สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 265 เขาปฏิเสธนาง
บทที่ 265 เขาปฏิเสธนาง
บทที่ 265 เขาปฏิเสธนาง
ลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานกำลังจะไปเมืองหยางหลิ่ว ย่อมมีสิ่งของมากมายที่ต้องตระเตรียม มู่ซืออวี่พาทั้งสองไปซื้อของมามากมาย ส่วนของนั้นให้ทางร้านค้าส่งมาที่เรือน
“ท่านแม่ เราไม่ต้องการอะไรที่นี่หรอกกระมัง?” ลู่ฉาวอวี่เห็นว่ามู่ซืออวี่จะพาทั้งสองเข้าหอจูเป่าจึงหยุดนางไว้
“เจ้าไม่ต้องการก็จริง แต่ข้าได้ยินเจ้าบอกว่าป้าผางที่ดูแลเจ้าเป็นห่วงเจ้ามาก ข้าอยากซื้ออะไรให้นางบ้าง นอกจากนั้น นี่จะปีใหม่แล้ว ข้าอยากซื้ออะไรให้อาจารย์เจ้าด้วย”
“อาจารย์เหวินไม่รับของขวัญหรอก” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “ของขวัญที่ผู้อื่นส่งมา อาจารย์เหวินส่งคืนทั้งหมด”
“เช่นนั้นข้าจะทำอาหารไปให้เขา จะได้คืนไม่ได้” มู่ซืออวี่กล่าว “ยามที่พวกเจ้าอยู่ในสำนักศึกษา ป้าผางก็ดูแลพวกเจ้าตลอด ของขวัญให้นางก็ไม่อาจละเลยได้ ต้องเตรียมให้พร้อม”
ของในหอจูเป่านี้เป็นรองเพียงหอหลิงอวิ๋น มู่ซืออวี่เลือกได้ปิ่นปักผมสามชิ้น ต่างหูสี่คู่ และกำไลสองวง
ลู่ฉาวอวี่กับมู่เจิ้งหานมองหน้ากัน
พวกเขาเห็นได้ว่าหากสตรีคิดจะซื้อของก็เหมือนถูกฉีดเลือดไก่ซึ่งไม่อาจหยุดมือ ปกติแล้วมู่ซืออวี่ประหยัดอดออมพอตัว ทว่าหนนี้นางจ่าย 50 ตำลึงเงินในรวดเดียว
“ฮูหยิน เชิญทางนี้”
ผู้ช่วยในร้านเชิญหญิงสาวแต่งตัวดีผู้หนึ่งเข้ามาในหอจูเป่า
หญิงสาวคนนั้นผงะไปยามเห็นมู่ซืออวี่ ก่อนจะเลือกซื้อของต่อไปราวกับไม่ได้เห็นมู่ซืออวี่
ทว่ามู่ซืออวี่เห็นนางแล้ว
หลี่หงซู…
นางดูโทรมลงไปมาก แววตาสิ้นประกาย ดูอย่างไรก็เหมือนหญิงผู้แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ไร้ชีวิตชีวาเฉกเช่นแอ่งน้ำนิ่ง
ไม่น่าเล่า เจิ้งซูอวี้จึงปฏิเสธไม่แต่งงานเข้าสกุลเฉียนหลังจากกลับมาพบนาง เพราะไม่อยากเป็นอย่างนางในปัจจุบันนี่เอง!
มู่ซืออวี่หยิบแหวนขึ้นมาวงหนึ่ง
มือของหลี่หงซูยื่นมาคล้ายจะหยิบพอดี
ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะต่างเบือนหน้าหลบไป
“เถ้าแก่ ข้าอยากได้แหวนวงนี้” มู่ซืออวี่กล่าว “ราคาเท่าไหร่?”
“10 ตำลึง” เถ้าแก่ตอบ
หลี่หงซูกล่าวเบา ๆ ว่า “ข้าให้ 12 ตำลึง”
มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว “งั้นท่านเอาไป ข้าไม่อยากได้แล้ว”
หลี่หงซูหน้าเสีย “หมายความว่าอย่างไร? นี่ดูถูกข้า? เวทนาข้าหรือไร?”
ก่อนที่มู่ซืออวี่จะทันได้พูด มู่เจิ้งหานก็กล่าวขึ้น “ท่านนี่ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว พี่สาวข้าไปทำอะไรผิดต่อท่านอีก? ท่านชอบชิงของจากผู้อื่นหรือไร?”
หลี่หงซูแค่นยิ้ม “เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องให้นางมาสงสารข้า”
“คุณหนูหลี่ ไม่สิ ฮูหยินฟาง ข้าคิดว่าท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่คิดว่าหากท่านจ่าย 12 ตำลึง และข้าเองก็ไม่อยากจ่ายเงินซื้อแหวนที่ 10 ตำลึงก็ซื้อได้ด้วยราคาสูงลิ่ว ข้าไม่อยากแข่งกับท่าน ท่านสูงส่งเพียงนี้ ข้าจะเวทนาท่านได้อย่างไร? แทนที่จะสงสารท่าน ไปสงสารขอทานข้างถนน คนไร้บ้านข้างทางยังดีเสียกว่า” มู่ซืออวี่กล่าว “ฉาวอวี่ น้องหาน ไปกันเถอะ”
หลี่หงซูมองร่างของพวกเขาเดินจากไป ดวงตาแดงรื้นขึ้นมา
สาวใช้ข้างกายนางมองมาอย่างกังวล
“ฮูหยิน ท่านยังอยากได้มันอยู่หรือไม่?”
“อยากได้อะไร? ไม่อยากได้แล้ว” หลี่หงซูกระฟัดกระเฟียด “ไป กลับบ้าน!”
สาเหตุที่หลี่หงซูเสียการควบคุมเช่นนี้ ไม่ใช่แค่เพราะการเสื่อมถอยของสกุลหลี่ในปัจจุบันนี้เกี่ยวข้องกับมู่ซืออวี่ แต่ยังเป็นเพราะเมื่อครู่นางเห็นสามีนางกับเจิ้งซินเยว่ที่ข้างนอกนั่น
นางโมโหอยู่แล้ว และแน่นอนว่ายิ่งโมโหไปใหญ่เมื่อมาพบตัวการเรื่องทั้งหมดอย่างมู่ซืออวี่
หากลู่อี้ไม่ได้ทำอะไรกับสกุลหลี่ของนาง ชื่อเสียงสกุลหลี่คงไม่เป็นเช่นนี้ และนางคงไม่ต้องถูกบิดาจับแต่งให้คนเลวอย่างฟางโจวอวี่
ถึงแม้ว่านางจะรู้…
นางรู้ว่าหากพี่ชายของนางไม่ไปรบกวนมู่ซืออวี่ สามีของนางคงไม่ทำให้สกุลหลี่ของนางตกต่ำ ถึงอย่างไรพี่ชายของนางก็สมควรรับกรรมแล้ว
แต่นางก็ยังคิดแค้น!
วันนี้ลู่เซวียนลาครึ่งวัน เหตุแรกเพราะกระดาษหมดต้องซื้อใหม่ และเหตุที่สองเพราะเขาไม่ได้กลับบ้านไปหาครอบครัวมานาน ชายหนุ่มเริ่มคิดถึงบ้านเช่นกัน
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็อยู่ใกล้บ้านในเมืองมาก จึงขอลาเพียงสองชั่วยามก็เพียงพอ
“นายท่านรองลู่” หนึ่งเสียงเพราะพริ้งดังขึ้น
ลู่เซวียนเดินถือกระดาษต่อไป ไม่ได้สนใจอะไร
“นายท่านรองลู่ ข้าน้อยเรียกท่านอยู่ ไฉนจึงไม่สนใจกัน?”
ชิวซวงหยุดลู่เซวียนไว้
ลู่เซวียนมองชิวซวงอย่างประหลาดใจ “แม่นางเรียกข้าหรือ? ข้าไม่ทันสนใจ”
“นายท่านรองลู่ ขอรบกวนเวลาหน่อยได้หรือไม่?” ชิวซวงกล่าว “คุณหนูของเราในร้านน้ำชาเชื้อเชิญท่านดื่มชาด้วยกัน”
“นี่…” ลู่เซวียนลังเล
เจิ้งซูอวี้มักจะพาชิวซวงไปยังเรือนกรุ่นฝัน ลู่เซวียนก็มักจะไปยังเรือนกรุ่นฝัน แน่นอนว่าได้พบกันมาหลายหน ทว่าพวกเขาไม่เคยเสวนากัน ยามพบพานมีเพียงพยักหน้าทักทายเท่านั้น
เขามองไปยังร้านน้ำชาฝั่งตรงข้าม
เจิ้งซูอวี้ยืนอยู่ที่หน้าต่าง สายตามองมาทางลู่เซวียน
สายลมโชยผ่านมา เส้นผมของนางขยับราวกับผีเสื้อโบยบิน ดูประหนึ่งจะละลิ่วตามลมได้ทุกเมื่อ
ลู่เซวียนตามชิวซวงไป เขาอยู่ในร้านน้ำชาครึ่งชั่วยาม จากนั้นก็กลับออกมาด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง
ในร้านน้ำชา ชิวซวงมองเจิ้งซูอวี้อย่างเป็นกังวล “คุณหนู เขาปฏิเสธท่าน”
เจิ้งซูอวี้ยิ้มขมขื่น “ข้าก็เดาไว้นานแล้ว แค่อยากลองดูสักครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ผิดคาด เขาไม่ได้ตกลง”
“คุณหนูของเราหน้าตาก็ดี ความสามารถก็เยี่ยม หาเงินได้เช่นนี้ หากเขาเป็นบัณฑิตจน ๆ ไร้พี่ชายทรงอำนาจและพี่สะใภ้มากฝีมือ มีหรือจะควรค่ากับคุณหนูของเรา?”
“เดิมทีข้าคิดว่า แทนที่จะแต่งงานกับคนแซ่เฉียน สู้เลือกผู้ชายที่ข้าอยากแต่งงานด้วยจะดีกว่า ข้าชอบพี่สะใภ้ของเขาจริง ๆ นะ หากได้นับญาติกับนาง เราย่อมสนิทสนมกันได้” เจิ้งซูอวี้รำพึงเบา ๆ “แต่เขาพูดถูก การแต่งงานจะเป็นเรื่องเด็กเล่นไปได้อย่างไร? เขาไม่ใช่ข้า ไฉนต้องสละตนมาช่วยข้าจากความทุกข์ทนด้วย? ข้าบอกไปแล้วว่าเป็นการแต่งปลอม ๆ เพียงในนามเท่านั้น แต่เขาก็ไม่เห็นด้วย”
“แล้วทำอย่างไรดีเจ้าคะ วันแต่งงานใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ฮูหยินเฒ่าอยากให้คุณหนูแต่งงานออกเรือนไป จะได้ส่งต่อทุกสิ่งในสกุลเจิ้งให้คุณหนูใหญ่” ชิวซวงกล่าว
“ชิวซวง ข้าตัดสินใจแล้ว” เจิ้งซูอวี้กล่าว “ข้าไม่แต่งกับคนแซ่เฉียนนั่น ไม่เช่นนั้นข้าคงจะเป็นหลี่หงซูคนที่สอง ข้าไม่อยากดูซังกะตายไร้วิญญาณเช่นนาง”
กล่าวถึงโจโฉ โจโฉก็มา ณ จุดที่เจิ้งซูอวี้นั่งอยู่บังเอิญเห็นภาพยามหลี่หงซูออกมาจากหอจูเป่าพอดี
หลี่หงซูสวมอาภรณ์สีแดงกุหลาบ รวบผมเป็นมวยเช่นหญิงออกเรือน การแต่งกายดูจืดชืดเชยไปหน่อย ความงามอ่อนเยาว์ในกาลก่อนหายไปหมดสิ้น
ดูสิ การแต่งงานอันน่าเศร้าคือใบมีดคมกรีดแทงสตรีดี ๆ หนึ่งคนเช่นนี้
มู่ซืออวี่กำลังซื้อขนมจากแผงลอยบนถนน หันมาก็เห็นลู่เซวียนเดินใจลอยมาพอดี
“ฉาวอวี่ เจ้าคิดว่าอาของเจ้าถูกชิงวิญญาณไปแล้วหรือไม่?”
ลู่ฉาวอวี่เดินไปหาลู่เซวียนแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย “ท่านอา…”
ลู่เซวียนได้สติคืนมา “หือ ฉาวอวี่ ไฉนเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้?”
“เรามาซื้อของกัน” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “วันนี้ท่านพักหรือ?”