สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 186 ข้าไม่สามารถรับปากท่านได้
บทที่ 186 ข้าไม่สามารถรับปากท่านได้
บทที่ 186 ข้าไม่สามารถรับปากท่านได้
หลังจากผ่านไปประมาณสองเค่อ*[1] มู่ซืออวี่ก็มานั่งอยู่ตรงโต๊ะหินด้วยร่างกายที่สะอาดสะอ้าน จิบน้ำชาร้อน ๆ พร้อมทานผลไม้แห้ง
ถงซื่อกำลังใช้ผ้าเช็ดผมให้บุตรสาว
มู่ซืออวี่บอกว่าตนจะทำเอง แต่ถงซื่อปฏิเสธ บอกว่านางเพิ่งหายป่วย ยังไม่มีแรงมากนัก
ไม่ว่าเจิ้งซูอวี้หรือหลี่หงซูก็ไม่เคยได้รับความรักที่ธรรมดาทว่าอบอุ่นเช่นนี้ ครั้นเห็นภาพนี้แล้วพลันรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจ
“ชาใกล้จะหมดแล้ว พวกท่านยังไม่ได้เอ่ยจุดประสงค์ที่มาที่นี่เลย” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “ลองให้ข้าเดา เกี่ยวกับเรื่องที่ข้าตกน้ำใช่หรือไม่? ”
หลี่หงซูพยักหน้ารัว ๆ “ใช่ ท่านรู้หรือไม่ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่รู้” มู่ซืออวี่เอ่ยเรียบ ๆ “พูดมาตรง ๆ เถอะ ถึงแม้ไข้ของข้าจะลดลงแล้ว แต่ร่างกายของข้ายังอ่อนแอ เกรงว่าข้าจะนั่งได้ไม่นานนัก”
หลี่หงซูจึงอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้คร่าว ๆ
ถงซื่อที่กำลังเช็ดผมของมู่ซืออวี่ตะลึงงัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างโมโห “หมายความว่าลูกสาวของข้าถูกคนครอบครัวพวกท่านผลักตกน้ำหรือ?”
ลู่จื่ออวิ๋นที่เล่นอยู่ข้าง ๆ ก็ได้ยินเช่นกัน นางหันมาจ้องหลี่หงซูและคนอื่น ๆ ด้วยความโกรธ
เจิ้งซูอวี้รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
หลี่หงซูถูกพี่ชายดึงเข้ามาเกี่ยวข้องก็แล้วไปเถอะ แต่นางไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับหลี่จวิ้นหาน ย่อมไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ท่านแม่ ท่านไม่ต้องตกใจไป” มู่ซืออวี่แตะหลังมือของถงซื่อเบา ๆ “ท่านเข้าบ้านไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ”
เสียงของท่านหมอจูดังมาจากข้างใน “เจ้ารีบมาช่วยข้าหาของเร็วเข้า ข้าหาไม่เจอแล้ว”
ถงซื่อยอมเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างไม่พอใจ
“อวิ๋นเอ๋อร์ มานี่” มู่ซืออวี่เรียกลู่จื่ออวิ๋นเข้ามา
เด็กน้อยเดินหน้ามุ่ยเข้ามา จ้องมองหลี่หงซูอย่างขุ่นเคืองใจ
ท่านน้าคนนี้น่ารำคาญนัก!
“อวิ๋นเอ๋อร์ ในห้องของแม่ยังมีของหวานกับผลไม้แห้งอยู่อีกไม่น้อย เจ้ากับเอ้อร์หนิวนำไปแบ่งปันกับสหายเถอะ”
อวิ๋นเอ๋อร์เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เด็กทั้งหมู่บ้านล้วนอยากเล่นกับนาง เพราะเช่นนี้ก็จะได้กินของหวานอร่อย ๆ และผลไม้แห้ง บางครั้งก็ยังได้กินของหวานที่มู่ซืออวี่ทำอีกด้วย
เมื่อกันผู้ใหญ่หนึ่งคนและเด็กหนึ่งคนออกไปแล้ว มู่ซืออวี่ก็กล่าวต่อ “ข้าไม่รู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ถึงแม้จะรู้ แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า ข้าไม่มีความแค้นผูกพยาบาทกับคุณชายสกุลหลี่ เขากลับลงมือทำกับข้าเช่นนี้ เห็นได้ว่าจิตใจของคนผู้นี้ไร้คุณธรรม ปกติไม่ทำสิ่งใดนอกจากรังแกคนอ่อนแอกว่า ตอนนี้ทางการตรวจสอบเขา นั่นก็เป็นปัญหาของเขาเอง คุณหนูหลี่มาหาข้าแล้วเอ่ยคำพูดเช่นนี้ นี่ก็เหมือนกับว่าข้าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง ทำให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น ช่างน่าขันนัก”
“จริงอยู่ที่พี่ชายของข้าชอบก่อเรื่อง บางครั้งข้าก็ไม่อยากมีพี่ชายเช่นนี้ เป็นลูกสาวคนเดียวของสกุลหลี่ยังจะดีกว่า เคยได้ยินกันว่ามีลูกสาวไม่สู้มีลูกชายใช่หรือไม่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่ชายของข้า นี่เป็นเรื่องจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ท่านพ่อท่านแม่ทุกข์ทนเพราะเรื่องเหล่านี้ นี่ก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน พี่ข้ามีความผิด พวกเรายินดีแก้ไข แต่ว่าได้โปรดให้อภัยเขา ให้โอกาสเขาอีกสักครั้งได้หรือไม่?”
“คำพูดเหล่านี้ท่านควรไปพูดกับใต้เท้านายอำเภอ ไม่ควรมาพูดกับข้า ข้าทำได้เพียงดูว่าปกติคุณหนูหลี่ปฏิบัติต่อข้าเช่นไร ไม่ถือสาหาความเรื่องที่ตกน้ำเมื่อวานนี้”
“เถ้าแก่เนี้ย ท่านกล้าพูดหรือว่าเรื่องวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจู่ปู้ลู่?” หลี่หงซูเริ่มร้อนใจ
“สามีของข้าเป็นเพียงจู่ปู้เล็ก ๆ คนหนึ่ง ไม่มีอำนาจมากมายขนาดนั้น คุณหนูหลี่คิดมากเกินไปแล้ว ชาวบ้านตัวเล็ก ๆ เช่นพวกเราจะกล้าไปยุ่งกับเรื่องราวใหญ่โตเช่นนั้นได้อย่างไร?” มู่ซืออวี่เผยสีหน้าเย็นชา
เจิ้งซูอวี้ดึงตัวหลี่หงซูเอาไว้ ส่ายหัวให้อีกฝ่าย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปรังแต่จะได้ผลลัพธ์เช่นเดิม ทั้งยังจะทำให้อีกฝ่ายโกรธมากกว่าเดิม เช่นนี้จะมีประโยชน์อะไรเล่า?
หลี่หงซูไม่สบายใจแม้แต่น้อย
ไม่ว่าหลี่จวิ้นหานจะเลวร้ายเพียงใด เขาก็เป็นพี่ชายของนาง
ใช่! เขารนหาที่เอง แต่พ่อแม่ที่บริสุทธิ์ของเขาเล่า?
“หากไม่มีเรื่องอื่น ข้าคงต้องขอตัว” มู่ซืออวี่ลุกขึ้นยืน
“เถ้าแก่เนี้ย ถ้าท่านช่วยพูดแทนพี่ชายข้า สกุลหลี่ของพวกเรายินดีที่จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้!” หลี่หงซูตะโกนไล่หลังมู่ซืออวี่
“ท่านแม่ ส่งแขก” มู่ซืออวี่ยิ้มหยัน
“เถ้าแก่เนี้ย…”
“หงซู ไม่ต้องพูดแล้ว” เจิ้งซูอวี้หยุดไว้ “ไม่มีประโยชน์”
“แต่พี่ชายข้า…”
“ข้าขอพูดตรง ๆ พี่ชายคนนั้นของท่านฆ่าคนตาย นั่นเป็นหนึ่งชีวิตเชียวนะ!” เจิ้งซูอวี้ขมวดคิ้ว “ซืออวี่กล่าวได้ถูกต้อง ทั้งหมดที่นางทำได้คือไม่ถือสาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่นางที่เป็นสตรีตัวเล็ก ๆ ผู้หนึ่งจะควบคุมได้ บางทีพวกท่านอาจจะเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ สามีของซืออวี่เป็นเพียงจู่ปู้เล็ก ๆ จะมีอำนาจมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร”
“เมื่อวานตกน้ำ วันนี้พี่ชายของข้าก็ถูกจับเข้าคุก จะเป็นเรื่องบังเอิญได้หรือ?”
ข้างนอกค่อนข้างเงียบสงบ มู่ซืออวี่เปิดหน้าต่างออกเพื่อให้หายใจได้สะดวก
ถงซื่อที่เดินกลับเข้ามาเอ่ยขึ้นว่า “ไปแล้ว”
“ทำให้ท่านแม่ต้องกังวลแล้ว” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ
“เจ้าว่าเรื่องนี้แท้จริงแล้วเป็นเพราะลูกเขย…”
“ท่านแม่ ลูกเขยของท่านไม่ทำเรื่องเช่นนี้เป็นแน่” ทว่าถึงกระนั้น ตอนที่เอ่ยคำพูดนี้ออกมา มู่ซืออวี่กลับไม่มั่นใจนัก
“งานที่สกุลหลี่เกรงว่าคงจะทำไม่ได้แล้ว” ถงซื่อพูดขึ้น “ถ้ารู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่รับเสียก็ดี เจ้าดูสิ เพียงแค่งานนี้ จ้าต้องได้รับความทุกข์ยากเพียงใด”
“ชีวิตของคนจะราบรื่นไปตลอดได้อย่างไร ไม่เป็นไร ถือเสียว่าสะสมประสบการณ์”
เมื่อกลับเข้ามาในเมือง เจิ้งซูอวี้ก็บอกลาหลี่หงซูแล้วกลับเข้าบ้านตน
นางยังมีเรื่องที่ต้องจัดการกองพะเนินมากมาย ย่อมไม่สนใจเรื่องของสกุลหลี่ ตอนนี้หลี่หงซูไม่ฟังคำแนะนำของนางก็แล้วแต่เถอะ!
หลี่หงซูนั่งรถม้ากลับบ้าน ครั้นมาถึงหน้าประตูก็เห็นชายชราในชุดนักพรตเต๋าเดินเข้ามา
“ท่านปู่?” หลี่หงซูเรียกออกมาอย่างไม่แน่ใจ
ชายชราคนนั้นหันกลับมามองหลี่หงซูอย่างพินิจ “ซูเอ๋อร์?”
“ท่านปู่จริง ๆ ด้วย!” หลี่หงซูประหลาดใจ “ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว พวกเราคิดถึงท่านมาก ท่านปู่ รีบเข้าบ้านเถอะ”
ผู้อาวุโสหลี่กลับจวนแล้ว กำลังสำคัญกลับมาแล้ว!
นายท่านหลี่และฮูหยินหลี่คารวะท่านผู้เฒ่า จากนั้นจึงเล่าปัญหาของหลี่จวิ้นหาน
“ท่านพ่อ ท่านจะต้องช่วยหานเอ๋อร์นะขอรับ! สกุลหลี่ของเรามีเพียงหน่อเนื้อเชื้อไขคนนี้!” นายท่านหลี่เอ่ยอย่างร้อนใจ
ผู้อาวุโสหลี่ลูบเคราแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าจะไปหาใต้เท้านายอำเภอเสียหน่อย ดูว่าเขาจะกล่าวอย่างไร”
“ขอบคุณท่านพ่อ”
ผู้อาวุโสหลี่และนายท่านหลี่ออกจากจวน ฮูหยินหลี่ถามถึงเรื่องที่หลี่หงซูไปจัดการมา หลี่หงซูไม่ปกปิดสิ่งใด เล่ารายละเอียดออกมาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“หากไม่ใช่เพราะเจ้าใจดี ให้หญิงเช่นนั้นมาทำงานที่บ้านของเรา เรื่องเช่นนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เจ้าหนอเจ้า หากครั้งนี้พี่ชายของเจ้าไม่เป็นอะไรก็แล้วไปเถอะ แต่หากมีอะไรเกิดขึ้น ดูซิว่าท่านปู่และท่านพ่อของเจ้าจะปล่อยเจ้าไปหรือไม่” ฮูหยินหลี่เอ่ยด้วยความขุ่นเคือง “เลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ! ก็แค่ตกน้ำ มีอะไรร้ายแรงกัน ถึงกับจะส่งคนไปถึงที่ตาย ใต้ฟ้าผืนนี้มีคนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาเช่นนี้ที่ใดกัน?”
หลี่หงซูหลุบตาลง
เห็นหรือไม่ ไม่ว่าหลี่จวิ้นหานจะทำตัวต่ำตมเพียงใด ก็ยังเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของสกุลหลี่อยู่วันยังค่ำ
หน่อเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของสกุลหลี่?
เช่นนั้นนางเป็นใคร?
“หากท่านแม่ไม่มีเรื่องอื่น ข้าจะกลับไปก่อนแล้ว” หลี่หงซูหันหลังจากไปโดยไม่รอให้ฮูหยินหลี่เอ่ยสิ่งใดอีก
ฮูหยินหลี่มองตามหลังของบุตรสาวแล้วบ่นกับแม่นมที่อยู่ข้าง ๆ “ดูทำหน้าเช่นนั้นใส่ข้าสิ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของนางรึ นางนำความโชคร้ายเข้ามาในบ้านเองแท้ ๆ”
[1] 1 เค่อ ประมาณ 15 นาที