สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 174 ขอทานกล่าวว่า ข้าจะติดตามเพียงเจ้า
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 174 ขอทานกล่าวว่า ข้าจะติดตามเพียงเจ้า
บทที่ 174 ขอทานกล่าวว่า ข้าจะติดตามเพียงเจ้า
บทที่ 174 ขอทานกล่าวว่า ข้าจะติดตามเพียงเจ้า
ชายห้าคนนอนครวญครางอยู่บนพื้น ในขณะที่ชายขอทานมองพวกเขาอย่างเยือกเย็น
มู่ซืออวี่ซาบซึ้งใจจนแทบน้ำตาไหล “ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ช่วยข้า”
“ถือซะว่าตอบแทนเงินและอาหารที่เจ้าให้ข้าหลายวันมานี้” น้ำเสียงของขอทานผู้นี้เย็นชาถึงที่สุด
“เห็นได้ชัดว่าเจ้ามีทักษะที่ดีเช่นนี้ เหตุใด…” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยความสงสัย ทว่าเมื่อเห็นสายตาอันตรายของขอทาน จึงเงียบปากไปทันที “ไม่ว่าอย่างไรก็ขอบคุณเจ้า เจ้าเก่งกาจขนาดนี้ อยากจะติดตามสามีของข้าหรือไม่? จะให้เจ้าเดือนละ 10 ตำลึงเงิน”
ทว่าขอทานเดินผ่านหน้ามู่ซืออวี่ไปอย่างเมินเฉย
สีหน้าของมู่ซืออวี่เต็มไปด้วยความผิดหวังหลังจากโดนปฏิเสธ
ขอทานคนนั้นทักษะเยี่ยมยอดเช่นนี้ หากเป็นคนคุ้มกันประจำตัวของลู่อี้ได้ ลู่อี้คงปลอดภัย แต่นิสัยของยอดฝีมือคนนี้แปลกเกินไปแล้ว ถึงได้ยอมเป็นขอทานดีกว่าเป็นผู้ติดตามที่ได้รับค่าตอบแทนอย่างงาม
ทันใดนั้น รถม้าคันหนึ่งก็ผ่านไปด้านหน้า
ด้านหลังรถม้าคันนั้นมีผู้คุ้มกันไม่น้อย แต่ละคนล้วนเป็นนักฆ่า เห็นได้ชัดว่าคนในรถม้าไม่ใช่คนธรรมดา
มู่ซืออวี่เห็นคนเหล่านี้ก็จำหนึ่งในนั้นได้ทันทีว่าเป็นนักฆ่าที่เห็นบนภูเขาเมื่อวานนี้ ตอนนั้นเขากวัดแกว่งดาบขึ้นลง ฆ่าคนได้อย่างคล่องมือนัก
“ข้าจะไม่เป็นคนติดตามสามีของเจ้า แต่….” ขอทานหยุดไปเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อไปว่า “ข้าติดตามเจ้าได้”
มู่ซืออวี่ “…”
จนรถม้าเคลื่อนผ่านไปแล้ว ขอทานถึงได้หันกลับมามองนาง “ได้หรือไม่?”
“ข้าเป็นเพียงหญิงบ้านนอก ข้างกายไม่จำเป็นต้องมีผู้ติดตามที่มีฝีมือเช่นเจ้า” มู่ซืออวี่กล่าว
ขอทานเหลือบมองชายที่กองอยู่ข้าง ๆ “ข้าคิดว่าเจ้าต้องการข้ามากกว่าสามีของเจ้า”
“ไม่อย่างนั้น เจ้าช่วยข้าเอาคนพวกนี้ไปไว้ที่ศาลาว่าการ จะได้ไปหาสามีของข้าพอดี ให้ข้าถามเขาดูเป็นอย่างไร?”
มู่ซืออวี่ไม่อยากปล่อยให้ผู้ช่วยชีวิตที่มีฝีมือขนาดนี้หลุดลอยไป นางคงทำได้เพียงเก็บคนไว้ก่อนแล้วถามลู่อี้อีกครั้ง ลู่อี้ร้ายกาจขนาดนั้น หากเขาอยากจะเก็บใครไว้สักคน บางทีคนผู้นี้อาจจะถูกความสามารถของลู่อี้ดึงดูดไปก็ได้
“อืม”
นอกศาลาว่าการ นักการเกาจับคนก่อกวนสองสามคนเข้าไปขังคุก
ลู่อี้รีบร้อนออกมาหลังจากได้ยินข่าว
หน้าตาเขาดูเป็นกังวล ตอนที่มาถึงก็ตรวจดูเสียยกใหญ่ว่านางได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีรอยเลือดที่เห็นได้ชัดจึงโล่งใจไปกว่าครึ่ง
“เจ้าไม่เป็นไรนะ?”
“โชคดีที่พี่ใหญ่ท่านนี้ช่วยข้าเอาไว้” มู่ซืออวี่แนะนำขอทานที่อยู่ข้างหลัง
ขอทานเงยหน้ามองลู่อี้ แต่ไม่กล่าวสิ่งใด
“ขอบคุณท่านจอมยุทธ์”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ฮูหยินของเจ้าให้อาหารและเงินข้าไม่น้อย นี่เป็นแค่การตอบแทน” หลังจากขอทานเอ่ยจบ เขาก็หันไปมองมู่ซืออวี่ “เจ้าถามสามีของเจ้าว่าตกลงหรือไม่ ถ้าไม่ ข้าก็จะไปแล้ว”
มู่ซืออวี่เคลื่อนไหวอย่างสงบ นางลากลู่อี้ไปที่มุมหนึ่ง จากนั้นจึงบอกเรื่องราวกับเขาคร่าว ๆ
ลู่อี้ฟังจบก็หันกลับไปมองขอทาน
“ข้าจะคุยกับเขาก่อน” ลู่อี้หันมาเอ่ยกับนาง “เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ หลังจากข้าคุยกับเขาแล้วค่อยตัดสินใจ”
“ได้”
ลู่อี้คุยกับขอทานอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของขอทานเต็มไปด้วยหนวดเครา มองไม่ออกว่าเขามีสีหน้าอย่างไร ส่วนสีหน้าของลู่อี้เคร่งเครียดอย่างยิ่ง ส่วนมากเป็นเขาที่พูด ในขณะที่ขอทานตอบบ้างเป็นบางครั้ง
สุดท้ายลู่อี้ก็กวักมือเรียกมู่ซืออวี่ นางจึงเดินเข้ามาหา “เป็นอย่างไร?”
“พี่เซี่ยอยู่เป็นผู้คุ้มกันของเจ้าได้” ลู่อี้กล่าว “ตอนเจ้าเข้าออกเมืองข้าจะได้วางใจ”
“ทำงานให้ข้า?” มู่ซืออวี่จ้องมองขอทาน จากนั้นก็มองลู่อี้ “ฝีมือของพี่ใหญ่เซี่ยผู้นี้ หากติดตามท่าน ในอนาคตจะไม่รุ่งกว่าหรือ?”
“ข้าไม่ต้องการอนาคต” ขอทานที่มีนามว่าเซี่ยคุนกล่าว “ข้าต้องการแค่เพียงสถานที่ที่กินอิ่มนอนอุ่นเท่านั้น”
“เช่นนั้นก็เอาเถอะ” มู่ซืออวี่ลูบคางตัวเองอย่างครุ่นคิด “แต่ข้างกายของท่านต้องมีใครสักคนคอยช่วย ไม่เช่นนั้นข้าไปหานายหน้าซื้อใครมาดีหรือไม่?”
“พวกเจ้าต้องการคนแบบใด?” เซี่ยคุนถามเสียงเรียบ “อายุสิบห้า อ่านหนังสือได้หลายคำ ค่อนข้างเฉลียวฉลาด ต้องการหรือไม่?”
“พี่เซี่ยมีคนอยากแนะนำหรือ?” ลู่อี้ถามขึ้นทันที
“อืม รู้จักอยู่หนึ่งคน”
“ได้” ลู่อี้ยิ้มบาง ๆ “เช่นนั้นต้องรบกวนพี่เซี่ยแล้ว”
“รออยู่ที่นี่” หลังจากเซี่ยคุนเอ่ยจบ เขาก็เดินออกไปจากตรงนั้น
ทันทีที่เขาไปแล้ว มู่ซืออวี่ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ “พวกท่านคุยอะไรกัน? เหตุใดไม่โน้มน้าวให้เขาติดตามเจ้า? ฝีมือของเขายอดเยี่ยมมาก หากเขาติดตามท่าน จะต้องช่วยท่านได้มากเป็นแน่”
“เขาไม่ยินยอม” ลู่อี้นำกระบอกน้ำออกมาจากอ้อมแขนแล้วส่งให้นาง “ดื่มน้ำเสียหน่อย”
“ข้าไม่กระหาย” มู่ซืออวี่ปฏิเสธแล้วกล่าวต่อไป “ท่านเฉลียวฉลาดแบบนี้ หากอยากจะเก็บเขาไว้ จะต้องมีหนทางเป็นแน่”
“คนผู้นี้ไม่ชอบทางการ” ลู่อี้กล่าว “ระหว่างที่พวกเราพูดคุยกัน เขามองไปยังป้ายศาลาว่าการครั้งแล้วครั้งเล่า ในสายตามีแต่ความรังเกียจและความหงุดหงิด เขาไม่มีทางติดตามข้าเข้าออกศาลาว่าการหรอก”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง เช่นนั้นท่านไม่กลัวว่าเขาจะเป็นคนไม่ดีหรือ?”
“ดูจากฝีมือของเขาแล้ว ถ้าเขาเป็นคนเลวร้ายจริง ๆ ไม่มีทางที่จะเป็นขอทานมานานเช่นนี้ คนผู้นี้อาจจะดูเหมือนขอทาน แต่อากัปกิริยาท่าทางของเขาผ่าเผยมาก ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน”
“ข้าเชื่อสายตาของท่าน หากบอกว่าเขาไม่ใช่คนเลว เขาก็ไม่ใช่คนเลว” มู่ซืออวี่เยินยอลู่อี้เล็กน้อย
“เชื่อข้าจริง ๆ หรือ? หรือเจ้าไม่คิดเช่นนั้น” ลู่อี้มองนางยิ้ม ๆ “ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่พาเขามาอยู่ข้างกายข้า และคงไม่อยากให้ข้าเก็บเขาไว้เป็นผู้ติดตามมากขนาดนี้”
“ข้าคิดว่าข้างกายท่านขาดแค่คนมีความสามารถ” มู่ซืออวี่เอ่ยอย่างอึกอัก “จริงสิ เหตุใดคนพวกนั้นต้องซุ่มทำร้ายข้า ข้ายังไม่รู้เลย ท่านถามพวกเขาดูว่าเหตุใดต้องลงมือกับข้า”
“วางใจเถอะ” สายตาลู่อี้เผยแววเยือกเย็น
มู่ซืออวี่บอกเรื่องที่นางจะตั้งใจจะทำต่อไปกับลู่อี้ นางตั้งใจจะเปิดร้านในเมือง ให้เฟิงเจิงและคนอื่น ๆ คอยเฝ้า ขายเครื่องเรือนที่นางทำ หากใครต้องการให้ออกแบบงานตกแต่งก็สามารถมาหาได้ นางจะรับทำ
ตอนนี้ในมือของนางมีงานใหญ่ที่ต้องทำ นั่นก็คืองานจากคุณหนูสกุลหลี่ หลังจากทำงานนี้เสร็จสิ้นแล้ว ชื่อเสียงของนางก็จะมีมากขึ้น ย่อมไม่ต้องกังวลเรื่องกิจการอีก
“พาคนมาแล้ว” เซี่ยคุนนำเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้ามา
เด็กหนุ่มคนนั้นร่างกายผ่ายผอมราวกับกิ่งไม้ แต่งตัวเป็นขอทาน เมื่อเขาถูกผลักออกมาก็ยกยิ้มกระจ่างใส แววตาเผยความเฉลียวฉลาดออกมาให้เห็น
“นายท่าน มีคำสั่งอะไรหรือไม่?”
“เจ้าชื่ออะไร?” ลู่อี้เอ่ยถาม
“ข้าชื่อเสี่ยวโหวจือ*[1] พวกเขาล้วนเรียกข้าเช่นนั้น” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบหัวตัวเอง
“ข้าต้องการคนติดตามข้างกายข้า เจ้าอยากติดตามข้าหรือไม่?” ลู่อี้เอ่ยเรียบ ๆ “แต่หากอยากจะเป็นผู้ติดตามข้า เจ้าต้องทำสัญญากับข้าห้าปี ในห้าปีนี้เจ้าต้องฟังคำสั่งของข้าคนเดียว หากไม่เชื่อฟัง เช่นนั้นก็จะถูกลงโทษเหมือนแรงงานทาสทั่วไป”
เด็กหนุ่มมองไปทางเซี่ยคุน
“พี่คุน ท่านก็ทำสัญญาด้วยหรือ?”
เซี่ยคุนมองมู่ซืออวี่แล้วเอ่ยนิ่ง ๆ “ทำสัญญาห้าปีได้”
“ได้ พี่คุนทำ ข้าก็จะทำ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามต่อไปอย่างนอบน้อม “ค่าแรงเท่าไหร่หรือขอรับ?”
“เดือนละ 5 ตำลึง” มู่ซืออวี่กล่าว “หากเจ้าทำได้ดี ภายหน้าก็สามารถขึ้นค่าแรงได้”
“พอแล้ว พอแล้ว” เด็กหนุ่มยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันขาว “จะเริ่มงานเมื่อไหร่หรือขอรับ?”
[1] เสี่ยวโหวจือ แปลว่าลิงน้อย