นถ้อยคำหยาบคาย แต่บางครั้งหากเอ่ยออกมาก็อาจทำให้ผู้คนผ่อนคลายมีความสุข
“พี่สะใภ้อี้ สามีของท่านดื่มมากไป ข้าเอาเขาไปหย่อนไว้ข้างในนะ!” เอ้อร์หนิวประคองลู่อี้เข้ามา
“จะเอาเข้าไปข้างในทำไม? เอาไปโยนไว้ในบ้านเสี่ยวเฮยนู่น” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยความโมโห
“ฮ่าฮ่า เช่นนั้นท่านมาทำเองเถิด ข้าไม่กล้า เดี๋ยวพี่อี้จะตีข้าเอา” เอ้อร์หนิวประคองลู่อี้เข้าไปในห้อง
คนอื่นค่อย ๆ ทยอยกลับไปแล้ว ของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลือนั้นใช้เวลาไม่นานก็เก็บจนเสร็จเรียบร้อย
“ท่านแม่ ท่านนั่งลงสักหน่อย” มู่ซืออวี่พยุงถงซื่อ
“มีอะไรหรือ?” ถงซื่องุนงง
“ท่านปวดหลังใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้นมา “เมื่อครู่นี้ข้าเห็นท่านชะงักไปครู่หนึ่ง”
“ข้าแก่ปูนนี้แล้ว ก็ตามประสาคนแก่น่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก” ถงซื่ออยากจะลุกขึ้น ทว่าทันใดนั้นก็ต้องส่งเสียงสูดปากออกมา ตามมาด้วยความเจ็บปวดบนใบหน้า
“หานเอ๋อร์!” มู่ซืออวี่ร้องเรียกมู่เจิ้งหาน
มู่เจิ้งหานออกมาจากห้องของฉาวอวี่ “ท่านพี่ ข้าอยู่นี่”
“เจ้าไปเชิญท่านหมอจูมาดูอาการท่านแม่ให้ที”
“ท่านแม่เป็นอะไรหรือ?”
“ปวดหลังน่ะ”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
ถงซื่อพยายามเกลี้ยกล่อมว่าตนไม่เป็นอะไร แต่สุดท้ายก็ทนการรบเร้าของลูกชายและลูกสาวไม่ได้ ทำได้เพียงยอมรับแต่โดยดี
“วันนี้ทุกคนยุ่งอยู่กับการรับรองแขก ไม่ได้ดูแลเด็ก ๆ ไม่รู้ว่าพวกเขาได้กินอะไรหรือยัง” ถงซื่อกล่าว
“เด็ก ๆ โตขนาดนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงพวกเขา”
มู่ซืออวี่ก็ไม่รู้ว่าเด็ก ๆ ขอของกินไปทำอะไร เพียงแต่ไม่อยากบอกถงซื่อ เดี๋ยวมารดาจะเสียดายเนื้อและเครื่องปรุงเสียเปล่า
“ท่านแม่ ห้องข้าง ๆ สองห้องเป็นห้องของท่านกับหานเอ๋อร์ พวกท่านจะมาตอนไหนก็ได้” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าจะพาท่านเข้าไปนอนสักพัก จะได้สบายขึ้นสักหน่อย”
“อย่าเลย ข้าเลอะไปทั้งตัว อย่าทำให้ห้องดี ๆ ต้องสกปรก” ถงซื่อยับยั้งชั่งใจ
“ข้าบอกแล้วว่านี่เป็นห้องที่เตรียมไว้ให้ท่าน ห้องข้าง ๆ ก็เป็นห้องหานเอ๋อร์” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “หานเอ๋อร์อยู่ที่นี่เขียนอะไรก็สะดวก ไม่เข้าใจอะไรก็ถามพี่เขยได้”
ครั้นถงซื่อนอนลงบนเตียงก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของผ้าห่มผืนใหม่ นางหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย
วันเช่นนี้ช่างดีจริง ๆ
ชีวิตนี้ของนางคุ้มแล้ว
มู่ซืออวี่เข้ามาในห้องครัว นางใช้ของที่เตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำน้ำแกงสร่างเมา
นางเข้ามาในห้องของตนพร้อมกับน้ำแกงสร่างเมา แล้วจึงวางถ้วยแกงไว้บนตู้ข้าง ๆ จากนั้นก็แตะ ๆ คนที่นอนอยู่ตรงนั้น
“ลู่อี้ ซดน้ำแกงสร่างเมาเสียหน่อย”
“อืม…”
ลู่อี้พลิกตัวกลับมา
มู่ซืออวี่นั่งอยู่ข้างเตียง เขย่าร่างเขาแรงกว่าเดิม “ลู่อี้ ลุกขึ้นมาดื่มน้ำแกงสักหน่อย ฟังข้าสิ”
ลู่อี้ลุกขึ้นนั่งอย่างปุบปับ ดวงตาคู่สวยจ้องมองนางอย่างเงียบ ๆ
มู่ซืออวี่ “…”
ถึงตอนนี้ นางสัมผัสได้ถึงอันตรายขึ้นมา
“นั่น….”
ก่อนที่นางจะพูดจบ ลู่อี้ก็เข้ามากอด ทั้งยังกระซิบแผ่วเบาข้างหู “อย่าเสียงดัง ข้าปวดหัว…”
ลมอุ่น ๆ ที่พัดผ่านใบหูทั้งชวนให้จั๊กจี้และร้อนผ่าว ทำให้นางอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว
นางนั่งแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น ลมหายใจพลันถี่กระชั้น หัวใจเต้นระรัว
ลู่อี้ปล่อยนางแล้วนอนลงไปอีกครั้ง
มู่ซืออวี่ “…”
ช่างเถอะ! คุยกับคนเมาอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง หากไม่ดื่มน้ำแกงก็ช่างปะไร
เมื่อท่านหมอจูมาถึง เขาได้ตรวจดูอาการถงซื่อ จากนั้นจึงสั่งยากอเอี๊ยะ*[2] ให้
“กอเอี๊ยะใช้ทาภายนอก ใช้หนึ่งแผ่นต่อวัน ให้ใช้ขณะนอนหลับ” หลังจากท่านหมอจูกล่าวจบก็มองมู่ซืออวี่อย่างคับข้องใจ “พวกเจ้าขึ้นบ้านใหม่ เหตุใดไม่เชิญข้า?”
“เข้าใจผิดแล้ว ท่านหมอจู พวกเราไปหาท่านแล้ว แต่ท่านไม่อยู่บ้าน” มู่เจิ้งหานที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “เมื่อวานไปหาหนึ่งครั้ง วันนี้ก็ไปหาอีกหนึ่งครั้ง”
“ข้าขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร เพิ่งกลับมาวันนี้ตอนบ่าย ๆ เอง” ท่านหมอจูเกาหัวแกรก ๆ “ไม่สนล่ะ ข้าไม่ได้กิน พวกเจ้าต้องชดใช้ให้ข้า”
“ได้เลย พ่อของเด็ก ๆ ยังมีวันหยุดเหลืออีกหนึ่งวัน พรุ่งนี้ขอเชิญท่านหมอจูมาทานอาหารง่าย ๆ สักมื้อนะ” มู่ซืออวี่หัวเราะ
“เช่นนี้ย่อมได้ พรุ่งนี้ข้าจะต้องมาแน่นอน เจ้าเตรียมให้พร้อมล่ะ!” ท่านหมอจูกล่าวจบแล้วก็กลับไป
“หานเอ๋อร์” มู่ซืออวี่เรียกมู่เจิ้งหานเอาไว้ “น้องสามีข้าดูเหมือนจะดื่มสุราไปหนึ่งจอก ข้าไม่สะดวกเข้าห้องไปดูเขา เจ้าเข้าไปดูหน่อยว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง หากตื่นแล้วก็ให้เขาดื่มน้ำแกงสร่างเมา”
มู่เจิ้งหานรับคำแล้วเข้าไปดูลู่เซวียน
มู่ซืออวี่แปะแผ่นกอเอี๊ยะให้ถงซื่อ จากนั้นก็นวดไหล่และคอให้อีกครั้ง
“เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไม่ต้องสนใจข้าแล้ว”
“ท่านเป็นแม่ของข้า หากข้าไม่สนใจท่านแล้วใครจะสนใจท่าน? ดูสิ ท่านยังไม่ถึงสี่สิบ ร่างกายกลับมีอาการของคนแก่แทบทุกอย่างเสียแล้ว ข้าเห็นแล้วปวดใจจริงเชียว” มู่ซืออวี่กล่าว “อย่าขยับ ข้าจะนวดให้ท่านดี ๆ”
ดวงตาของถงซื่อแดงก่ำ “แม่มีความสุขมาก มีลูก ๆ ที่ดีเช่นนี้ ความทุกข์ยากที่ได้รับแต่ก่อนก็ไม่นับเป็นอันใดแล้ว”
“ท่านกับหานเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมบ้านแล้ว เพราะหานเอ๋อร์จะไม่ถูกกักขังอยู่ที่เล็ก ๆ แห่งนี้ สักวันเขาจะพาท่านไปมีชีวิตที่ดี ๆ ท่านต้องรักษาร่างกายตัวเองให้ดี ภายหน้ายังต้องช่วยเขาเลี้ยงลูกอีก”
“ได้ ๆ” ถงซื่อลูบหลังมือบุตรสาวเบา ๆ “แม่ก็อยากดูแลลูกให้เจ้าเช่นกัน เจ้ากับลูกเขยยอดเยี่ยมเช่นนี้ คลอดออกมาอีกสักสองสามคนก็ได้ แม่ยังไม่ชรา จะช่วยพวกเจ้าดูแลเอง”
มู่ซืออวี่ “…”
นางลืมไปเสียสนิท
ต่อจากนี้นางกับลู่อี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้!
[1] มีของถูกไม่รีบคว้าไว้ก็เป็นไข่ตะพาบ หมายถึง หากได้รับประโยชน์โดยไม่ต้องเสียแม้แต่สตางค์แดงเดียว หากไม่รับไว้ก็นับว่าโง่แล้ว
[2] กอเอี๊ยะ คือยาจีนแผนโบราณชนิดหนึ่ง ใช้ทาภายนอก ในสมัยโบราณจะต้มน้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์จนได้เป็นของเหลวคล้ายวุ้น จากนั้นทาลงบนผ้า กระดาษ หรือหนัง แปะบริเวณที่มีอาการ ใช้รักษาฝี ช่วยลดอาการปวดบวม