สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 24 เนื้อนั่นข้าเป็นคนให้นางเอง
บทที่ 24 เนื้อนั่นข้าเป็นคนให้นางเอง
บทที่ 24 เนื้อนั่นข้าเป็นคนให้นางเอง
“อย่าตีนาง… หยุดเดี๋ยวนี้…” มู่เจิ้งหานกอดถงซื่อก่อนจะร้องเสียงดัง “แม่ข้าบาดเจ็บขนาดนี้แล้ว เหตุใดยังต้องตีนางอีก คิดจะฆ่ากันงั้นหรือ”
“ใช่ ข้าจะเอามันให้ตาย จะได้ไม่ต้องมาเป็นหอกข้างแคร่ ลอบทำลายครอบครัวข้าอีก”
แม่เฒ่าเจียงส่งเสียงคำราม เมื่อเห็นว่าหลานชายส่งเสียงดังจึงละมือจากลูกสะใภ้ มุ่งเป้าไปกระทืบมู่เจิ้งหานแทน
แต่เขาไม่ยินยอมโดยง่าย ได้แต่ร้องโวยวายเสียงดัง เมื่อเห็นว่าท่านย่าจะเข้าไปทำร้ายแม่ของเขา มู่เจิ้งหานก็จ้องมองไปที่หญิงชราด้วยสายตาเคียดแค้น
แม่เฒ่าเจียงเริ่มหวั่นกลัวเมื่อถูกจ้องเช่นนั้น แต่นั่นก็ทำให้เท้าของนางลงแรงหนักยิ่งกว่าเดิม หญิงชราไม่ได้สนใจว่านี่คือหลานชายของตัวเองหรือไม่ คนที่กล้าอวดดีกับนางมันต้องโดนดี!
มู่ต้าซานร้องห้ามอย่างหวาดกลัว “ท่านแม่ อย่าทำร้ายหานเอ๋อร์ เขาเป็นหลานชายของตระกูลเรานะ”
“ไม่ต้องมาพูด นังผู้หญิงเลวก็ให้กำเนิดลูกเลว ๆ ออกมาอย่างไรล่ะ มองตรงไหนที่เหมาะจะเป็นคนตระกูลมู่ของเรา!” แม่เฒ่าเจียงสาปส่งต่อไป
ปัง!
มีเสียงกระแทกดังมาจากประตูหน้าบ้าน
โครม!
จากนั้นประตูบานนั้นก็พังลง
ทุกคนเห็นว่าเป็นมู่ซืออวี่ที่ย่างสามขุมเข้ามาด้วยความโกรธ
ท่าทางแบบนั้นของคนมาใหม่ทำให้แม่เฒ่าเจียงลนลาน หญิงชราส่งสายตาระแวดระวังไปที่มู่ซืออวี่ “เจ้าจะทำอะไร เหตุใดถึงมาที่นี่?”
“เดี๋ยว! นังเด็กนี่! เจ้าจะทำอะไร?” ถังซื่อมาขวางหน้ามู่ซืออวี่ไว้
แต่หญิงสาวกลับผลักถังซื่อออกไปด้านข้าง “หลบไปให้พ้น!”
ถังซื่อไม่คาดคิดว่าจะเจอเรื่องเช่นนี้ นางกระเด็นไปไกลก่อนจะล้มลงกับพื้น ได้แต่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย ดูสิ เป็นหลานสาวมาทำร้ายป้าสะใภ้ตัวเองได้อย่างไร”
“หุบปากไปซะ!” มู่ซืออวี่มองถังซื่ออย่างเย็นชา “ข้าไม่ได้มาหาท่าน อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน ถ้าพูดมากข้าจะสั่งสอนให้เงียบเอง”
นั่นจึงทำให้ถังซื่อรีบปิดปากฉับ ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
ให้ตายเถอะ!
ผู้หญิงน่ากลัวคนนี้มาถึงนี่ได้อย่างไรกัน ท่าทางราวกับผีห่าซาตานขึ้นมาจากนรกอย่างไรอย่างนั้น
ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้วมู่ซือเจียวก็ไม่กล้าหาเรื่องใส่ตัว ตอนนี้มีคนอื่นอยู่เยอะ ยังไม่ใช่คราวที่นางจะต้องรนหาที่ หญิงสาวซ่อนตัวอยู่ด้านหลังท่านย่า ลอบส่งสายตาขุ่นเคืองให้ลูกพี่ลูกน้อง
“แม่หนูอวี่ นี่เป็นเรื่องในครอบครัวเรา ไม่ใช่อะไรที่เจ้าจะมายุ่งด้วยได้” มู่ต้าไห่แสดงอำนาจของตัวเองในฐานะลุงใหญ่
“อ้อ ที่ทุบตีแม่กับน้องชายข้าแบบนี้ ยังจะกล้ามาบอกว่าข้าไม่เกี่ยวอีกงั้นหรือ” มู่ซืออวี่เยาะเย้ย “ข้าเชิญหัวหน้าหมู่บ้านมาแล้วระหว่างทางที่มาที่นี่ ให้เขามาช่วยตัดสินก็แล้วกัน”
“นี่มันเรื่องในบ้านเรา เหตุใดต้องไปรบกวนหัวหน้าหมู่บ้านด้วย” มู่ต้าไห่พูดเสียงเย็น “เรื่องไร้สาระอะไรกัน”
“ถ้าข้าไม่เชิญหัวหน้าหมู่บ้านมาก็คงมีคนตายน่ะสิ พอถึงตอนนั้นคงได้เชิญเจ้าหน้าที่มาสอบสวนแทนแล้ว” มู่ซืออวี่พูดพลางเดินไปหาถงซื่อและมู่เจิ้งหาน
มู่เจิ้งหานนั้นแม้จะถูกทุบตีจนน่วมแต่ก็ยังมีสติและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เวลานี้เขามองพี่สาวที่เย็นชากับตนมาตลอดด้วยสายตาราวกับว่านี่คือความฝัน
“มีใครบาดเจ็บงั้นหรือ?” ท่านหมอจูวิ่งมาพร้อมกล่องยา “ข้าได้ยินมาว่ามีคนเจ็บที่นี่ คนเจ็บอยู่ที่ไหน?”
“ท่านหมอ ทางนี้เจ้าค่ะ” มู่ซืออวี่ร้องเรียก
คนเป็นหมอรีบสาวเท้าไปทางต้นเสียง แล้วเขาก็ขมวดคิ้วมองมู่ซืออวี่ “นี่เจ้าอีกแล้วหรือ เหตุใดถึงได้มีเรื่องอีกแล้ว?”
“ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย แต่มีคนทำร้ายร่างกายแม่กับน้องชายข้า ท่านหมอจู โปรดช่วยดูอาการพวกเขาด้วย” หญิงสาวอธิบายจนเสร็จสรรพ
ชาวบ้านที่รวมตัวกันอยู่ข้างนอกพูดคุยกันจอแจว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ ไม่มีใครอยากจะเชื่อว่าผู้หญิงที่สนใจแต่เรื่องของตัวเองอย่างมู่ซืออวี่จะเข้ามาช่วยแม่และน้องชายถึงในบ้านเดิม นิสัยนางน่าเกลียดพอ ๆ กับรูปลักษณ์ ที่ผ่านมาสามารถมองดูน้องชายถูกเด็กในหมู่บ้านทุบตีได้อย่างหน้าตาเฉยด้วยซ้ำ
“หัวหน้าหมู่บ้านมาแล้ว” มีคนพูดขึ้นมา
หัวหน้าหมู่บ้านถือไม้เท้าเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชา
“หัวหน้าหมู่บ้าน โปรดให้ความเป็นธรรมกับท่านแม่และน้องชายข้าด้วยเจ้าค่ะ” มู่ซืออวี่พูดขึ้น “ถ้าท่านไม่ช่วยพวกเขา พวกเขาคงจะต้องตายอยู่ที่นี่”
จากนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็พบว่าร่างของถงซื่อและมู่เจิ้งหานนอนหมอบอยู่ที่พื้น สองแม่ลูกถูกทำร้ายร่างกายอยู่ในสภาพที่น่าสงสารยิ่ง ถงซื่อมีใบหน้าซีดเซียวราวกับจะหมดลมหายใจได้ทุกเมื่อ
“ใครทำแบบนี้ เหตุใดพวกเขาถึงถูกทำร้ายได้” หัวหน้าหมู่บ้านกระแทกไม้เท้าด้วยความโกรธ “คิดว่าบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแปงั้นรึ”
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านจะรู้อะไร” แม่เฒ่าเจียงตะโกนเสียงดัง “นังนี่มันขโมยของ มือไม้สกปรก”
“ขโมยอะไร ไหนว่ามาซิ?” น้ำเสียงของหัวหน้าหมู่บ้านอ่อนลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ยังคงความเคร่งขรึมไม่ต่างจากเดิม
ท้ายที่สุดหากมีคนตาย ทั้งหมู่บ้านจะได้รับผลกระทบไปกันหมด ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขาต้องเข้ามาจัดการ ไม่ให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงขึ้นมา
“นางขโมยเนื้อไปกิน” แม่เฒ่าเจียงกล่าวโทษ “ดูสิ นี่ไงเนื้อที่นางขโมยมา มีตั้งมาก มีเนื้อก็ต้องเอาให้ผู้ชายในบ้านกินก่อนสิ ผู้ชายทำงานหนักกว่าตั้งมาก ผู้หญิงอยู่สบายจะมากินเนื้อได้อย่างไร นางบังอาจมาขโมยเนื้อที่ข้าใช้ทำอาหารเมื่อวานนี้ มือโสโครกแบบนี้มันต้องสั่งสอน ไม่อย่างนั้นต่อไปถ้าไปทำความสะอาดบ้านจะไม่ไปฉกฉวยเอาอะไรไปอีกงั้นหรือ”
มู่ซืออวี่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าสาเหตุเกิดจากเนื้อที่นางห่อมาให้แม่ นางถึงกับโกรธจัด ใบหน้าแดงก่ำเพราะความเดือดดาล ราวกับว่าจะพุ่งไปฆ่าคนได้ในอีกไม่นาน
“นี่เจ้าตีพวกนางเพราะเนื้อนั่นอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าก็ต้องจัดการเรื่องเลว ๆ ในบ้านสิ” แม่เฒ่าเจียงจ้องไปทางมู่ซืออวี่ “แล้วเจ้าล่ะ เป็นแค่ลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้ว ใช่เรื่องที่จะมาวุ่นวายในบ้านนี้หรือ”
“นางเป็นมารดาข้า เรื่องเดือดร้อนของนางก็ย่อมเป็นเรื่องของข้าด้วย ส่วนนี่ก็น้องชายข้าเช่นกัน ใครที่มารังแกน้องช้า มันต้องชดใช้เป็นสองเท่า!” หญิงสาวหัวเราะเยาะ “ข้าเพียงแค่อยากจะดูแลแม่ของตัวเอง และข้ายังเป็นคนเอาเนื้อนี่ให้นางเองกับมือด้วย ถ้าไม่เชื่อก็ตอบมาว่าเจ้ามีเนื้อที่ไหนมาทำกับข้าว ในเมื่อแม่ข้าขโมยมันมามากถึงขนาดนี้ได้ อย่ามาพูดจาไร้สาระ”
ทุกคนที่ฟังอยู่ต่างตกตะลึง
มู่ซืออวี่เอา ‘เนื้อ’ ให้แม่ตัวเอง?
จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
คนอย่างนางน่ะหรือเอาของดีแบบนั้นให้คนอื่น ลูกทั้งสองยังได้กินหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่กลับเอาเนื้อมามอบให้แม่ที่ตัวเองดูถูกมาตลอดอย่างนั้นหรือ
“ไร้สาระ บ้านเจ้ามีเงินซื้อเนื้อหมูด้วยอย่างนั้นหรือ ใครไม่รู้บ้างว่าบ้านเจ้ามีหนี้สินอยู่” หญิงชราหัวเราะเสียงดัง
มู่ต้าไห่ส่ายหน้า “แม่หนูอวี่ ข้าเข้าใจว่าเจ้าเป็นห่วงแม่จึงอยากจะช่วยนาง แต่จะมาโกหกแบบนี้ไม่ได้”
มู่ต้าซานขมวดคิ้ว “เจ้ากลับไปก่อน ข้าไม่อยากให้เจ้ามาวุ่นวายที่นี่”
“อย่ามาวุ่นวายงั้นหรือ ภรรยากับลูกชายท่านถูกทำร้าย ท่านกลับเอาแต่ยืนมองอยู่เฉย ๆ ท่านเคยเป็นคนดีกว่านี้ เหตุใดตอนนี้ถึงได้ใจไม้ไส้ระกำนัก ไม่สนใจอะไรเสียหน่อยหรือ”
“ไร้สาระ แม่หานเอ๋อร์ทำผิด จะให้ข้าปกป้องนางได้อย่างไร” มู่ต้าซานตอบอย่างไม่พอใจนัก
“ท่านแต่งงานกับนางมานาน ไม่เคยรู้เลยหรือว่านางเป็นคนอย่างไร คนอย่างนางจะกล้าขโมยอะไรงั้นหรือ ท่านก็แค่ขี้ขลาด ไม่กล้าเถียงแม่ตัวเองมากกว่า”
หลังจากกล่าวเย้ยหยันพ่อตัวเองแล้ว นางก็หันไปทางหัวหน้าหมู่บ้านอีกครั้ง “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าเอาเนื้อหมูนี่ให้ท่านแม่ไปจริง ๆ พวกเขาทำร้ายแม่ข้าเพียงเพื่อยึดมันไปจากนาง ข้าต้องการความยุติธรรมให้แม่กับน้องชายข้า”
“เจ้าจะพิสูจน์อย่างไรว่าเนื้อนี่เป็นของเจ้าจริง ๆ”
“เรามีหลักฐาน”
จู่ ๆ เสียงของลู่ฉาวอวี่ก็ดังมาจากหน้าประตู