สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 208 จงอ๋องชื่นชมลู่อี้
บทที่ 208 จงอ๋องชื่นชมลู่อี้
บทที่ 208 จงอ๋องชื่นชมลู่อี้
ลู่อี้โน้มใบหน้าลง ริมฝีปากบางอุ่นร้อนของเขาแนบอยู่บนหน้าผากของนาง เหลือไว้เพียงรอยจูบบางเบา “เด็กดี ข้าจะรีบกลับมาเร็ว ๆ”
เสียงของเขาราวกับมีเวทมนตร์ ทำให้หัวใจที่กำลังกระวนกระวายของนางสงบลง
“เช่นนั้นท่านระวังด้วย” มู่ซืออวี่กล่าว “หากเขาจะทำร้ายท่าน ท่านก็วิ่งก่อน ไม่ว่าอย่างไร ก็จะต้องรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน อย่างอื่นล้วนไม่สำคัญ”
ลู่อี้ขบขันกับท่าทางน่ารักของนาง
ไม่อยากไปเลยจริง ๆ…
หากไม่ใช่เฉิงเหย่าจินซุ่มตีกลางทาง*[1] ตอนนี้เขาคงชิดใกล้กับนางแล้ว
หลังจากลู่อี้จากไป มู่ซืออวี่ไม่อยากคิดฟุ้งซ่าน นางจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปซื้อของ
“ได้ยินหรือไม่? ชาวบ้านหมู่บ้านต้าถงถูกจับแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“ได้ยินว่าพวกเขาล้วนเป็นโจรป่าฆ่าคน ในปีเสวียนจิ่นที่สามเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ ผู้ประสบภัยอพยพไปทุกหนทุกแห่ง พวกเขาปลอมตัวเป็นผู้ประสบภัยมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านต้าถง ตอนนี้ตัวตนของพวกเขาถูกค้นพบ จึงถูกจับกุมแล้ว ช่างน่าเวทนา กระทั่งเด็กห้าขวบยังถูกนำไปขังคุก เสียงร้องไห้ดังระงมไปทุกหย่อมหญ้า แต่ข้าได้ยินมาว่าคนในหมู่บ้านนี้ดุร้าย ชาวบ้านหมู่บ้านข้าง ๆ ยังไม่กล้าไปยุ่งกับพวกเขา”
พ่อค้าแผงลอยเห็นหญิงสาวตรงหน้าตะลึงงัน ถือสินค้าเอาไว้แต่ไม่ยอมซื้อ จึงเอ่ยเร่งเสียงแผ่ว “ฮูหยิน เป็นอย่างไรขอรับ? ถ้าท่านชอบ ข้าลดราคาลงได้เล็กน้อย”
มู่ซืออวี่รู้สึกตัว นางจึงนำเงินออกมา “ข้าซื้ออันนี้”
“ได้ขอรับ ข้าจะห่อให้ท่าน”
“พี่ใหญ่ เรื่องที่ชาวบ้านต้าถงถูกจับเป็นมาอย่างไร? ท่านรู้หรือไม่?”
“วันนี้ข้าตั้งแผงลอยอยู่ที่นี่ทั้งวัน จะไม่รู้ได้อย่างไร เรื่องในเมืองซูโจวจะมีเรื่องใดที่ข้าไม่รู้” พ่อค้าแผงลอยกล่าว “ชาวบ้านในหมู่บ้านต้าถงไม่ใช่โจรป่าธรรมดา พวกเขาเป็นโจรป่าที่ทำเรื่องผิดมหันต์ ขโมยสมบัติล้ำค่าไปมากมายแล้วซ่อนไว้บนเขาหมู่บ้านต้าถง มีเสือร้ายคอยเฝ้าพวกมัน”
…
เมื่อกลับมาถึงโรงเตี๊ยม ลู่เซวียนก็กลับมาก่อนแล้ว เขาซื้อของมามากมายหลายอย่าง
“พี่สะใภ้ ท่านได้ยินแล้วหรือยัง?”
มู่ซืออวี่มองไปรอบ ๆ แล้วส่งสัญญาณให้ลู่เซวียนระวัง เพราะหน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง
“รีบเก็บของ พวกเรากลับบ้านกัน” ลู่อี้เดินเข้ามา
“ได้” มู่ซืออวี่มองคนข้างหลังลู่อี้ “พวกเขาคือ…”
“ข้าน้อยเป็นผู้ติดตามจงอ๋องขอรับ” หลังจากชายคนนั้นกล่าวจบ เขาก็ปรบมือ มีข้ารับใช้สองสามคนออกมาจากข้างหลังเขา ในมือถือของเอาไว้มากมาย
“นี่เป็นรางวัลจากจงอ๋องขอรับ”
ลู่อี้เอ่ยเสียงเรียบว่า “ข้าจะรับของเอาไว้ ได้โปรดกล่าวขอบคุณท่านอ๋องแทนข้าด้วย”
“ขอรับ เช่นนั้นข้าขอส่งแค่นี้แล้ว”
ข้ารับใช้เหล่านั้นวางของลงแล้วจากไป
ในโรงเตี๊ยมมีคนมากมายผ่านไปผ่านมา คนเหล่านี้มองลู่อี้ด้วยสายตาพิลึกพิลั่น
จงอ๋องเป็นใคร? นั่นคือท่านอ๋องที่ลือชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมเชียวนะ บัดนี้ลู่อี้กลับชื่นชมคนผู้นี้มากขนาดนี้ เกรงว่าคนผู้นี้ก็คงไม่ใช่คนใจดีอะไรนัก!
ลู่อี้ไม่เคยสนใจสายตาของคนอื่น แต่เขาไม่อยากให้สตรีของเขาถูกประณามจากคนพวกนี้
เขาขวางมู่ซืออวี่ไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “มองพอแล้วหรือยัง?”
ทุกคนกระจายตัวกันไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากคนอื่นจากไปแล้ว มู่ซืออวี่มองทองคำเหล่านั้น จากนั้นจึงหยิบเครื่องประดับเงินและทองขึ้นมา “สมบัติเหล่านี้ไม่ใช่น้อย ๆ จงอ๋องมีเรื่องอื่นให้ท่านทำอีกใช่หรือไม่?”
“ยังไม่มี”
แต่ในอนาคตจะต้องมีอย่างแน่นอน
ไม่มีผลประโยชน์ที่ได้มาเปล่า ๆ ในโลกใบนี้ โดยเฉพาะคนประเภทจงอ๋อง ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะดีต่อผู้อื่นโดยไร้เหตุผล
“ช่างเถอะ พวกเรากลับบ้านกันก่อน”
สิ่งของที่จงอ๋องส่งมา ถึงแม้พวกเขาจะอยากปฏิเสธ ก็ต้องเป็นการปฏิเสธที่อาจเอาชีวิตไปได้ เรื่องของอนาคตนั้น เอาไว้อนาคตค่อยว่ากัน ใช้ชีวิตในตอนให้ดีเสียก่อน
ลู่เซวียนจัดการห่อสิ่งของเหล่านั้น แล้วยกพวกมันไปขึ้นรถม้า
ลู่อี้คว้าแขนของมู่ซืออวี่เอาไว้ เมื่อนางหันมามอง เขาก็นำปิ่นปักผมออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นกลัดมันลงบนผมของนาง
“ท่านนำกลับมาได้อย่างไร?”
“พวกเขาถูกจับหมดแล้ว”
แน่นอนว่าของต้องนำกลับมา
“คนพวกนั้นเป็นโจรจริง ๆ หรือ?”
“อืม”
จงอ๋องบอกว่าพวกเขาเป็น พวกเขาก็จำต้องเป็น ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขากลับน่าหวาดกว่ามากกว่าโจรป่าเสียอีก
มู่ซืออวี่ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก
พวกเขาล่วงเกินจงอ๋อง แทบจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าอกสั่นขวัญแขวนเป็นอย่างมาก ตอนนี้ไม่มีอันตรายแล้ว ทุกคนได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
จงอ๋องดูเหมือนจะจับตามองลู่อี้แล้ว…
การจับกุมชาวบ้านเหล่านั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับลู่อี้เป็นแน่ ลู่อี้อาจค้นพบอะไรบางอย่างเข้าแล้วแจ้งเบาะแสแก่จงอ๋องเพื่อสร้างคุณงามความชอบ และเพื่อตัดปัญหาที่ฆ่าสัตว์เลี้ยงของจงอ๋องตาย
ระหว่างทางกลับ มู่ซืออวี่ยังคงบังคับรถม้าอยู่ข้าง ๆ ลู่อี้ ลู่เซวียนนั่งอยู่ภายในรถม้าเพียงลำพังพร้อมกับกองสิ่งของมากมาย
“ง่วงหรือไม่?” ลู่อี้ถามขึ้นมา
มู่ซืออวี่ส่ายหัว
ไม่กี่วันต่อมา พวกเขาก็กลับมาถึงเมืองฮู่เป่ยที่คุ้นเคย
เมื่อเห็นฉากบนถนนอันคุ้นตา พ่อค้าแม่ค้าแผงลอยที่คุ้นหน้าและร้าน ‘เรือนกรุ่นฝัน’ ของนาง มู่ซืออวี่จึงหายใจโล่งคอขึ้น
“กลับบ้านก่อนเถิด” ลู่อี้เห็นมู่ซืออวี่จ้อง ‘เรือนกรุ่นฝัน’ ไม่วางตาจึงเอ่ยขึ้น
“ข้าอยากไปดูที่ร้านสักหน่อย” มู่ซืออวี่เขย่าแขนลู่อี้ “แค่ครู่เดียวเท่านั้น ข้าจะดูให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วจะรีบกลับมา”
ลู่อี้ทนนางรบเร้าไม่ได้จึงหยุดรถม้า
“เถ้าแก่เนี้ย ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว” เมื่อเห็นมู่ซืออวี่ สีหน้าของเฟิงเจิงก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ข้าสร้างเรื่องแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น?” มู่ซืออวี่ถาม “ไม่ต้องตกใจ ค่อย ๆ พูดมา”
“หลังจากที่เถ้าแก่เนี้ยไม่อยู่ ข้าก็รับคำสั่งซื้อหนึ่งมา นั่นก็คือทำตู้ให้ลูกค้าสองสามคน รวมทั้งหมดยี่สิบห้าตู้ที่ต้องทำ ตู้ละ 10 ตำลึงเงิน ยี่สิบห้าตู้เท่ากับ 250 ตำลึงเงิน ตอนนี้ตู้ทำเสร็จแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับสินค้า บอกว่าตู้ของเราไม่ตรงตามความต้องการของพวกเขา”
“ปกติแล้วคำสั่งซื้อใหญ่ขนาดนี้ต้องวางมัดจำ เจ้ารับมาเท่าไหร่”
“10 ตำลึง”
“10 ตำลึง? คำสั่งซื้อใหญ่เช่นนี้ 50 ตำลึงยังน้อยไป เหตุใดเจ้าจึงรับมัดจำแค่นี้เล่า?”
“คนผู้นั้นเป็นพ่อบ้านของจวนอ๋อง สำหรับพวกเราถือว่าเป็นคนมีเกียรติยศชื่อเสียง ข้าเคยค้าขายกับเขามาก่อน วันนั้นข้าขอเงินมัดจำเขา แต่เขานำเงินมาเพียง 10 ตำลึงเงิน หลังจากนั้นข้าก็ไปที่จวนอ๋องสองครั้ง แต่ละครั้งไม่เคยได้พบกับเขา หลังจากผ่านไปนาน ข้าไม่สามารถไปรบเร้าเขาทุกวันได้ จึงทำได้เพียงเร่งทำสินค้าออกมาก่อน นึกไม่ถึงว่า พอสินค้าของเราทำออกมาแล้ว อีกฝ่ายกลับปฏิเสธไม่ยอมรับแล้ว”
“ตู้อยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่นี่”
เฟิงเจิงให้มู่ซืออวี่ดูตู้เหล่านั้น
“ดูเหมือนว่าระยะนี้เจ้าจะเรียนรู้ได้ดีขึ้น ถึงแม้ตู้ชุดนี้จะยังไม่ดีเท่าตู้ที่ข้าทำ แต่ก็ได้ถึงแปดส่วนแล้ว”
“ทำให้เถ้าแก่เนี้ยขายหน้าแล้ว”
“คืนนี้เจ้าทำตู้ออกมาอีกสองใบ” มู่ซืออวี่กล่าวต่อ “พรุ่งนี้เราจะประกาศขายตู้เหล่านี้”
“ขายหรือ?”
“อืม”
เฟิงเจิงเห็นมู่ซืออวี่มีท่าทีมั่นใจ เขาก็เริ่มโล่งใจขึ้นมา
“ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?”
“หมู่นี้ของขายดีมาก ขายได้ทั้งหมด 152 ตำลึงเงิน อีกทั้งยังมีพ่อค้าเร่ชอบ ‘โซฟา’ ของเรา แต่มันหนักเกินไป สุดท้ายเขาจึงไม่ได้ซื้อไปขอรับ”
“เรื่องนี้ทำให้ข้านึกได้พอดี ข้าสามารถทำเบาะนั่งทรงหยดน้ำได้” มู่ซืออวี่อธิบายต่อไปว่า “สิ่งนี้เก็บรักษาได้ง่าย อีกทั้งใช้นั่งในรถม้าได้สบายมาก”
[1] เฉิงเหย่าจินซุ่มตีกลางทาง หมายถึง มีคนโผล่เข้ามาขัดขวางแผนการ