สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 267 เหตุฉาวโฉ่สกุลเฉียน
บทที่ 267 เหตุฉาวโฉ่สกุลเฉียน
บทที่ 267 เหตุฉาวโฉ่สกุลเฉียน
มู่ซืออวี่ถามว่าวิธีใด
เจิ้งซูอวี้เพียงแย้มยิ้ม ไม่ได้กล่าวอะไร
“ข้าห่วงท่านนั่นแหละ ท่านเล่าเรื่องให้คนใจหายใจคว่ำเก่งนัก”
“นี่เป็นเรื่องยุ่งยากของข้า จะมาให้ท่านกังวลได้อย่างไร? แค่ดูเฉย ๆ ก็พอแล้วล่ะ”
“ฟังดูแล้วคงมีละครฉากใหญ่เกิดขึ้น?”
“มีสิ สกุลเจิ้งทนข้าไม่ได้ บิดาข้าไม่อาจปกป้อง ที่นั่นไร้ที่พักพิงแก่ข้า แล้วจะทนอยู่ไปเพื่อการใดอีก? ก่อนหน้านี้ข้ายังเห็นแก่สายสัมพันธ์ครอบครัว ไม่สามารถตัดสัมพันธ์สายเลือดได้ แต่ยามนี้ข้าไม่สนแล้ว”
คนสกุลเจิ้งไม่เห็นหัวนาง แล้วไฉนนางต้องอาทรพวกเขา?
ผลของงานที่นางตรากตรำสร้างมา ท้ายที่สุดก็ตกไปอยู่ในมือของเจิ้งซินเยว่ ไม่ได้สนใจการดิ้นรนหลายต่อหลายปีของนางเลย
นางต้องจบลงด้วยการคว้าน้ำเหลว
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็พอกันที
เฉียนจงอวิ๋นดื่มสุรากับสหายเลวทั้งหลาย โอบมือรอบเอวสาวน้อยขณะพูดถึงเรื่องใหม่ ๆ ซึ่งเกิดในเมือง ณ ช่วงนี้
“พี่ฉู่ วันไหนใต้เท้าโจวรับตำแหน่ง วันเวลาดี ๆ ของลู่อี้คงจะจบสิ้นทันที แม้ก่อนหน้านี้ลู่อี้จะเป็นจู่ปู้ แต่ยามนี้แตกต่างออกไปแล้ว รอจนตอนที่รักษาตำแหน่งจู่ปู้ไว้ไม่ได้ รอดูเถิด คงทนอยู่ได้อีกไม่นานหรอก”
“ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าโจวรับตำแหน่งพร้อมคนสนิทสองคน นายเปลี่ยนบ่าวก็แปร แน่นอนว่าเมื่อเปลี่ยนตำแหน่งนาย ผู้ใต้บังคับบัญชาก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน”
ฟางโจวอวี่ยิ้มบาง ๆ ขณะจิบสุรา ไม่ได้ตอบอะไรใคร
ทุกคนรู้ว่าเขาไม่กินเส้นกับลู่อี้ ทว่าครั้งนี้เขาเงียบไปราวกับไม่สนใจเรื่องนี้
“จะว่าไป ช่วงนี้พี่ถังยุ่งเรื่องใดอยู่? ไฉนไม่เห็นเขาเสียนานเลย?” มีคนผู้หนึ่งถามขึ้น
เมื่อพูดถึงถังหมิงฉง ดวงตาของเฉียนจงอวิ๋นก็วาบประกายดูถูกขึ้นมา “ใครจะรู้ว่าเขาไปทำเรื่องบ้าอะไร?”
“นายน้อย” ผู้ติดตามของเฉียนจงอวิ๋นวิ่งเข้ามา “รีบกลับไปเถิด! มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว”
“เกิดอะไรอีกเล่า?” เฉียนจงอวิ๋นกำลังเมาและหงุดหงิดเล็กน้อยยามได้ยินผู้ติดตามกล่าวเช่นนี้
“ท่านกลับไปก่อนเถิด!” ผู้ติดตามไม่กล้าพูด
ฟางโจวอวี่จึงเกลี้ยกล่อมว่า “กลับไปดูก่อนเถิด แล้วนัดกันใหม่พรุ่งนี้”
“ก็ได้ งั้นข้าขอตัวก่อน”
ผู้ติดตามช่วยพยุงเฉียนจงอวิ๋นออกไป
ทันทีที่เข้าไปในรถม้า ผู้ติดตามก็กล่าวขึ้นว่า “อนุภรรยาคนที่สามตั้งครรภ์ขอรับ”
“ท้องก็ท้องสิ จะแปลกอะไรนักหนา” เฉียนจงอวิ๋นกล่าวอย่างไม่คิดสนใจ
“นายท่านไม่ได้เยือนห้องอนุภรรยาคนนี้เกือบปีแล้ว ท่านคิดว่าลูกในท้องของนางจะเป็นของผู้ใด?”
ผู้ติดตามกำลังร้อนใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูไม่สนใจ เขาก็เคลือบแคลงว่าชะรอยคงถึงเวลาที่ต้องหานายใหม่เสียแล้ว
เฉียนจงอวิ๋นตกใจจนสร่างเมา
“นางไม่ได้พูดเพ้อเจ้ออะไรใช่หรือไม่?”
“ผู้น้อยไม่ได้กล่าวอะไรขณะออกมาหาท่าน จึงไม่ทราบว่าสถานการณ์เป็นเช่นไรขอรับ”
“แล้วเจ้าไม่รู้จักส่งผู้อื่นมาหาข้าหรือ? เจ้าควรอยู่คุมนังนั่นในบ้าน”
ไม่นานนัก เหตุฉาวโฉ่ของสกุลเฉียนก็แพร่ออกมา
เฉียนจงอวิ๋นถูกเจ้าบ้านเฒ่าเฉียนทุบตีปางตาย
มู่ซืออวี่ให้ความสนใจสถานการณ์เกี่ยวกับเจิ้งซูอวี้ตลอด และเมื่อได้ยินว่าเกิดเหตุขึ้นในสกุลเฉียน นางก็ส่งคนไปถามไถ่ถึงปฏิกิริยาของสกุลเจิ้ง
“เถ้าแก่เนี้ย ท่านไม่ทราบหรอกว่าสกุลเจิ้งพิลึกเพียงไร สกุลเฉียนเกิดเหตุฉาวโฉ่เน่าเหม็นเพียงนี้ หากเป็นคนอื่นคงตัดสัมพันธ์ไปแล้ว คุณหนูรองเจิ้งโวยวายจะขอยกเลิกการหมั้นหมายแต่งงาน แต่ฮูหยินเฒ่าสกุลเจิ้งไม่เห็นควร ส่งคนไปโบยคุณหนูรองเจิ้งยี่สิบไม้ ซ้ำยังกล่าวว่าการหมั้นหมายตกลงกันแล้ว คุณหนูรองเจิ้งไม่ยอม จึงเชิญเจ้าบ้านสกุลเจิ้งมาแล้วก่อเรื่องใหญ่ ขอตัดสัมพันธ์ตนเองจากสกุลเจิ้ง”
“เจ้าบ้านสกุลเจิ้งตกลงหรือไม่?”
“สกุลเฉียนสร้างเรื่องฉาวโฉ่ นายน้อยเฉียนลอบคบชู้กับแม่เลี้ยงตัวเอง ซ้ำยังบังเกิดหน่อเนื้อแห่งบาป บ้านคนอื่นทั่วไปคงรับเรื่องอุบาทว์เช่นนี้ไม่ได้แน่ คุณหนูรองเจิ้งเป็นสตรี ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องแต่งงาน ดังนั้นไม่ว่านางจะแยกบ้านไปหรือไม่ก็ไร้ประโยชน์ ฮูหยินเฒ่าเจิ้งโวยวายใหญ่โต คุณหนูรองเจิ้งก็ไม่ยอมรอมชอม ภายหลัง ข้าไม่ทราบว่าคุณหนูรองเจิ้งกล่าวอะไร แต่นั่นน่าจะไปจี้จุดตายของพวกเขาเข้า นางจึงบีบพวกเขาให้ตกลงตามความต้องการของนางได้”
“ปรากฏว่าตัดสัมพันธ์กันได้แล้วหรือ?”
“ตัดได้แล้ว แต่คุณหนูรองเจิ้งก็นำสิ่งใดติดตัวไปไม่ได้เลยเช่นกัน แม้แต่อาภรณ์สักชิ้นก็ไม่ให้ เรือนพักหลังน้อยที่นางเคยอาศัย ยามนี้สกุลเจิ้งก็ยึดไป แม่เฒ่าบอกว่ามันถูกซื้อด้วยเงินสกุลเจิ้ง ต้องริบคืน”
“ไม่เป็นไรหรอก ทรัพย์สูงสุดของซูอวี้คือตัวนางเอง ขอเพียงนางหนีจากครอบครัวเช่นนี้ได้ เรื่องอื่นก็ไม่มีความหมาย” มู่ซืออวี่กล่าว “แต่ว่า… หนึ่งสตรีจากครอบครัว เส้นทางที่นางต้องเดินในภายหน้าจะเต็มไปด้วยขวากหนามเกินเลี่ยงแน่แท้ ข้าหวังว่านางจะไม่เสียใจที่ตัดสินใจไปในวันนี้ จะว่าไปแล้ว ยามนี้นางอยู่ที่ใด?”
“สาวใช้ผู้นั้นของนางภักดี ส่งนางเข้าโรงเตี๊ยมขอท่านหมอที่รักษานาง บิดานางไม่สนใจแผลด้วยซ้ำ ยังจะพยายามบีบบังคับให้นางกลับมา”
มู่ซืออวี่พาเฟิงเจิงผู้จัดเจนการข่าวไปยังโรงเตี๊ยม
“ฮูหยินลู่ ยามนี้มีเพียงท่านที่ยังเป็นห่วงความเป็นความตายของคุณหนูเรา” เมื่อเห็นนางมาหา ชิวซวงก็กล่าวอย่างตื่นเต้น “ผู้น้อยต้องกลับจวนสกุลเจิ้ง ขอรบกวนท่านให้ดูแลคุณหนูได้หรือไม่?”
“เจ้าจะกลับจวนสกุลเจิ้งหรือ?”
“ผู้น้อยเป็นบริวารของสกุลเจิ้ง คุณหนูตัดสัมพันธ์กับตระกูล ผู้น้อยก็ไม่อาจติดตามนางต่อเจ้าค่ะ” ชิวซวงมองเจิ้งซูอวี้ที่อยู่บนเตียงอย่างไม่เต็มใจจาก “ผู้น้อยเดิมทีเป็นเพียงสาวใช้ชั้นสาม ทำงานจิปาถะ และเมื่อสองสามปีก่อน คุณหนูรองบังเอิญพบเข้าว่าผู้น้อยแอบฟังนายหญิงสอนหนังสือ นางจึงเปลี่ยนข้าเป็นหัวหน้าสาวใช้ ให้ข้าติดตามนางไปเรียนหนังสือ หลังจากนั้น นางก็พาผู้น้อยไปทำธุรกิจด้วยกัน ผู้น้อยจึงได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากมาย”
“ผู้น้อยเองก็อยากติดตามคุณหนูรองไปชั่วชีวิต แต่สัญญาทาสของข้าอยู่ในมือฮูหยินเฒ่า ข้าจึงไม่อาจไปไหนได้”
“กลับไปทนสักสองสามวันเถิด หลังจากนั้นข้าจะจัดแจงคนไปไถ่เจ้าออกมา” มู่ซืออวี่กล่าว
“จะ…” ชิวซวงประหลาดใจระคนยินดี “จริงหรือเจ้าคะ?”
“พวกเจ้าทั้งนายบ่าวช่วยข้าไว้เยอะ ในเมื่อยามนี้ข้าช่วยพวกเจ้าได้ ก็ให้ข้าจัดการเถอะ!” มู่ซืออวี่กล่าว “แต่ช่วงนี้เจ้าต้องทำตัวตามปกติ อย่าเปิดเผยเรื่องที่จะมีคนมาไถ่เจ้านะ เพราะเจ้าเป็นคนสนิทของซูอวี้ แม้สกุลเจิ้งไม่อาจตามรบกวนนาง แต่พวกเขารังแกเจ้าได้แน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะหาคนเฒ่าอัปลักษณ์มาไถ่เจ้า พวกเขาน่าจะเห็นด้วย”
เมื่อชิวซวงจากไป มู่ซืออวี่ก็ให้ศิษย์ทั้งสองอุ้มเจิ้งซูอวี้ขึ้นรถม้า พานางไปดูแลที่เรือนสกุลลู่ ที่นี่คือโรงเตี๊ยม ไม่สะดวกจะอยู่ดูแลที่นี่ ซ้ำยังเปลืองเงินอีกด้วย
…
“ฮูหยินยังต้องการสืบเรื่องต่อหรือไม่?”
ในรถม้า ชิงไต้ก็ได้ถามหลี่หงซูขึ้นมา
หลี่หงซูส่ายหน้า “นางเป็นคนดีมีคุณธรรม ไม่เสียทีที่ซูอวี้ช่วยนางในกาลก่อน สกุลลู่น่ะดีแล้ว เราไม่ต้องเป็นห่วงอีก”
“ในเมื่อเรื่องของคุณหนูเจิ้งที่นี่หมดห่วงแล้ว ฮูหยินจะไปซื้อขนมฝูหรงก่อนกลับบ้านไหมเจ้าคะ? นายท่านชอบทานนะเจ้าคะ”
หลี่หงซูหันมองชิงไต้ด้วยสายตาเย็นชา “เขาชอบทาน? เจ้าเคยเห็นผู้ชายโต ๆ ชอบกินขนมฝูหรงยามใด? เห็นกันชัด ๆ ว่าผู้ชอบกินคือนังแพศยาเจิ้งซินเยว่นั่นต่างหาก”
สีหน้าของชิงไต้ซีดขาว “ผู้น้อยผิดไปแล้ว ฮูหยินได้โปรดให้อภัย”
[1] ขนมฝูหรง คือ ขนมดอกพุดตาน ทำจากแป้ง คล้ายขนมถ้วยฟู