สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 201 ไม่กินของให้ทาน
บทที่ 201 ไม่กินของให้ทาน
บทที่ 201 ไม่กินของให้ทาน
เซี่ยคุนล่าหมูป่าตัวใหญ่เช่นนี้มาได้ คนในหมู่บ้านย่อมมาดูกันอย่างคึกคัก
กิจการร้านค้าในหมู่บ้านค่อนข้างดี ยังคงเหมือนเดิม เนื้อหมูกว่าครึ่งถูกขายให้หัวหน้าหมู่บ้าน และเหลือจำนวนหนึ่งไว้กินเอง
“พี่ใหญ่เซี่ย ชิ้นนี้ท่านเอาไปให้เพื่อนบ้านข้าง ๆ คนใหม่เถอะ”
พอนางเห็นว่าท่านน้าคนนั้นเฉยชามาก นางก็ตัดสินใจที่จะไม่ผูกมิตรด้วย แต่นางชอบแม่นางน้อยอันอวี้คนนั้นจริง ๆ
อีกอย่างตอนนี้ตนยังทำงานร่วมกับอันอี้หาง ในภายหน้าพวกเขายังต้องไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ
เซี่ยคุนลังเลอยู่ชั่วครู่
“พี่ใหญ่เซี่ย”
“อืม”
“ท่านไม่สะดวกไปบ้านข้าง ๆ หรือ จริงสิ ท่านเป็นบุรุษ คงไม่สะดวกอยู่บ้างจริง ๆ” มู่ซืออวี่พลันนึกขึ้นได้ “เช่นนั้นข้าไปเอง”
มู่ซืออวี่เตรียมข้าวของ จากนั้นก็ถือเนื้อหมูทั้งแบบติดมันและไม่ติดมันไปเคาะประตูบ้านข้าง ๆ
“มีเรื่องอะไร?” อวี้ซื่อถามด้วยสีหน้าเย็นชา
“เนื้อหมูชิ้นนี้ถือว่าเป็นของแสดงความยินดีกับการขึ้นบ้านใหม่ของท่าน” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
“ไม่ต้อง” อวี้ซื่อตอบแล้วปิดประตูทันที
มู่ซืออวี่ “…”
หญิงคนนี้ช่างนิสัยแปลกประหลาดจริง ๆ
“ช่างเถอะ ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง”
ลู่เซวียนและลู่จื่ออวิ๋นกลับมาเห็นเนื้อหมูป่ามากมายแขวนอยู่ในลานบ้าน จึงรีบถามว่ามาจากไหนทันที
มู่ซืออวี่คงไม่ซื้อเนื้อหมูมากมายขนาดนี้ในคราเดียว โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศยังร้อนอบอ้าวเช่นนี้ เนื้อหมูมากมายขนาดนี้ย่อมอยู่ได้ไม่นาน
นางเล่าเรื่องที่เซี่ยคุนไปจับหมูป่ามา
“พี่ใหญ่เซี่ย ท่านเก่งกาจจริง ๆ” ลู่เซวียนกล่าวด้วยความจริงใจ “แต่ก่อนพี่ชายข้าก็เคยขึ้นเขาไปล่าสัตว์ แต่ท่านขึ้นไปครั้งเดียวก็ล่ามาได้แล้ว ชำนาญยิ่งกว่าพี่ชายข้าเสียอีก”
เซี่ยคุนเหลือบมองลู่เซวียนแล้วพูดว่า “ข้าจับมันได้จากกับดักของพี่ชายเจ้า”
เสียงบ่นของอวี้ซื่อดังมาจากบ้านข้าง ๆ ดูเหมือนว่าอันอวี้จะทำบางอย่างตกแตก นางไม่ชอบที่อันอวี้เอาแต่เพิ่มความวุ่นวาย อีกทั้งยังกล่าวว่าบ้านหลังนี้คับแคบเกินไป ไม่คุ้มกับเงินที่นางจ่ายไป นางคงโดนหลอกอะไรเทือก ๆ นั้น
อันอวี้ไม่กล้าเอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว ได้ยินเสียงบางอย่างดังตุบ ๆ ราวกับว่าบางอย่างกำลังล้มลง
“ท่านน้าคนนี้ก็ประหลาด กับลูกสาวของตนยังเย็นชาเช่นนี้ สงสารอันอวี้จริงเชียว” มู่ซืออวี่ถอนหายใจเบา ๆ
เซี่ยคุนหันไปมองบ้านข้าง ๆ
ในขณะที่ลู่เซวียนถามขึ้นมา “พี่สะใภ้รู้จักคนข้างบ้านหรือ?”
“เจ้าก็รู้จัก” มู่ซืออวี่กล่าว “แม่กับน้องสาวของคุณชายอันน่ะ แต่ว่าคุณชายอันไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาน่าจะพักอยู่ในสำนักบัณฑิตในเมือง”
“ที่แท้ก็เป็นครอบครัวของเขา เช่นนั้นภายหน้าหากจะปรึกษาเรื่องภาพประกอบกับเขาจะไม่สะดวกกว่าเดิมหรือ?”
มู่ซืออวี่หัวเราะแล้วตอบว่า “อาจจะ”
ลู่เซวียนเห็นรอยยิ้มแปลกพิกลของมู่ซืออวี่ ตอนแรกยังไม่เข้าใจความหมายของนาง ทว่าหลังจากได้ยินเสียงบ่นจากบ้านข้าง ๆ นานไป เขาก็พลันเข้าใจว่าเหตุใดนางจึงทำสีหน้าพิลึกกึกกือเช่นนั้น
ท่านน้าผู้นั้นดูเหมือนจะผูกมิตรได้ยากนิดหน่อย
ถึงแม้อันอวี้จะดื่มน้ำเย็นไปสองถ้วยแล้ว ทว่าท้องของนางยังคงว่างเปล่า
นางควานหาไปทั่ว ในที่สุดก็คว้าไม้เท้านำทางได้ จากนั้นจึงค่อย ๆ เดินไปที่ประตู
อวี้ซื่อกำลังปักลายผ้าเช็ดหน้าอยู่ในห้อง ไม่ได้สังเกตเห็นว่าอันอวี้ออกไปข้างนอกแล้ว
อันอวี้ไม่รู้เช่นกันว่าจะไปที่ใด รู้เพียงแต่นางหิวมาก อยากเดินไปรอบ ๆ หาดูว่าพอมีผลไม้หรือผักป่าหรือไม่ ถึงจะมองไม่เห็น แต่สามารถใช้จมูกดมกลิ่นเอาได้
เมื่อผ่านหน้าประตูบ้านหนึ่ง อันอวี้หยุดชะงักเมื่อได้กลิ่นหอมโชยมาจากข้างใน
หอมมาก!
นี่เป็นกลิ่นเนื้อใช่หรือไม่?
ทุกครั้งที่พี่ชายของนางกลับมา ท่านแม่จึงจะไปซื้อเนื้อมา แต่นางกลับไม่ได้ทาน มีแค่ตอนที่ท่านแม่ล้างจานเท่านั้น พี่ชายของนางจึงจะเอาเนื้อที่ซ่อนไว้มาให้นางโดยที่ไม่ให้ท่านแม่รู้
ประตูเปิดออก เซี่ยคุนยืนอยู่ตรงหน้าอันอวี้
“เข้ามาสิ”
อันอวี้อดตัวสั่นไม่ได้ตอนที่นางได้ยินเสียงเย็นชาเสียงนั้น “ข้า… ข้า… ข้าจะไปแล้ว”
เซี่ยคุนขมวดคิ้ว เขาเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ไม่ได้ให้เจ้าไป ให้เจ้าเข้ามา”
เมื่อครู่นี้เขาอยู่บนหลังคาเห็นนางเดินออกมาจากบ้าน จึงเดาได้ว่านางยังไม่ได้ทานอะไร เพราะบ้านข้าง ๆ ไม่ได้ก่อไฟทำอาหาร
“ท่านน้า” ลู่จื่ออวิ๋นดึงชายเสื้อของอันอวี้ “ท่านไม่ต้องกลัว ลุงเซี่ยไม่ใช่คนร้าย บ้านพวกเราทำอาหารอร่อยมากเชียวล่ะ ท่านเข้ามากินสิ!”
“ไม่เป็นไร” ถึงอันอวี้จะหิวเพียงใดนางก็ไม่กล้า เป็นเพราะแม่ของนางบอกไว้ว่าเป็นคนต้องมีศักดิ์ศรี ไม่กินของที่มาจากการทำทาน ถ้าแม่นางรู้เข้า คงต้องตีนางจนตายแน่
ลู่จื่ออวิ๋นวิ่งกลับเข้าไป ไม่นานก็วิ่งออกมาอีกครั้ง นางถือซาลาเปาลูกใหญ่สองลูกไว้ในมือ ยัดมันใส่มือของอันอวี้แล้วพูดว่า “ชู่ว อันนี้ให้ท่านน้า เป็นความลับนะเจ้าคะ!”
อันอวี้ได้กลิ่นหอมน่าอร่อยของเนื้อลอยออกมา เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ทั้งนุ่มและอุ่นร้อนก็รู้ทันทีว่าเป็นสิ่งใด
นางรู้สึกอับจนหนทาง ไม่รู้ว่าต้องปฏิเสธหรือต้องรับเอาไว้
“เจ้าไปหาที่กินเถอะ” เซี่ยคุนเปิดปากเอ่ย “อย่าให้แม่ของเจ้ารู้”
ประตูค่อย ๆ ปิดลง
เซี่ยคุนไม่บังคับให้นางเข้ามาข้างในอีก
ลู่จื่ออวิ๋นมองเซี่ยคุนแล้วเอ่ยว่า “ท่านน้าคนนั้นน่าสงสารมากเลย”
ข้างบ้านใกล้กันเพียงนี้ อวี้ซื่อบ่นตลอดทั้งบ่าย พวกเขาล้วนได้ยินชัดเจน ย่อมเป็นธรรมดาที่จะรู้ว่าท่านน้าคนสวยผู้นั้นใช้ชีวิตอย่างไร
“ข้าได้ยินเสียงท้องของนางร้องด้วย” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยด้วยความเศร้าใจ “เวลาท้องหิวทรมานมาก ข้าเคยหิวมาก่อน ทนไม่ไหวจนต้องกินโคลน”
นั่นเป็นครั้งที่นางหิวที่สุด ท่านแม่ของนางเปลี่ยนไปแล้ว หลังจากนั้นชีวิตนางเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ
เซี่ยคุนลูบหัวของลู่จื่ออวิ๋นเบา ๆ สายตาของเขาอ่อนโยนยิ่งขึ้น
อันอวี้ได้กลิ่นหอมของซาลาเปา นางลังเลแล้วลังเลอีก ก่อนจะเดินกลับไปที่บ้านเช่นเดิม
นางเก็บซาลาเปาลูกหนึ่งไว้ในแขนเสื้อของนาง จากนั้นก็ถือซาลาเปาอีกลูกเปิดประตูเข้าไปในห้องอวี้ซื่อ
“ท่านแม่…”
“มีอะไร?”
“นี่เป็นซาลาเปาจากบ้านข้าง ๆ”
อวี้ซื่อมองด้วยสีหน้าเยือกเย็น “สายตาของเจ้าตื้นเขินขนาดนั้นเลยหรือ? คนอื่นยื่นให้ก็รับมา เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรียกว่าอะไร? นี่มันขอทานชัด ๆ”
“ท่านแม่ พี่สาวข้างบ้านกับท่านพี่อี้หางรู้จักกัน” อันอวี้ไม่อยากกินคนเดียว อยากให้อวี้ซื่อได้ลองชิมซาลาเปา นางรู้ว่าอวี้ซื่อเข้มงวดกับนางเช่นไรก็เข้มงวดกับตนเองเช่นนั้น
อวี้ซื่อสงสัยขึ้นมา “รู้จักหรือ? รู้จักกันได้อย่างไร?”
“ข้าไม่ทราบว่ารู้จักกันได้อย่างไร จริงสิ ดูเหมือนพี่สาวข้างบ้านจะมีสามีเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ศาลาว่าการ” อันอวี้กล่าว “ข้าได้ยินมาจากท่านพี่”
อวี้ซื่อวางผ้าเช็ดหน้าในมือลง “จริงหรือ?”
“คงเป็นเช่นนั้น” อันอวี้ลังเล “ท่านแม่ ข้ากินได้หรือไม่?”
อวี้ซื่อนึกถึงท่าทีของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนจะแตกต่างจากหญิงชาวบ้านทั่วไปอยู่จริง ๆ
“ข้ามีผ้าเช็ดหน้าที่ทำเสร็จแล้วสองผืน เจ้าเอาไปให้ข้างบ้าน ถือว่าเป็นของตอบแทน” อวี้ซื่อเอ่ยขึ้น
อันอวี้ประหลาดใจ
ท่านแม่อยากคบหากับเพื่อนบ้านแล้วหรือ?
เจตนาของอวี้ซื่อชัดเจนมาก ในเมื่ออันอี้หางรู้จักกับคนข้างบ้าน อีกทั้งยังไปมาหาสู่กัน และอีกฝ่ายยังมีสามีเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการ เช่นนั้นย่อมต้องรักษาความสัมพันธ์กันไว้
“ท่านแม่ ท่านกินเถอะ”
“เก็บไว้ พรุ่งนี้ค่อยกิน” อวี้ซื่อตอบเรียบ ๆ
“แต่ว่า….” นางหิวแล้วจริง ๆ
อวี้ซื่อขมวดคิ้ว “เจ้าจะทำอะไร? หรือว่ายังหิว?”
อันอวี้ก้มหน้าลงเงียบ ๆ
“ท่านแม่ ข้าจะเอาผ้าเช็ดหน้าไปให้แล้ว”
หลังจากออกมาแล้ว อันอวี้หยิบซาลาเปาออกมาจากแขนเสื้อของนาง
“ข้าขอโทษนะท่านแม่ ข้าหิวมากจริง ๆ”
นางค่อย ๆ กัดเข้าไปหนึ่งคำ ทันใดนั้นก็จมจ่อมไปกับความโอชะของมันทันที
อร่อยมาก!
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้กินอาหารคนเดียว ถึงแม้ในใจจะรู้สึกผิดเล็กน้อย ทว่าเมื่อได้ลิ้มรสความอร่อย ความรู้สึกผิดก็ค่อย ๆ เจือจางไป