สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 196 เมาแล้วฉวยโอกาส
บทที่ 196 เมาแล้วฉวยโอกาส
บทที่ 196 เมาแล้วฉวยโอกาส
มู่ซืออวี่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ เมื่อเห็นประตูบ้านเปิดอ้าไว้ก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที
นางไม่รู้ว่าลู่อี้จะกลับมาหรือไม่จึงไม่ได้รีบปิดประตูบ้าน แต่แม้จะไม่ได้ลงกลอน แต่ก็ปิดประตูไว้ เหตุใดตอนนี้จึงเปิดออก? อีกอย่างคืนนี้ก็ไม่ได้มีลมพัดเสียด้วย
เมื่อเดินไปปิดประตู นางก็เห็นใครบางคนเอนศีรษะพิงประตู เปลือกตาปิดสนิท
“ลู่อี้!”
มู่ซืออวี่ประหลาดใจ เขย่าตัวของเขาทันที “เหตุใดไม่เข้าไปข้างใน?”
ลู่อี้ลืมตาขึ้นช้า ๆ มองร่างที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างสับสน มู่ซืออวี่เห็นแล้วก็ขมวดคิ้ว ปัดมือไปมาหน้าจมูกของตน “ดื่มไปมากขนาดไหนกัน”
ทว่าจู่ ๆ ลู่อี้ก็ดึงนางเข้ามากอดแน่น กักตัวนางไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา
นางพยายามดันตัวออก เกือบจะล้มลงไปอยู่รอมร่อ ทว่าถึงแม้ลู่อี้จะดื่มไปมาก แต่การทรงตัวของเขาก็ยังคงยอดเยี่ยม ชายหนุ่มกอดนางไว้ เอนร่างนางไปด้านข้าง แล้วกดนางไว้กับผนัง
เขาทำท่าให้นางเงียบ “ชู่ว อย่าทำให้พวกเขาตื่น”
“ได้ เช่นนั้นพวกเราลดเสียงลง เข้าไปก่อนเถอะ” มู่ซืออวี่พยุงเขาเข้าไป
ลู่อี้กอดเอวของนางไว้แน่น และเริ่มซุกไซ้ซอกคอนาง “ฮูหยิน ฮูหยิน…”
เสียงของเขาแหบพร่าราวกับมนต์สะกด ดังเข้ามาในหัวใจของมู่ซืออวี่ครั้งแล้วครั้งเล่า
มู่ซืออวี่ไม่รู้ว่าเหตุใดหัวใจของนางถึงเต้นระรัว
“ดื่มแล้วเป็นเช่นนี้ เกรงว่าจะจำใครไม่ได้แล้ว เจ้าเจอหญิงใดก็เรียกฮูหยินหมดเลยหรือ?”
เมื่อคิดเช่นนี้ นางจึงหยิกเอวเขาอย่างไม่สบอารมณ์
“อึก!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว “เจ้าหยิกข้าหรือ?”
มู่ซืออวี่จ้องมองเขา “ข้าจะหยิกท่าน ดูซิว่าท่านยังจะกล้าดื่มหนักเช่นนี้อีกหรือไม่”
ลู่อี้มองริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มนั้น รู้สึกขึ้นมาว่าช่างเหมือนกลีบดอกไม้เหลือเกิน เย้ายวนให้คนอยากลิ้มลองดูสักคำ
เขาจับท้ายทอยของนาง ก่อนจะโน้มลงไปกลืนกินมัน
“อื้อ!…”
มู่ซืออวี่พยายามผลักเขาออก ในขณะที่ลู่อี้ค่อย ๆ จูบอย่างละเมียดละไมประหนึ่งกำลังลิ้มรสอาหารอันโอชะ ดูดดึงริมฝีปากสตรีตรงหน้าจนแทบหลุดออกมา เขาสอดลิ้นเข้าไปอย่างเอาแต่ใจราวกับข้าศึกเข้าจู่โจม ยึดครองเมืองไว้อย่างแข็งขัน
“อื้อ…”
มู่ซืออวี่รู้สึกว่านางไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป มือของนางขยำเสื้อเขาไว้แน่น
ต่อมาลู่อี้ก็อุ้มนางขึ้นแล้วเดินเข้าไปข้างใน
การเคลื่อนไหวของเขาลื่นไหล มู่ซืออวี่รู้สึกอายขึ้นมา นางกลัวว่าลู่เซวียนจะออกมาเห็น ไฟในห้องของลู่เซวียนยังไม่ดับลง ดูท่าว่าคงกำลังโต้รุ่งเขียนหนังสือ
ลู่อี้ในตอนนี้เริ่มสร่างเมาแล้ว เขารู้ว่าตนกำลังทำอะไร
อันที่จริงเขาสร่างตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว เพียงแต่ด้วยความเมา เขาพลันเกิดความต้องการแรงกล้า อยากจะทลายกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างพวกเขาออกไป
ลู่อี้วางนางลงบนเตียงแล้วโน้มตัวลงไปดอมดมซอกคอของนาง
มู่ซืออวี่หลับตาลง รู้สึกล่องลอยประหนึ่งตนกลายเป็นก้อนเมฆ ไม่นานก็ลอยละล่องขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับมีปีกงอกออกมา ทั้งร่างของนางเปล่งประกาย แสงอันอบอุ่นอาบย้อมทั่วร่าง เปิดรับสัมผัสให้เพลิดเพลินไปกับความสุขสมนั้น
ชายหนุ่มตรงหน้ามีไรหนวดทิ่มแทงผิวหน้า ทว่ากลับไม่รู้สึกรำคาญ ในทางกลับกันกลับให้สัมผัสที่แปลกออกไป
“ไม่ ไม่ได้นะ” มู่ซืออวี่รู้สึกตัวขึ้นมา
หากยินยอมไปเช่นนี้ นางกับเขาก็จำต้องถูกผูกไว้ด้วยกันตลอดไป
นางพร้อมที่จะอยู่กับเขาตลอดไปแล้วหรือ?
ไม่พร้อม! นางยังไม่ได้เตรียมใจ
เป็นความจริงที่มู่ซืออวี่นับถือลู่อี้และประทับใจในตัวเขา ทว่านางยังไม่ได้ครุ่นคิดให้ดีว่าจะคิดเช่นนี้กับเขาตลอดไปหรือจะเปลี่ยนใจ
หากไม่รักชายผู้นั้นอย่างสุดซึ้งแล้วยอมปล่อยตัวปล่อยใจไปง่าย ๆ เช่นนี้ ก็นับว่าไร้ความรับผิดชอบต่อตนเอง อีกทั้งยังไร้ความรับผิดชอบต่ออีกฝ่าย
แล้วลู่อี้เล่า? เขาแน่ใจตนเองดีแล้วหรือ?
ถึงแม้ในนิยายต้นฉบับ ลู่อี้ต้องการเพียงอำนาจ ไม่ต้องการหญิงงาม ไม่เคยได้ยินเรื่องสายสัมพันธ์ของเขา แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาคิดกับหญิงที่บีบบังคับให้เขาต้องแต่งงานด้วยอย่างไรกันแน่?
“ลู่อี้ ท่านกำลังทับข้า” มู่ซืออวี่ผลักเขาออก
ลู่อี้สัมผัสได้ว่ามู่ซืออวี่คิดอะไรอยู่
นางกำลังกลัว
เขาซุกอยู่ที่ซอกคอของนางครู่หนึ่ง ก่อนจะจุมพิตไปตามลำคอ
ขอแค่เขาเพิ่มแรงขึ้นอีกหน่อย นางก็จะกลายเป็นของเขา
ไม่ได้สิ! เช่นนี้จะทำให้นางเกลียดชัง
ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้จริง ๆ…
หญิงใจร้ายคนนี้ยังไม่เชื่อใจเขาอย่างสุดหัวใจ
“อย่าขยับ ให้ข้ากอดเจ้าก่อน” ลู่อี้พยายามข่มความแข็งขืนของร่างกาย
มู่ซืออวี่ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย ถึงแม้นางจะไม่มีประสบการณ์ แต่ก็อ่านนิยายโรแมนติกมามากมาย จะไม่รู้ว่าชายหนุ่มต้องการทำอะไรในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร
“ข้าทำน้ำแกงสร่างเมาให้ท่านดีหรือไม่?”
“ไม่ต้อง ให้ข้ากอดก็พอแล้ว” ลู่อี้เงยหน้าขึ้น ดวงตาดำขลับคู่นั้นหยุดอยู่ที่นาง
มู่ซืออวี่รู้สึกผิด จึงไม่กล้าสบตาของเขา
ในขณะที่ลู่เซวียนพึมพำอยู่ข้างนอก “แปลกจริง เหตุใดประตูบ้านถึงได้เปิดไว้?”
เอี๊ยด
เสียงประตูบ้านปิดลง
มู่ซืออวี่พลันนึกถึงจือเชียนขึ้นมา “เหตุใดจือเชียนไม่ได้กลับมาด้วย?”
นางไม่เห็นรถม้า หมายความว่าลู่อี้ไม่ได้บังคับรถม้ากลับมา
“คนรู้จักของเขาป่วย ข้าให้เขาอยู่ในเมืองเพื่อคอยดูแล”
“เช่นนั้นท่านกลับมาอย่างไร?”
“นักการเจี่ยงอยู่หมู่บ้านข้าง ๆ เขาเป็นสหายของนักการเกา ข้าถูกพวกเขาลากไปดื่มเหล้าครบเดือนของลูกชายเขา ข้าเห็นว่าอยู่ไม่ไกลจากบ้านเรา จึงฝากรถม้าไว้ที่นั่น พรุ่งนี้เขาจะได้ตรงไปที่ศาลาว่าการน่ะ”
“อ้อ”
“หลับเถอะ” ลู่อี้กอดนางไว้ในอ้อมแขน
มู่ซืออวี่ผ่อนคลายขึ้นแล้ว นางหลับไปในอ้อมกอดของลู่อี้
วันถัดมา รถม้าหยุดอยู่ที่สำนักศึกษาเหวินชาง
“พวกท่านไม่ต้องไปหรือ?” ลู่ฉาวอวี่ยืนละล้าละลังอยู่ที่ประตู
“พวกเราทำอาหารง่าย ๆ มาให้ท่านอาจารย์ของพวกเจ้าน่ะ ขอบคุณที่เขาคอยดูแลพวกเจ้า เหตุใดพวกเจ้าถึงได้กลัวเราเข้าไป หรือว่าพวกเจ้าทำอะไรไม่ดีไว้?” มู่ซืออวี่เอ่ยเสียงเย็น
“ไม่ใช่แน่นอน”
“มีอะไรให้กลัวกัน?”
ประตูเปิดออก ผางซื่อเห็นลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานจึงเอ่ยขึ้นอย่างเอ็นดู “กลับมาแล้วหรือ”
“ท่านป้า” มู่ซืออวี่ทักทาย
ในตอนนั้นเองผางซื่อถึงได้สังเกตเห็นลู่อี้และภรรยา “เข้ามาเร็ว”
“ท่านอาจารย์อยู่หรือไม่?”
“อยู่ ๆ” ผางซื่อตอบ “ตอนนี้กำลังทบทวนบทเรียนตอนเช้าให้นักเรียน”
มู่ซืออวี่ส่งห่ออาหารให้ผางซื่อ “นี่เป็นอาหารที่ข้าทำเอง ไม่ใช่ของเลิศหรูอะไร ให้เด็ก ๆ ได้กินตอนกลางวันเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณมาก” ผางซื่อรับไป
เหวินอวี่เซวียนได้ยินเสียงข้างนอก เมื่อเห็นสามีภรรยายืนอยู่ที่ลานจึงยิ้มพลางพยักหน้าให้พวกเขา “ข้าได้ชาใหม่มาพอดี หากทั้งสองท่านไม่รังเกียจก็อยู่ลิ้มรสชาติเถอะ!”
ราวครึ่งชั่วยามต่อมา มู่ซืออวี่และลู่อี้ก็จากไป
และเป็นอย่างที่นางคิดไว้ ลู่ฉาวอวี่ต่อยตีกับคนอื่นเพราะข่าวลือข้างนอกเหล่านั้น
ทันใดนั้น ลู่อี้ได้ยินเสียงประหลาด เขารีบโอบแขนรอบไหล่มู่ซืออวี่ เบี่ยงนางไปด้านข้าง
เสียงของตกแตกดังเพล้ง! เป็นโถที่ตกร่วงลงมา อีกนิดเดียวก็เกือบจะตกใส่เท้าของมู่ซืออวี่
นางก้มหัวลงทันทีที่ได้ยินเสียง เมื่อเห็นโถที่แตกละเอียดก็ตกตะลึง
“ขออภัย ขออภัย ไม่โดนพวกท่านใช่หรือไม่?” คนขายของหาบเร่ขอโทษขอโพยอย่างตื่นตระหนก
“ต่อไปก็ระวังหน่อย” สีหน้าอึมครึมของลู่อี้เวลานี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
“ขอรับ ๆ”
มู่ซืออวี่มองลู่อี้ นางตกตะลึงไปชั่วขณะ
ลู่อี้หันกลับมาเห็นสีหน้าของนางก็เอียงเข้ามาใกล้ ๆ หู “น้ำลายไหลออกมาแล้ว”
มู่ซืออวี่แตะมุมปากของตนพลางเอ่ยว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร”
ไม่มีน้ำลายสักหน่อย หมอนี่นิสัยไม่ดีจริง ๆ
นางมองเขาตาแข็ง ก่อนจะเดินจากไปอย่างขุ่นเคือง
ลู่อี้มองตามหลังมู่ซืออวี่ที่เดินจากไป รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
สมองของแม่นางน้อยผู้นี้มีแต่เงินทอง ไม่มีเรื่องระหว่างบุรุษสตรี แต่ไม่เป็นไร เขาจะทำให้นางเข้าใจเอง