สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 219 อันอวี้ถูกรังแก
บทที่ 219 อันอวี้ถูกรังแก
บทที่ 219 อันอวี้ถูกรังแก
ตอนที่อันอวี้กลับมาถึงบ้าน อวี้ซื่อไม่อยู่ นางคุ้นเคยกับที่นี่แล้วจึงหาห้องได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ขณะที่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับได้ยินเสียงใครบางคนเข้ามา
นางหยุดชะงัก เอ่ยถามขึ้นอย่างหวาดระแวง “ใครน่ะ?”
นั่นไม่ใช่เสียงฝีเท้าของอวี้ซื่อ
คนที่เข้ามาเป็นชายคนหนึ่ง เขากวาดตามองเรือนร่างงดงามของอันอวี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาโลมเลีย
อันอวี้กำไม้เท้านำทางไว้แน่น เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือ “นั่นใครน่ะ?”
ชายผู้นั้นค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหาอันอวี้ พยายามสวมกอดนางจากข้างหลัง
อันอวี้แกว่งไม้เท้าของนาง “กรี๊ด!!!”
ชายคนนั้นเกือบจะถูกฟาด รีบหลบไปซ่อนข้างหลังนางทันที
ทว่าเมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวของอันอวี้ สายตาของเขากลับส่อประกายตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม ทันใดนั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมา “เอาล่ะ ไม่ต้องร้องแล้ว ข้าเอง”
“เจ้า… เจ้าเป็นใคร?” อันอวี้ถามขณะที่พยายามฝืนกลั้นน้ำตา
“ข้าเป็นสามีของเจ้า อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องแต่งงานกับข้า ให้สามีของเจ้าได้สำราญใจล่วงหน้าจะเป็นไรไป หือ?”
คนผู้นั้นเป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง สวมใส่เสื้อผ้ารัดรูป รูปร่างหน้าตาน่าเกลียด มองแวบแรกก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไรนัก
อันอวี้จำคำพูดพี่ชายได้ จึงชี้ไม้เท้าไปทางชายผู้นั้น “อย่าเข้ามานะ”
“ข้านึกว่าเจ้าอ่อนแอเปราะบาง หน้าตาไม่เลว แต่งงานแล้วสามารถให้กำเนิดบุตรได้ มาตอนนี้ยิ่งเห็นท่าทางเช่นนี้ของเจ้า ข้ายิ่งชอบมากกว่าเดิม เจ้าวางใจเถอะ วันนี้พวกเราร่วมหอ พรุ่งนี้ข้าจะจัดคนมารับเจ้าสาว”
ในขณะที่ชายผู้นั้นเอ่ย เขาก็ปรี่เข้าไปหาอันอวี้
อันอวี้กดปุ่มบนไม้เท้าทันที
ฟึ่บ! เข็มเล็ก ๆ หลายเล่มพุ่งออกมา
“อ๊าก!” ชายผู้นั้นถูกยิงเข้าที่ขา ส่งเสียงกรีดร้องออกมาดังลั่น
อันอวี้ได้ยินเสียงนั้นก็รู้สึกกลัว นางวิ่งสะเปะสะปะไปยังประตู
ชายผู้นั้นถูกเข็มทิ่มเข้าที่ขา แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว เขารีบเดินโขยกเขยกตามนางไป
“นังหญิงเหม็นโฉ่! สุราคารวะไม่ดื่มกลับจะดื่มสุราปรับโทษ วันนี้ข้าจะลงโทษเจ้า”
“ข้าอยากแต่งกับเจ้า เพราะข้าให้ความสำคัญกับเจ้า คนตาบอดคนหนึ่งอย่างเจ้าคิดว่าจะมีชายดี ๆ มาแต่งกับเจ้ารึ? หากไม่ใช่เพราะข้าเห็นว่าเจ้าหน้าตาไม่เลว อ่อนโยนละเมียดละไม จะมาตกหลุมรักคนตาบอดเช่นเจ้าได้อย่างไร?”
ครั้นอันอวี้ออกไปจากประตู ชายผู้นั้นก็ตามมาทันแล้ว
ตัวตนของเขาคาดเดาจากคำพูดได้ไม่ยาก เขาคือหลี่ต้าหลางที่อวี้ซื่อเลือกให้นางเมื่อนานมาแล้ว
“ช่วยด้วย!” อันอวี้ตะโกนออกไปข้างนอก
หลี่ต้าหลางตามมา กระชากผมของอันอวี้ ลากถูลู่ถูกังเข้าไปในห้องนอน
“กรี๊ดด!” อันอวี้ร้องเสียงดังลั่น
ดวงตาของหลี่ต้าหลางแดงก่ำ เอ่ยขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “นึกไม่ถึงว่าแค่คนตาบอดคนหนึ่งจะแสบขนาดนี้ ชอบเล่นใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าจะเล่นกับเจ้า”
อันอวี้เหลือเพียงความสิ้นหวัง หลี่ต้าหลางคนนี้เคยทำงานหนักมาก่อน เขาย่อมมีพละกำลังมาก ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้ตาบอด นางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา นับประสาอะไรกับนางที่มองไม่เห็น
หรือว่าวันนี้จะหลบไม่พ้นจริง ๆ แล้ว?
พี่ชาย…
พลั่ก!
เซี่ยคุนเตะหลี่ต้าหลางที่อยู่บนตัวอันอวี้ออกไป
“อั่ก!”
หลี่ต้าหลางรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดบริเวณหน้าอก กระอักเลือดออกมาทันที
อันอวี้รู้สึกว่าร่างกายของนางเบาลง จากนั้นเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้น
นางรวบเสื้อผ้าตนเองไว้แน่น สีหน้าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าจะไสหัวไปเอง หรือจะตายด้วยน้ำมือของข้า?” เสียงของเซี่ยคุนดังขึ้น
หลี่ต้าหลางลุกขึ้น แล้วโกยแน่บออกไปข้างนอกโดยไม่แม้แต่จะเสียเวลาดึงกางเกงขึ้น หลังจากวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลง แต่ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วดึงกางเกงวิ่งออกไป
“ไม่มีอะไรแล้ว” เซี่ยคุนช่วยพยุงอันอวี้ลุกขึ้น “บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่? ให้ข้าไปตามหมอมาตรวจดูหรือไม่?”
“ข้าไม่เป็นอะไร” หากเขาไม่ปรากฏตัว เกรงว่าจะเกิดบางสิ่งขึ้นแล้ว
เมื่อนึกถึงสัมผัสรุนแรงของหลี่ต้าหลาง อันอวี้ก็รู้สึกรังเกียจขึ้นมา นางผลักมือของเซี่ยคุนออก จากนั้นควานหาไม้เท้าอย่างสั่นกลัว
“อยู่ตรงนี้” เซี่ยคุนส่งไม้เท้าให้นาง
อันอวี้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
“สวรรค์ เกิดอะไรขึ้น?” อวี้ซื่อปรากฏตัวตรงประตู “เจ้า… เจ้าไม่ใช่ผู้ติดตามที่อยู่บ้านข้าง ๆ หรือ? เจ้าทำอะไรลูกสาวข้า?”
“ท่านแม่…” อันอวี้สะอึกสะอื้น
“เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้ข้าจะต้องพูดคุยกับเขาให้รู้เรื่อง” อวี้ซื่อจ้องมองเซี่ยคุน “เจ้าทำอะไรกับลูกสาวของข้า? เจ้ารังแกนางใช่หรือไม่?”
เซี่ยคุนเหลือบมองอันอวี้ ไม่เอ่ยสิ่งใด
เขาไม่สามารถเล่าเรื่องหลี่ต้าหลางได้ อวี้ซื่อใจร้ายกับอันอวี้ หากนางรู้ว่าอันอวี้ถูกหลี่ต้าหลางรังแกเช่นนั้น จะต้องบังคับให้นางแต่งออกไปพรุ่งนี้อย่างแน่นอน
หากเป็นเช่นนี้ เขายอมแบกรับความผิดนี้ไว้เองดีกว่า
อันอวี้กัดฟันเอ่ย “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่ใหญ่เซี่ย จริง ๆ แล้ว…”
“ข้าชอบแม่นางอันอวี้ อยากแต่งงานกับนาง หากฮูหยินอวี้ยินยอม ข้ายินดีมอบ 100 ตำลึงเป็นสินสอด” เซี่ยคุนเอ่ย
ดวงตาของอวี้ซื่อเบิกกว้าง “100 ตำลึง?”
“อืม” เซี่ยคุนพยักหน้า
อันอวี้ ‘มอง’ ไปทางเซี่ยคุน “พี่ใหญ่เซี่ย ท่านไม่จำเป็นต้อง…”
ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย…
เห็น ๆ อยู่ว่าเขาเป็นคนช่วยนาง คนที่ข่มเหงนางเป็นคนอื่น เหตุใดต้องเอ่ยเช่นนี้?
ขณะที่อวี้ซื่อกำลังดีใจจนลืมตัวอยู่นั้น เซี่ยคุนก็เข้ามาหาอันอวี้ กระซิบข้างหูนางเบา ๆ “หากแม่เจ้ารู้ว่าหลี่ต้าหลางมาที่นี่ นางจะต้องจับเจ้าแต่งงานแน่นอน”
อันอวี้ไม่สงสัยกับคำพูดของเซี่ยคุนแม้แต่น้อย
เมื่อคิดถึงภาพนั้นขึ้นมา นางก็เริ่มหวาดกลัวอีกครั้ง
“แต่ท่าน… นี่จะไม่เป็นธรรมกับท่าน”
เซี่ยคุนเป็นคนดีเหลือเกิน ดูจากฝีมือของเขา หากเขาอยากทำอะไรนาง เขาคงไม่รอจนกระทั่งถึงตอนนี้
“ไม่ได้อยุติธรรมต่อข้า” เซี่ยคุนก้มหน้าลง
เทียบกับการให้นางถูกคนอื่นข่มเหงรังแกแล้ว มิสู้รับนางมาอยู่ภายใต้ปีกของเขา อย่างน้อยก็ได้ปกป้องนางอย่างเปิดเผย
“เช่นนั้น เจ้ามี 100 ตำลึงหรือ?” อวี้ซื่อเอ่ยถาม “เจ้าเป็นเจ้าภาพได้หรือไม่?”
“ได้”
นางพิจารณาครอบครัวลู่ รู้สึกว่าเรื่องนี้ย่อมไม่สร้างความอับอายให้แน่นอน
“ข้าต้องถามลูกชายของข้าก่อน” เมื่อคิดถึงอันอี้หาง อวี้ซื่อก็อดใจไม่ให้ตอบตกลงเอาไว้ได้
หลังจากเซี่ยคุนไปแล้ว อวี้ซื่อก็หันกลับมามองอันอวี้อีกครั้ง มองอย่างไรก็รู้สึกรื่นตารื่นใจ
เย็นวันนั้น อวี้ซื่อทำไข่ตุ๋นให้อันอวี้ อีกทั้งยังหุงข้าวขาวให้นางอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
อันอี้หางได้รับข่าวคราวจากคนอื่นก็นึกว่าที่บ้านเกิดเรื่องขึ้นแล้ว จึงรีบเร่งกลับมาที่บ้าน
ครั้นเห็นอันอวี้กำลังทานข้าวขาวกับไข่ตุ๋น เขายังนึกว่าตนตาฝาดไปแล้ว
“ท่านแม่ น้องสาว ข้ากลับมาแล้ว”
ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไร อันอี้หางเห็นอวี้ซื่อดีกับอันอวี้เช่นนี้ก็คิดว่าการเกลี้ยกล่อมครั้งก่อนของเขาได้ผล ชายหนุ่มจึงรู้สึกมีความสุขมาก
“หานเอ๋อร์ รีบเข้ามาเร็ว แม่เหลือข้าวไว้ให้เจ้าแล้ว” เมื่ออวี้ซื่อเห็นอันอี้หาง ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้านาง
“ขอรับ”
ทุกคนทานข้าวด้วยกันอย่างสงบสุข
อันอวี้สัมผัสได้ถึงความยินดีของอวี้ซื่อ นางคงคิดว่าในที่สุดก็สามารถปลดเปลื้องภาระของตนออกไปได้ จึงมีความสุขจากใจจริง
บางทีการแต่งกับพี่ใหญ่เซี่ยอาจจะเป็นโชคชะตาที่ดีที่สุดแล้วจริง ๆ
เพียงแต่เรื่องนี้อาจโหดร้ายกับพี่ใหญ่เซี่ยเกินไป
“น้องสาว…” อันอี้หางเคาะประตู
“เข้ามาเถอะจ้ะ”
อันอี้หางเห็นอันอวี้นั่งพับผ้าอยู่บนเตียง จึงนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามนาง
“เมื่อครู่นี้ท่านแม่บอกข้าแล้ว ข้าอยากได้ยินความต้องการของเจ้า เจ้าคิดอย่างไรกับพี่เซี่ยคนนั้น?”
“ท่านพี่ ข้าเป็นเช่นนี้แต่งงานกับใครไปก็กลายเป็นภาระ” อันอวี้ก้มหน้าลง “มิสู้ให้ข้าบวชเข้าสู่ทางธรรม ไม่กลับมาเสียดีกว่า”
“เจ้าพูดเรื่องโง่ ๆ อะไรกัน?” อันอี้หางขมวดคิ้ว “หากเจ้าไม่ยินดี ไม่ต้องแต่งก็ได้แล้ว คำพูดเช่นนี้ไม่อนุญาตให้เจ้าเอ่ยออกมาอีก”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ยินดี เพียงแต่ไม่อยากทำร้ายเขา เขาเป็นคนดีถึงเพียงนั้น ควรจะได้แต่งกับหญิงสาวที่ดีกว่าข้า ข้าจะคู่ควรกับเขาได้อย่างไร?”