สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 183 ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง
บทที่ 183 ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง
บทที่ 183 ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง
“ใครก็ชอบกินแต่ของอร่อย ๆ กันทั้งนั้น คนที่ชอบกินของไม่อร่อยไม่ใช่พวกชอบทำร้ายตัวเองหรือ”
เสียงของมู่ซืออวี่แผ่วเบา ทว่าลู่อี้ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน
“ตื่นแล้วหรือ? มีที่ใดรู้สึกไม่สบายหรือไม่?” ลู่อี้จับแขนนางพร้อมมองมาอย่างเป็นกังวล
“ที่ไหนก็ไม่สบาย…” มู่ซืออวี่กอดผ้าห่มแน่น “หนาว…”
ลู่อี้ดึงผ้าห่มผืนใหม่ในตู้ข้าง ๆ ออกมาห่มให้ เมื่อเห็นว่ามู่ซืออวี่ยังไม่กระปรี้กระเปร่า เขาก็คลานขึ้นไปบนเตียง กอดนางไว้เช่นเดิม
“ท่าน… ท่านจะทำอะไร?” ถึงแม้มู่ซืออวี่จะไม่มีเรี่ยวแรง แต่นางก็ได้สติกลับคืนมาแล้ว
ร่างกายแข็งแรงกำยำนี้ทำให้นางรู้สึกเหมือนกำลังนาบตัวกับถ่านที่กำลังคุ จิตใจพลันปั่นป่วนขึ้นมาทันที
“อย่าขยับ” ลู่อี้กอดนางแน่นยิ่งกว่าเดิม “ข้าจะนอนเป็นเพื่อนเจ้าสักพัก”
มู่ซืออวี่จึงค่อย ๆ ผ่อนคลายลงแล้วหลับไปอีกครั้ง
ลู่จื่ออวิ๋นหมอบอยู่ตรงร่องประตูและกำลังแอบมองดู เด็กหญิงตัวเล็กราวกับกระต่าย ครั้นถงซื่อผ่านมาเห็นเข้าก็รีบอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา
“ท่านยาย” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยเสียงเบา “เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเสียงท่านแม่ ท่านแม่ตื่นแล้วเจ้าค่ะ”
“พ่อเจ้าคอยดูแลแม่ของเจ้าอยู่ข้างใน ถึงแม้แม่เจ้าจะตื่นแล้วก็จริง แต่ตอนนี้นางยังไร้เรี่ยวแรง ให้พวกเขาพักสักครู่เถอะ” ถงซื่อกระซิบ
ลู่จื่ออวิ๋นพยักอย่างรวดเร็ว
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ท่านแม่ก็จะดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่?”
“ขอแค่นางได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ พรุ่งนี้คงไม่มีอะไรแล้ว” ท่านหมอจูออกมาจากห้องข้าง ๆ แล้วเอ่ยขึ้น
“ท่านหมอจู รบกวนท่านแล้ว” ถงซื่อกล่าว “ข้าทำเกอต่าทัง*[1] มา ท่านจะลองชิมหน่อยหรือไม่? ข้าเรียนรู้สูตรมาจากลูกอวี่น่ะ”
“ข้าเองก็หิวอยู่หน่อยจริง ๆ” ท่านหมอจูยิ้มบาง ๆ “รบกวนเจ้าแล้ว”
ถงซื่อจึงปล่อยลู่จื่ออวิ๋นลง
ลู่จื่ออวิ๋นถอนหายใจ ใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความเศร้าใจ แต่ก็ยังน่ารักน่าเอ็นดู
“อวิ๋นเอ๋อร์ คิดอะไรอยู่หรือ?” ท่านหมอจูนั่งลงบนม้านั่งหินตรงข้าม
“ข้ากำลังคิดว่า ข้าอยากโตไว ๆ จะได้หาเงินได้ ท่านแม่จะได้ไม่ต้องลำบากเช่นนี้” ลู่จื่ออวิ๋นนั่งลงตรงข้ามท่านหมอจู นางยกมือขึ้นมาเท้าคางเล็ก ๆ ได้อย่างน่ารักน่าชัง
“เด็กคนนี้นี่…” ท่านหมอจูส่ายหัวเบา ๆ “กินข้าวให้อร่อยดีกว่า เจ้าน่ะค่อย ๆ โตเถอะ เรื่องของพ่อแม่เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงหรอก”
เวลานี้เซี่ยคุนนั่งอยู่บนหลังคา
จือเชียนกระโดดขึ้นไปนั่งลงข้าง ๆ
ลู่จื่ออวิ๋นเห็นเช่นนั้นก็กล่าวว่า “ข้าอยากทำได้บ้าง!”
“อะไรหรือ?” ถงซื่อเดินออกมาพร้อมกับเกอต่าทัง
ท่านหมอจูเห็นไหสุราจึงมองถงซื่ออย่างดีใจ “เอามาให้ข้าหรือ?”
“ท่านไม่ชอบแบบนี้หรือ?” ถงซื่อกล่าวว่า “วันนี้ท่านต้องดูแลลูกอวี่ของข้า ไม่อาจให้ท่านดื่มมากเกินไป แต่ถ้าดื่มสักเล็กน้อยก็ไม่มีปัญหา”
“ขอบคุณ” ท่านหมอจูยกไหขึ้นมาดมกลิ่น “สุราดี”
ทางด้านลู่จื่ออวิ๋นนั้นตะโกนพูดกับจือเชียน “พี่จือเชียน! ข้าอยากเรียนกับท่าน!”
จือเชียน “…”
ดูเหมือนเขาจะก่อเรื่องแล้ว
“ท่านลงมาสอนข้าได้หรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นเงยใบหน้าเล็ก ๆ น่ารักขึ้นมา “ขอร้องล่ะ!”
จือเชียนจึงลงมาจากหลังคา
แม่นางน้อยตรงหน้าเขามีดวงตาฉ่ำน้ำ เวลายิ้ม ลักยิ้มเล็ก ๆ น่ารักคู่หนึ่งจะปรากฏขึ้นมา ดูอ่อนหวานเสียยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า ใครกันจะปฏิเสธนางได้ลงคอ
โครกก…
ท้องส่งเสียงประท้วงขึ้นมา
มู่ซืออวี่ลืมตาขึ้น
ฟ้าข้างนอกยังสลัว ๆ เดาว่าเวลาคงราว ๆ ตีห้า
แขนที่พาดอยู่บนเอวนางยังกดกอดนางไว้อย่างแน่นหนา นางค่อย ๆ ยกออกช้า ๆ ทว่าคนด้านหลังนางกลับกอดรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม
มู่ซืออวี่เหงื่อออกทั่วทั้งตัว รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก
ท้องนางร้องโครกครากด้วยความหิวโหย และยิ่งไม่สบายหนักกว่าเดิม ทว่านางก็ไม่สามารถทำใจปลุกคนข้างหลังขึ้นมาได้
“ช่างเถอะ หลับไปก็ไม่หิวแล้ว”
นางบังคับตัวเองให้หลับตาลง
รุ่งเช้า ลู่อี้ตื่นขึ้นจากความฝัน
เขามองมู่ซืออวี่ เมื่อเห็นสีหน้านางเริ่มมีเลือดฝาดดีกว่าสีหน้าซีดเซียวเมื่อวานนี้มาก เท่านี้เขาก็รู้สึกวางใจ
เขาแตะหน้าผากนางดูก็พบว่าไม่มีไข้แล้ว
“ข้าหิว” มู่ซืออวี่ลืมตาขึ้นมามองเขาอย่างไม่พอใจ
หากเขาไม่กอดนางแน่นขนาดนี้ นางคงลุกไปหาอะไรกินนานแล้ว
“เมื่อคืนนี้แม่ยายต้มข้าวต้มไว้ อุ่นไว้บนเตา ข้าจะไปเอามาให้”
มู่ซืออวี่กินข้าวต้มไปสามถ้วยในคราเดียว กำลังวังชาจึงกลับคืนมา ทั้งตัวรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาแล้ว
“วันนี้ท่านไม่ไปศาลาว่าการหรือ?”
“อีกเดี๋ยวถึงจะไป” ลู่อี้นั่งอยู่ข้างเตียงแล้วเอ่ยถาม “ตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยัง?”
“อืม”
“เช่นนั้นพวกเรามาคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ลู่อี้จ้องนางเขม็ง
มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว นางนิ่งเงียบไปทันที
“หากเจ้าไม่เอ่ย ข้าไปตรวจสอบเองก็ได้” ลู่อี้พูดจบก็ลุกขึ้น
“ข้าจะพูด!” หญิงสาวรีบคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ทันที
ลู่อี้จึงนั่งลง แล้วฟังนางเล่าเรื่องที่ถูกนายน้อยสกุลหลี่และถังหมิงฉงกลั่นแกล้ง แน่นอนว่านางไม่ปกปิดเรื่องที่นางผลักทั้งสองคนตกน้ำ รวมถึงเรื่องที่ทำให้พวกเขาหมดสติเนื่องจากดื่มน้ำเข้าไปมากเกินไป
“ข้ารู้แล้ว” ลู่อี้เอ่ยขึ้นในที่สุด “งานที่สกุลหลี่นั่นไม่ต้องทำแล้ว”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่”
“คุณหนูสกุลหลี่ไม่ได้เลวร้ายเลย”
“ไม่ได้” ลู่อี้ยืนยันคำเดิม
มู่ซืออวี่รู้ว่าเขาเป็นห่วง นางจึงยอมอ่อนลง
“ช่วงนี้เจ้าก็ไม่ต้องทำงานแล้ว พักผ่อนสักสองสามวันเสียก่อน” ลู่อี้ลูบหัวนางพลางเอ่ยว่า “เชื่อฟังข้าเถิด”
“เอาเถอะ ข้าจะฟังท่าน” มู่ซืออวี่ยอมแพ้แต่โดยดี
ดูเหมือนชะตาของนางจะไม่สมพงศ์กับคุณหนูสกุลหลี่จริง ๆ ถึงได้เกิดการพลิกผันหลายครั้งหลายคราเช่นนี้ ไม่เคยราบรื่นสักครั้ง
หลี่หงซูเดินทางไปที่ ‘เรือนกรุ่นฝัน’ จึงได้รู้ว่าวันนี้มู่ซืออวี่ไม่ได้เข้าเมือง
รถม้ามาหยุดอยู่ที่ร้าน ‘ยวลกลิ่นอิสตรี’
“คุณหนูหลี่ สินค้าใหม่เพิ่งมาวันนี้ อยากจะดูหน่อยหรือไม่?” ชิวซวงออกมาต้อนรับอีกฝ่าย
“คุณหนูของพวกเจ้าล่ะ?” หลี่หงซูมองหาเจิ้งซูอวี่ในร้าน
ชิวซวงส่ายหน้า “คุณหนูรองไม่ได้มาที่ร้านหลายวันแล้วเจ้าค่ะ”
“ช่างเถอะ” หลี่หงซูกล่าว “เช่นนั้นข้าไปล่ะ”
หลังจากกลับมาจากร้านยวลกลิ่นอิสตรี นางก็เห็นนักการสองสามคนอยู่ที่หน้าประตู นางจึงรีบถกชายกระโปรงวิ่งเข้าไปข้างในทันที
“นายท่าน พวกท่านเข้าใจผิดหรือไม่? นายน้อยของพวกเราจะฆ่าคนได้อย่างไร? นายท่าน…”
เมื่อพ่อบ้านเห็นหลี่หงซูกลับมาแล้วก็รีบเอ่ยอย่างร้อนรน “คุณหนู เจ้าหน้าที่ทางการเหล่านี้กล่าวว่านายน้อยของพวกเราก่อคดีฆ่าคนตาย”
หลี่หงซูหยุดยืนอยู่หน้านักการเกาแล้วกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ท่านนี้ พี่ชายข้ายังป่วยอยู่ พวกท่านมีเรื่องอะไรก็ไปสืบให้กระจ่างก่อนได้หรือไม่ รอให้ท่านพี่ข้าดีขึ้นก่อนเป็นอย่างไร”
“เจ้าจะให้ผู้ตายรอด้วยงั้นรึ?” นักการเกาเย้ยหยัน “มันผู้ใดขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ทางการ จับเอาไว้แล้วนำตัวไป!”
พ่อบ้านลังเลเล็กน้อย ก่อนจะดึงหลี่หงซูไว้
“ท่านพ่อท่านแม่ข้าล่ะ?”
“นายท่านออกไปเยี่ยมสหาย เพิ่งออกไปได้ไม่นาน ข้าน้อยส่งคนตามนายท่านไปแล้วขอรับ ส่วนฮูหยิน… คงกำลังฟังงิ้วอยู่ที่โรงงิ้วขอรับ”
“เวลาเช่นนี้ยังไปฟังงิ้วอีกหรือ?” หลี่หงซูขึ้นเสียงด้วยความโมโห “รีบไปเรียกมา!”
นักการเกานำคนกลับไปที่ศาลาว่าการ
“ท่านหัวหน้า คนผู้นี้ป่วยหนัก…” คนใต้บังคับบัญชาเอ่ยขึ้น
“เขาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าคนตาย ป่วยหนักแล้วอย่างไร? เอาเขาเข้าไปขังคุก” นักการเกาเอ่ยอย่างไร้ความปรานี
[1] เกอต่าทัง เป็นอาหารท้องถิ่นในภาคเหนือของจีน ส่วนผสมหลัก ๆ เป็นแป้ง ไข่ และมะเขือเทศ