สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 245 เซี่ยคุนบอกว่ายังเป็นเพียงแม่นางน้อย
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 245 เซี่ยคุนบอกว่ายังเป็นเพียงแม่นางน้อย
บทที่ 245 เซี่ยคุนบอกว่ายังเป็นเพียงแม่นางน้อย
บทที่ 245 เซี่ยคุนบอกว่ายังเป็นเพียงแม่นางน้อย
อันอวี้กระชับเสื้อผ้าของนาง เมื่อนางได้ยินคนผลักประตูเข้ามา ลมหายใจของนางพลันถี่กระชั้น
“ข้า… กลับมาแล้ว”
ทันทีที่เข้ามาในห้อง เซี่ยคุนก็เอ่ยขึ้นทันที
เขารู้ว่าอันอวี้มองไม่เห็น เมื่อกลับมาจึงเปล่งเสียง นางจะได้ไม่ตื่นตระหนกและคลายความกังวลลงบ้าง
อันอวี้ได้ยินเสียงของเซี่ยคุนก็โล่งใจ
สำหรับนางแล้ว ทุกสิ่งที่นี่ล้วนไม่คุ้นเคย นางทำตัวไม่ค่อยถูกนัก โดยเฉพาะวันนี้ นางเพิ่งแต่งงาน เพิ่งมีสามี จะพะว้าพะวงวุ่นวายใจก็ไม่แปลก
“ข้า ข้าจะไปตักน้ำมาให้ท่าน” อันอวี้ลุกขึ้น
“เจ้าไม่ต้องขยับ” เซี่ยคุนคว้าแขนนางไว้ “ข้าอาบน้ำแล้ว”
“เช่นนั้นข้า…” อันอวี้หน้าแดงเรื่อ เอื้อมไปจับเสื้อผ้าของเซี่ยคุน “ข้าทำอะไรเพื่อท่านได้บ้าง?”
เซี่ยคุนเมาแล้ว แต่ทุกคนล้วนทราบสถานการณ์ของอันอวี้ดี จึงไม่มีการปลุกห้องเจ้าสาว*[1] อีกทั้งยังไม่ได้เซ้าซี้ให้เขาดื่มมากเกินไป
“ให้เจ้าสร้างความคุ้นเคยอีกสักสองสามวันก่อนค่อยว่ากัน แต่ก่อนเป็นอย่างไร บัดนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น ไม่จำเป็นต้องกดดันตนเองเกินไป” เซี่ยคุนกล่าว “ข้าตักน้ำอุ่นมาให้เจ้าแล้ว เช็ดเนื้อเช็ดตัวเถอะ”
อันอวี้รู้สึกกระวนกระวายใจยิ่งกว่าเดิม
นางยังไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อเขา แต่เขากลับตักน้ำมาให้นาง เช่นนั้นนางแต่งงานเป็นภรรยาเขาแล้วมีประโยชน์อะไร?
“ผ้าอยู่นี่ ข้าเอามาให้” เซี่ยคุนบอก “ข้าจะรอเจ้าข้างนอก หากต้องการสิ่งใดก็เรียกข้า”
“พี่ใหญ่เซี่ย” อันอวี้เอ่ยรั้งเซี่ยคุนไว้ “ท่าน… เหตุใดจึงได้ดีกับข้าเช่นนี้?”
“เจ้าเป็นภรรยาข้า ในเมื่อข้าแต่งงานกับเจ้าแล้ว ข้าย่อมต้องดีต่อเจ้าไปทั้งชีวิต เจ้าอย่าได้คิดมาก พวกเขาพูดคุยด้วยง่าย อีกทั้งยังชอบเจ้ามาก หากเจ้าต้องการสิ่งใดเพียงแค่เอ่ยออกมา”
จากนั้นอันอวี้ก็ได้ยินเสียงประตูปิดลง
อุณหภูมิของน้ำกำลังอุ่นพอดี บุรุษผู้นี้ช่างเอาใจใส่ยิ่งนัก
อันอวี้รู้สึกว่านอกจากพี่ชายของนางแล้ว ยังมีอีกคนที่นางคำนึงถึง บางทีการแต่งงานกับพี่ใหญ่เซี่ยอาจจะเป็นบทเริ่มต้นชีวิตของนาง และนางจะต้องรักษาความสุขที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้เป็นอย่างดี
“พี่ใหญ่เซี่ย ข้าเสร็จแล้ว” อันอวี้ตะโกนออกไปข้างนอก
เซี่ยคุนผลักประตูเปิดเข้ามา จากนั้นนำน้ำที่ใช้แล้วไปทิ้งให้
ใบหน้าของอันอวี้แดงก่ำ นางค่อย ๆ ปลดชุดแต่งงานออก
เมื่อเซี่ยคุนกลับเข้ามาก็เห็นแม่นางน้อยคนหนึ่งสวมชุดโปร่งบาง นั่งปล่อยผมยาวสยายทำตัวไม่ถูกอยู่ที่ปลายเตียง
“ข้า…”
ปึง! ประตูปิดลงทันที
เซี่ยคุนเดินเข้ามา ยกขานางขึ้นไปบนเตียง จากนั้นบอกให้นางนอนลง
“พี่ใหญ่เซี่ย…” อันอวี้สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
เซี่ยคุนมองเข้าไปในแววตาหม่นมัวของนาง จากนั้นจึงเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้ายังเล็ก นอนซะ”
อันอวี้กะพริบตาปริบ ๆ “ข้า ข้าสิบหกแล้ว”
“ยังคงเป็นเพียงแม่นางน้อย” เซี่ยคุนจัดแจงร่างกายของนางให้เข้าที่ “นอนเถิด”
อันอวี้รู้สึกได้ว่าเซี่ยคุนห่มผ้าให้นาง จากนั้นจึงนอนลงข้าง ๆ
เขาไม่แตะต้องนางจริง ๆ
ไม่กี่วันก่อนท่านแม่เดินเข้ามาในห้องของนาง จากนั้นกล่าวบางสิ่งกับนางเรื่องคืนเข้าหอ บอกนางว่าสถานการณ์ของนางพิเศษ นางไม่ต้องทำสิ่งใด เพียงแค่ทำตามเซี่ยคุนก็เป็นอันใช้ได้แล้ว
ตอนนี้เซี่ยคุนพักผ่อนแล้ว นางแค่ต้องทำตามใช่หรือไม่?
นางกำผ้าห่มแน่น จากนั้นนอนหลับไปด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย
แม่นางน้อยอายุสิบหกปีไม่เคยร่วมเตียงกับบุรุษใดมาก่อน เมื่อนางได้กลิ่นเฉพาะตัวบุรุษของเซี่ยคุนโชยมา นางก็ทั้งเขินอายและมีความสุข
อันอวี้หลับไปแล้ว เซี่ยคุนจึงลืมตาขึ้นมา
เขาไม่แตะต้องอันอวี้ ไม่ใช่เพียงเพราะนางยังเยาว์เกินไป แต่เป็นเพราะ… อยากให้อันอวี้ได้เลือกอีกครั้ง
หากดวงตาของอันอวี้รักษาหายดีจนได้เห็นความงดงามของโลกภายนอกอย่างเช่นแม่นางน้อยทั่วไปแล้ว เช่นนั้นค่อยให้นางเลือกว่านางจะยินยอมแต่งงานกับบุรุษที่อายุมากกว่านางนับสิบปีหรือไม่
เขาไม่ควรค่ากับแม่นางน้อยที่ทั้งบริสุทธิ์ไร้เดียงสาและงดงามเช่นนี้
คืนนี้ข้างนอกปราศจากลมพัด ทว่าจิตใจของผู้คนในหมู่บ้านกลับว้าวุ่น ผู้คนมากมายล้วนแต่เอ่ยถึงงานแต่งที่สวยงามงานนี้ หลายคนต่างปาดน้ำตาด้วยความอิจฉา
มู่ซืออวี่ชินกับการตื่นเช้า ทว่าวันนี้นางกลับไม่ขยับเขยื้อน เมื่อได้ยินเสียงเสียดสีของเสื้อผ้าของลู่อี้ นางจึงปรายตามองเขา “วันนี้ข้าจะทำอาหารเช้าสายหน่อย จะได้ไม่ปลุกอันอวี้และคนอื่น ๆ ท่านไปกินในเมืองเถอะ”
ลู่อี้เดินเข้ามาลูบแก้มนางเบา ๆ แล้วจูบนาง
“อื้อออ”
นางผลักเขาออกไป “ข้ายังไม่ได้แปรงฟันนะ!”
“ถึงอย่างไรก็ยังหวานล้ำ” ลู่อี้กอดรัดนาง ขณะเกี่ยวกระหวัดรัดรึงลิ้นของนางต่อไป
มู่ซืออวี่ผลักเขาออกอีกครั้ง “ไม่ไปศาลาว่าการหรือไร?”
“ไม่อยากไปแล้ว” ลู่อี้แนบริมฝีปากลงดุนดันใบหูของนาง โหมไฟในตัวนางให้ลุกโชน
ยามนี้แขนขามู่ซืออวี่พลันไร้เรี่ยวแรง
เขาเป็นอะไรขึ้นมา?
หรือเป็นหมาป่าหิวโหยอยู่แล้ว ที่ผ่านมาแค่แสร้งเป็นพระที่ปราศจากกิเลสตัณหามานานหลายปี เมื่อได้ผิดศีลครั้งหนึ่งแล้ว กระทั่งม้าแปดตัวก็ฉุดรั้งจิตใจที่กำลังคึกคะนองของเขาไว้ไม่ไหว
วันนี้ลู่อี้มีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ ไม่เช่นนั้นวันนี้เขาคงรั้งอยู่ที่นี่จริง ๆ
“เจ้าเอาแต่คอยห่วงใยผู้อื่นเช่นนี้ ข้าอยู่ลำดับใดในหัวใจของเจ้ากัน?”
หากนางสนใจลูกชายลูกสาวและน้องชายของเขาก็ยังพอเข้าใจ แต่นางกลับเป็นห่วงเซี่ยคุนที่แต่งภรรยาไปแล้ว ไม่ห่วงใยสามีของตนเอง ปล่อยให้สามีของตนเองเข้าเมืองไปทั้งที่ยังหิว
“ท่านสำคัญมาก สำคัญที่สุด ข้าก็รักใคร่ห่วงใยท่านเช่นกัน เพียงแต่อันอวี้เป็นสตรีที่อารมณ์อ่อนไหว พวกเราควรดูแลอารมณ์และจิตใจของนางสิ” มู่ซืออวี่กล่าว “พรุ่งนี้ข้าจะชดเชยให้”
“คืนนี้”
“คืนนี้อย่างไร…” มู่ซืออวี่อยากจะกล่าวว่า ‘ท่านกลับมาดึกดื่นมืดค่ำทุกวัน ทานอาหารที่ข้าทำไม่ได้ ข้าจะชดเชยให้ท่านอย่างไร’ ทว่าก่อนที่นางจะได้กล่าวจบประโยค นางพลันมองเข้าไปในสายตาลึกล้ำของเขา จึงเข้าใจทันทีว่า ‘ชดเชย’ ที่คนหื่นกามผู้นี้กล่าวถึงไม่ใช่ ‘ชดเชย’ เรื่องมื้ออาหารอย่างที่นางคิด
นางฉุนเฉียวขึ้นมาทันที ผลักเขาออกไปโครมหนึ่ง “ยังไม่รีบไปอีก เดี๋ยวจะสายแล้วนะ”
ลู่อี้เดินออกไปพร้อมกับรอยยิ้มลุ่มลึก
มู่ซืออวี่กลิ้งไปมาอย่างขัดเขิน ได้ยินเสียงลู่อี้และจือเชียนขึ้นรถม้าจากไปแล้ว นางไม่สามารถข่มตานอนต่อได้อีก ทว่านางไม่อยากออกไปทำอาหาร หากส่งเสียงรบกวนสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน อาจทำให้อันอวี้รู้สึกกระอักกระอ่วนเอาได้
นางจึงเพียงแค่จุดเทียนแล้วนั่งเขียนแบบอยู่บนโต๊ะ
กล่าวไปแล้วในยุคโบราณยังไม่มีโต๊ะสำหรับเด็ก นางสามารถออกแบบชุดโต๊ะที่เหมาะให้เด็กใช้หัดเขียนอักษรได้ จะได้วางจตุรสมบัติล้ำค่าแห่งห้องหนังสือได้ด้วย อีกทั้งยังง่ายแก่การเช็ดทำความสะอาด ไม่เปื้อนหมึกง่าย ๆ
ใช่แล้ว! บอกว่าจะทำก็ลงมือทำทันที
อันอวี้ได้ยินเสียงไก่ขันจึงค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา
“นอนอีกหน่อยเถิด” เซี่ยคุนพูดขึ้น “ข้างนอกฟ้ายังมืด เจ้าตื่นเช้าไปก็ทำสิ่งใดไม่ได้”
“ข้าจะไปทำอาหาร ถึงแม้ข้าจะทำได้เพียงข้าวต้มก็…” อันอวี้เอ่ยออกมา
“อาหารเช้าฮูหยินเป็นคนทำ ฮูหยินชอบทำอาหารมาก ฉาวอวี่และอวิ๋นเอ๋อร์ก็ชอบอาหารที่นางทำเช่นกัน เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล เจ้าให้อาหารไก่ กวาดพื้นบ้านก็พอ”
เซี่ยคุนรู้ว่าหากเขาไม่หางานให้อันอวี้ทำ นางจะอยู่ที่บ้านนี้อย่างอึดอัดใจยิ่งกว่าเดิม แต่ก่อนอวี้ซื่อมักจะเกลียดชังนาง นางจึงรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเสมอ
“ได้” สุดท้ายใบหน้าของอันอวี้จึงปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
“สองสามวันนี้เจ้าก็ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมเสียก่อน จากนั้นเจ้าก็รดน้ำในแปลงผักได้”
“อื้ม” อันอวี้พยักหน้าซ้ำ ๆ “ยังมีอะไรอีกหรือไม่?”
เซี่ยคุนจนใจ ได้แต่มองนางด้วยสายตาอ่อนโยน “บ้านเรามีบ่อน้ำ ข้าไม่รู้ว่าฮูหยินทำอย่างไรกับมัน จึงตักน้ำได้สะดวกมาก เจ้าสามารถช่วยซักผ้าได้ แต่ว่าน้ำเย็นยิ่งนัก อาจจะทำให้มือเจ้าแข็งได้”
“ข้าไม่กลัวเย็น” อันอวี้กล่าว “เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะไปช่วยก่อไฟ”
[1] การปลุกห้องเจ้าสาว เป็นพิธีสร้างความครื้นเครงที่ห้องเจ้าสาวหลังแต่งงาน