สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 27 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง
บทที่ 27 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง
บทที่ 27 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง
หลังจากได้หนังสือหย่าแล้ว มู่ต้าซานก็ประทับลายนิ้วมือลงไป
หนังสือหย่าและตัดความสัมพันธ์มีผลทันที นับตั้งแต่นี้ มู่เจิ้งหาน มู่ซืออวี่ และถงซื่อ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับครอบครัวตระกูลมู่อีก
เรื่องบันเทิงประจำวันก็จบลงเท่านี้
ลู่อี้ก้าวเข้ามาท่ามกลางฝูงชน ช่วยแบกร่างผอมบางของถงซื่อเอาไว้บนหลังแกร่ง
ท่านหมอจูเดาะลิ้น ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า “แม้แต่สัตว์เดียรัจฉานยังรู้จักที่จะปกป้องลูกของมัน แต่พ่อของหานเอ๋อร์ แม้แต่สัตว์ก็ยังเทียบไม่ได้เลย”
หัวหน้าหมู่บ้านเองก็มองครอบครัวตระกูลมู่ด้วยสายตาผิดหวัง “พวกเจ้านี่มันเหลือทนจริง ๆ”
มู่ซืออวี่พูดกับน้องชายว่า “เจ้ามีของที่ต้องเก็บหรือไม่?”
ยังไม่ทันที่มู่เจิ้งหานจะตอบ แม่เฒ่าเจียงก็เอ่ยขึ้นก่อน “ในเมื่อไม่ใช่คนบ้านนี้แล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้ทั้งนั้น”
มู่เจิ้งหานพูดอย่างเย็นชาและไม่แยแส “ข้าไม่สนอยู่แล้ว”
มู่ซืออวี่จึงพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”
มู่ต้าซานมองดูลูก ๆ เดินออกจากลานบ้านไปด้วยความลังเลใจ
นี่เขาทำถูกแล้วใช่หรือไม่?
เหตุใดหัวใจถึงได้รู้สึกว่างเปล่าเช่นนี้กัน…
แม่เฒ่าเจียงไม่วายตะโกนสาปส่งไล่หลัง “ในที่สุดเราก็กำจัดคนเลวออกจากบ้านไปได้เสียที! เจ้าลูกชายรอง เจ้าไม่ต้องห่วง แม่จะหาภรรยาที่ทั้งสาวทั้งสวยคนใหม่มาให้เจ้าแต่งด้วยแน่นอน”
ถังซื่อแค่นยิ้มอย่างเหยียดหยาม สาวสวยงั้นหรือ ต้องโง่เหมือนเขาด้วยหรือเปล่า ฝันเกินไปเสียหน่อยล่ะ ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนจะอยากแต่งงานกับคนเช่นนี้
หลังออกจากบ้านตระกูลมู่ มู่ซืออวี่ก็หันไปกล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้าน “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ต้องขอบคุณท่านที่ช่วยข้า”
หัวหน้าหมู่บ้านพรูลมหายใจ “ข้าไม่รู้ว่านี่มันถูกหรือผิดกันแน่ที่ทุกอย่างออกมาเป็นแบบนี้ แม่หนูอวี่ เจ้าเปลี่ยนไปมาก ข้ารู้สึกได้ว่าเจ้าเป็นห่วงแม่อย่างจริงใจ แต่ถ้าแม่ของเจ้าตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เล่า นางทนทำงานหนักมาตลอดหลายปีโดยไม่บ่นสักคำ ตอนนี้นางยังไม่ได้สติ เจ้าร่วมมือกับท่านหมอบังคับให้คนในบ้านยอมหย่าแบบนี้ นางตื่นขึ้นมาแล้วจะอยากกลับไปหรือเปล่า”
ท่านหมอจูเอ่ยขึ้นจากด้านข้าง “ถ้าแม่หานเอ๋อร์อยากจะกลับไปทั้งอย่างนี้ก็สุดจะช่วยเหลือแล้ว หากนางยังต้องการจะไปพบเจอกับความเจ็บปวดทั้งที่มีลูก ๆ คอยห่วงใยเช่นนี้อยู่ หรือเกิดตำหนิแม่นางซืออวี่ขึ้นมา ผู้หญิงโง่เขลาเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องได้รับความเห็นใจหรอก”
ลู่อี้พูดขึ้นว่า “ท่านหมอจู ข้าจะพาแม่ยายกลับไปที่บ้านก่อน ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้นางด้วย ค่ารักษานั้นให้ลงบัญชีเป็นชื่อข้าได้เลย ข้าสัญญาว่าจะรีบหาเงินมาจ่ายคืนท่านในหนึ่งปี”
“เจ้าเด็กโง่” หมอจูกลอกตา “เจ้าเห็นข้าเป็นคนหน้าเลือดถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มันเป็นแผนของภรรยาหัวหมอของเจ้าต่างหาก นางบอกให้ข้าพูดแบบนี้เพราะจะได้ช่วยแม่กับน้องชายออกมาจากบ้านนั้น วิธีนี้จึงจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคนตระกูลมู่ เอาล่ะ เดี๋ยวข้าจะรีบจ่ายยาให้นาง ไม่ต้องห่วงนะ”
มู่เจิ้งหานเป็นเด็กที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าเด็กทั่วไป เพียงได้ฟังคำพูดเหล่านั้นก็ได้คำตอบของความสงสัยทันที
ก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดหัวหน้าหมู่บ้านถึงได้ยอมให้แม่ของเขาหย่ากับพ่อของเขาอย่างง่ายดาย และคาดคั้นให้ตระกูลมู่ชดใช้เงินกับแม่ของตน สรุปว่าทุกอย่างถูกวางแผนมาอย่างดีโดยพี่สาวคนเก่งของเขานั่นเอง
มู่ซืออวี่คงจัดฉากเพื่อกดดันคนในบ้านให้ปล่อยตัวแม่และเขาออกมา พวกเขาจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในบ้านหลังนั้นอีกต่อไป
ลู่อี้กลับไปยังบ้านตระกูลลู่โดยมีถงซื่ออยู่บนหลัง มู่ซืออวี่และหัวหน้าหมู่บ้านสนทนากันอย่างออกรสมาตลอดทาง หัวหน้าหมู่บ้านยิ้มและหัวเราะกับนางไม่หยุด เขาแทบจะลืมเวลาไปเลยเมื่อเจอคนชวนคุยเก่งเช่นนี้
ผู้อาวุโสไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแม่นางน้อยผู้นี้จะเป็นคนฉลาดพูด นั่นเป็นเพราะเขาไม่เคยได้พูดคุยกับนางมาก่อน หรือเพราะว่านางโตขึ้นมากจากการแต่งงานเข้าบ้านตระกูลลู่ จึงได้เริ่มรู้จักผิดชอบชั่วดีขึ้นมา
“นี่เจ้าอยู่ข้างหลังข้าหรือเนี่ย” มู่ซืออวี่ตระหนักขึ้นได้ว่ามู่เจิ้งหานน้องชายของนางเดินตามมาด้วยหลังจากที่แยกกับหัวหน้าหมู่บ้าน “เหตุใดไม่ให้ซุ่มให้เสียง ข้าตกใจหมด”
“ท่านตัดสินใจเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” มู่เจิ้งหานถามเสียงเรียบ
“ตัดสินใจเรื่องอะไร ตัดความสัมพันธ์กับตระกูลมู่อย่างนั้นหรือ ข้าเริ่มคิดตั้งแต่รู้ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นแล้ว หลังจากรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นมาอย่างไร ก็ขอให้ฉาวอวี่ไปเชิญท่านหมอมา ขอร้องให้เขาช่วยกดดันพวกนั้นด้วยเงิน ท่านหมอทั้งฉลาดและใจดี จึงร่วมมือกับข้าตามแผน ส่วนท่านหัวหน้าหมู่บ้าน พี่เขยของเจ้าเป็นคนไปเชิญมา”
“ไม่ว่าท่านหมอหรือหัวหน้าหมู่บ้าน พวกเขาต่างอยู่ในแผนการของข้าเพื่อช่วยแม่กับเจ้าออกมา เจ้าไม่ต้องติดใจกับเรื่องนี้อีกแล้ว จริง ๆ แล้วมันเป็นธรรมดาที่คนเห็นแก่ตัวอย่างพวกเขาจะตัดสินใจเช่นนี้ พวกเขาไม่มีทางยอมเสียอะไรเพื่อท่านแม่หรอก ตอนแรกข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะยอมให้เจ้ามากับเราด้วยซ้ำ ข้าเพียงคิดว่าต้องช่วยท่านแม่ออกมาก่อน น้องชาย เจ้าเด็ดเดี่ยวกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก เจ้าเป็นเด็กเข้มแข็งและมีความคิด ย่อมต้องเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมากในอนาคต” มู่ซืออวี่ตบไหล่น้องชายอย่างอบอุ่น “มาอยู่กับข้า พี่สาวคนนี้จะดูแลเจ้าอย่างดี”
หัวใจของมู่เจิ้งหานพลันสั่นสะท้านกับคำพูดนี้
ถึงจะเป็นพี่น้องกัน แต่เขาก็คิดอยู่เสมอว่ามู่ซืออวี่ที่เขารู้จักมาตลอดก็เห็นแก่ตัวไม่ต่างอะไรจากคนตระกูลมู่
นี่นางเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ หรือ?
หรือนี่เป็นเพียงละครตบตา
“เจ้ายังเด็กอยู่เลย เหตุใดต้องคอยหมกมุ่นอยู่กับเรื่องแย่ ๆ เหล่านี้ด้วยนะ” มู่ซืออวี่ย่อตัวลงตรงหน้าน้องชาย ลูบหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นของเขา “แม้ว่าในตอนแรกข้าจะไม่ได้วางแผนจะพาเจ้ามากับเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าคิดจะทิ้งให้เจ้าอยู่ในบ้านหลังนั้นหรอกนะ เพียงแค่เรื่องนี้เกิดขึ้นกับท่านแม่ ข้าเลยคิดจะฉวยโอกาสนี้พาท่านแม่ออกมาก่อน จากนั้นก็จะหาทางช่วยเจ้าออกมาภายหลัง แต่เจ้ากลับหาทางหนีทีไล่จากสถานการณ์แบบนี้ได้ แสดงว่าเจ้ากับข้าก็รู้ใจกันดี จริงหรือไม่?”
“ข้าจะอยู่กับท่านได้จริง ๆ หรือ?” มู่เจิ้งหานจ้องหน้าพี่สาว
“ได้สิ”
“ท่านจะไม่ทอดทิ้งเราใช่หรือไม่?”
“ไม่มีทาง”
ดวงตาของเด็กชายพลันแดงก่ำ
“ตอนนี้ท่านปกป้องข้า หลังจากนี้ข้าจะปกป้องท่านเอง”
“ฮ่า ๆ” มู่ซืออวี่ลูบหัวของเขา “เช่นนั้นข้าก็จะปกป้องเจ้าด้วย”
ระหว่างทางกลับไปยังบ้านตระกูลลู่ มู่เจิ้งหานยังกังวลว่าคนที่บ้านพี่สาวจะรังเกียจเขาหรือไม่ เพราะอย่างไรบ้านตระกูลลู่ก็ยากจนมาก และตอนนี้ต้องมีภาระเพิ่มมาอีกสองปากท้อง
แต่เมื่อเด็กชายตามพี่สาวไปถึงบ้าน ลู่จื่ออวิ๋นก็มาชวนให้เขาไปเลี้ยงลูกเจี๊ยบด้วยกัน พวกมันน่ารักมาก ๆ และมู่เจิ้งหานก็รู้สึกเคอะเขินที่ถูกนางเรียกว่าท่านน้าเล็ก
“เหตุใดลูกสาวข้าน่ารักขนาดนี้ได้” มู่ซืออวี่มองลู่จื่ออวิ๋นแล้วตอบน้องชาย “นั่นก็เพราะว่ามีข้าเป็นแม่ยังไงล่ะ”
ลู่เซวียนได้ยินเข้าก็หมดคำจะพูด “…”
ช่างน่าไม่อายอะไรอย่างนี้
รูปร่างหน้าตาราวกับผีของนางน่ะหรือ เสี่ยวอวิ๋นน่ารักเช่นนี้เพราะนางเหมือนพ่อต่างหากเล่า
แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย แต่ก็ทราบเรื่องราวอย่างละเอียดจากการพูดคุยกันของท่านหมอและพี่ชาย ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องชมว่านางฉลาดไม่เบาเลยทีเดียว
มู่ซืออวี่เข้าไปในบ้าน นางเห็นท่านหมอจูกำลังต้มยาจึงถามขึ้นว่า “ท่านหมอจู แม่ข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เจ้ามาพอดีเลย ยาใกล้จะเสร็จแล้ว เจ้าต้องช่วยนางทายาที่แผล” ท่านหมอกล่าว “นี่สำหรับทาแผล แล้วก็ยังมียากิน แต่ตอนนี้ข้ายังมียามาไม่พอ พรุ่งนี้จะกลับไปเอามาเพิ่มให้อีก ถ้าให้ยาตามนี้ นางจะลุกจากเตียงได้ในอีกประมาณครึ่งเดือน”
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะท่านหมอ” มู่ซืออวี่กล่าวขอบคุณ “ข้าจะหาทางใช้หนี้ให้ท่านเร็วที่สุด”
“เจ้ากับสามีใจตรงกันเสียเหลือเกิน เขาบอกข้าแบบนี้มาสองสามครั้งได้แล้ว ข้าเบื่อจะฟังเต็มที จะบอกอีกครั้งว่าไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ดูแลแม่เจ้าให้ดีเสียก่อน” ท่านหมอพูดต่อไปว่า “ตอนนี้ข้าร่วมมือกับเจ้า ถึงได้กลายเป็นคนใจดำคนหนึ่งไปแล้ว ป่านนี้ชาวบ้านคงเข้าใจว่าข้าเป็นหมอหน้าเลือด สนใจเพียงเรื่องเงินทอง ไม่เป็นห่วงคนป่วย”
“ไม่จริงเสียหน่อย ท่านใจดีขนาดนี้จะเป็นหมอหน้าเลือดได้อย่างไร” มู่ซืออวี่ตอบด้วยรอยยิ้ม