สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 275 กลับบ้านแล้ว
บทที่ 275 กลับบ้านแล้ว
บทที่ 275 กลับบ้านแล้ว
ก่อนที่จะออกจากบ้านเหวิน มู่ซืออวี่จัดการทำความสะอาดสถานที่ให้เรียบร้อย จากนั้นจึงกล่าวขอบคุณเหวินอวี่เซวียนซ้ำแล้วซ้ำอีก นางขอลาหยุดให้ลู่ฉาวอวี่ ตั้งใจว่าจะพาเขากลับไปพักฟื้นที่หมู่บ้านก่อนจะกลับมายังสำนักศึกษา
ลู่ฉาวอวี่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ ขณะที่เด็กคนอื่น ๆ ใช้เวลาเรียนสิบวันถึงครึ่งเดือน เขากลับสามารถเรียนรู้ได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน ถึงแม้จะลาหยุดยาวก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเขามากนัก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าที่บ้านของเขายังมีผู้ใหญ่หลายคนที่เป็นบัณฑิตมีความรู้ สามารถสอนเขาได้
ทุกคนในครอบครัวลู่กลับไปยังหมู่บ้านอย่างเอิกเกริก
“แม่ฉาวอวี่ พวกเจ้าไปร่ำรวยอยู่ที่ใด เหตุใดจึงไม่กลับมาเสียนาน?” หญิงสาวคนหนึ่งในหมู่บ้านทักทายมู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่จับมือของลู่ฉาวอวี่ไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งจับมือของลู่จื่ออวิ๋น นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ที่ร้านมีหลายเรื่องน่ะ หมู่นี้ข้าอาศัยอยู่ในเมืองตลอด”
“ข้าล่ะอิจฉากพวกเจ้าจริง ๆ ในเมืองมีบ้านหลังหนึ่ง ที่บ้านนอกก็มีบ้านอีกหลังหนึ่ง อยากจะไปอยู่ที่ใดก็ไปอยู่ที่นั่น ไม่เหมือนพวกเราที่ยังอยู่ในกระท่อมมุงจากโกโรโกโส”
มู่ซืออวี่ยิ้มออกมา “กิจการร้านค้าในหมู่บ้านหาเงินได้ไม่น้อยกระมัง? พวกท่านเพียงถ่อมตัว ไม่เผยความมั่งคั่งออกมาเท่านั้นเอง ข้าเข้าใจ”
“อุแว้ อุแว้” เสียงเด็กร้องไห้ดังขึ้นมา
มู่ซืออวี่มองตามเสียงร้องไห้นั้นไป เห็นแค่เพียงมู่ซือเจียวอุ้มทารกคนหนึ่งเอาไว้ สะพายตะกร้าสานใบหนึ่งไว้บนหลัง เดินกระเตงลงมาจากภูเขาด้วยสภาพรุงรัง
“เจ้ายังไม่รู้ว่าเจียวเอ๋อร์กลับมาแล้วกระมัง พวกข้าจะเล่าให้ฟัง เจียวเจียวเอ๋อร์คลอดลูกสาวออกมาคนหนึ่ง แต่ตระกูลหวังไม่ต้องการ ไล่สองแม่ลูกออกมา ตอนนี้เจียวเอ๋อร์ต้องพาเด็กทารกลงไปทำงานในไร่ในสวนทุกวัน”
“ข้าไม่ค่อยสนใจเรื่องของผู้อื่น” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ “ท่านน้า พวกเราต้องกลับไปเก็บกวาดบ้านแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
บ้านของถงซื่อให้ครอบครัวของหูซื่อเช่าแล้ว ตอนนี้ถงซื่อจึงพักอาศัยอยู่กับมู่ซืออวี่ บ้านที่เดิมทีอันอี้หางอยู่ เซี่ยคุนส่งคนไปปัดกวาดแล้ว จากนั้นอันอวี้กับเซี่ยคุนจึงย้ายเข้าไปอยู่
“พี่สาว” หวงอันหนิงหอบฟืนเข้ามากองหนึ่ง “ข้าเอาฟืนมาให้พวกท่าน”
“เจ้าเด็กโง่คนนี้ บ้านพวกเรามีบุรุษร่างกายแข็งแรงหลายคน เหตุใดแม่นางน้อยต้องผ่าฟืนมาให้ด้วย?” มู่ซืออวี่รับของลงจากหลังของหวงอันหนิง “ครั้งนี้ก็ให้แล้วไป ครั้งหน้าไม่ต้องมาส่งแล้ว”
“ข้าผ่าไว้ตั้งมากมาย ใช้ไม่หมดหรอก พี่สาวเพิ่งกลับมาบ้านไม่ใช่หรือ? พวกท่านยังต้องเก็บกวาดอีกมาก ข้าช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านี้ก็ดีใจแล้ว”
“อันหนิง เข้ามาดื่มน้ำสิ” ถงซื่อเดินออกมาพร้อมกับน้ำอุ่น
“ขอบคุณท่านป้า” หวงอันหนิงยิ้มออกมา
“ข้าเห็นเจ้ามีสีหน้าไม่เลว ดูเหมือนว่าใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จะสบายดี” มู่ซืออวี่กล่าว “หากเจ้ามีเรื่องอะไรให้ข้าช่วย ก็ให้มาหาข้า ไม่ต้องเกรงใจล่ะ”
“อื้ม” หวงอันหนิงมองมู่เจิ้งหานด้วยความสงสัย
จะกล่าวไปแล้วหวงอันหนิงอายุมากกว่ามู่เจิ้งหานสามปี แต่กลับดูเด็กกว่ามู่เจิ้งหาน
“ท่านพี่” มู่เจิ้งหานเห็นหวงอันหนิงมองเขาขึ้น ๆ ลง ๆ จึงมองนางอย่างสงสัย “มีอะไรหรือ?”
“ไม่มี…” หวงอันหนิงเอ่ยด้วยความเขินอาย “ท่านแม่ข้าบอกว่าญาติผู้น้องยอดเยี่ยมมาก ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน แค่อยากรู้น่ะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เจิ้งหานได้ยินผู้อื่นเอ่ยว่าเขา ‘ยอดเยี่ยม’
เนิ่นนานมาแล้วที่คำว่า ‘ยอดเยี่ยม’ ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เกี่ยวเพียงแค่พี่เขยและหลานชายของตน
…
มู่ซือเจียววางลูกลงบนเตียง จากนั้นจึงวางตะกล้าลง
ลูกยังคงร้องไห้โยเย นางอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ได้แต่มองลูกที่กำลังร้องไห้ด้วยสายตาเกลียดชัง
“พอแล้วหรือยัง?” มู่ตงหยวนเดินกะเผลกเข้ามาในห้องของนาง “ถ้าเจ้ายังไม่บอกให้นางหุบปาก ข้าจะโยนนางออกไป”
มู่ซือเจียวเอ่ยอย่างโมโหร้าย “เช่นนั้นท่านก็โยนออกไปซะสิ! ถ้าท่านมีความสามารถก็โยนออกไปเลย! นี่เป็นคนตัวเป็น ๆ มีเลือดมีเนื้อ หากท่านกล้าทำอะไรกับนาง ข้าจะไปแจ้งทางการให้สังหารท่านชดใช้ชีวิต”
“พอแล้ว พวกเจ้าเถียงอะไรกัน?” แม่เฒ่าเจียงกลับมาจากข้างนอก “ของขาดทุนใหญ่คลอดของขาดทุนเล็กออกมา โต้เถียงกับนางแล้วมีประโยชน์อะไรกัน? รีบเข้ามาช่วยข้าย้ายของ ข้าเหนื่อยเจียนตายแล้ว”
มู่ซือเจียวได้ยินว่ามีของก็สาวเท้ายาว ๆ ออกมาทันที ไม่แม้แต่จะสนใจลูกที่ร้องไห้โยเยอยู่ตรงนั้น
ตอนนี้บ้านหลังใหญ่มาก ทุกคนล้วนมีคนละห้อง
แม่เฒ่าเจียงไปซื้อของกลับมาบ่อยครั้ง ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเงินเหล่านั้นมาจากที่ใด
สำหรับคนครอบครัวมู่ ไม่ว่าแม่เฒ่าเจียงจะได้เงินมาอย่างไร ตราบใดที่ทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ถึงแม้จะขโมยมาก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ตนที่ขโมย
“ท่านย่า…” มู่ซือเจียวมองผ้าพับที่สวยงามเหล่านั้น ดวงตาของนางแดงเรื่อขึ้นมาทันที “นิวนิวยังไม่มีเสื้อผ้าเลย ขอผ้ามาตัดเสื้อให้นิวนิวสักผืนได้หรือไม่?”
“เจ้าฝันหวานอะไรอยู่?” แม่เฒ่าเจียงเอ่ยด้วยความรังเกียจ “ไม่ต้องเอ่ยถึงเนื้อผ้าที่ดีเช่นนี้ แม้แต่ผ้าเนื้อหยาบก็เอาไปทำเสื้อให้นางไม่ได้ เจ้าเอาเสื้อผ้าเก่าของเราไปเย็บผ้าสักผืนห่อนางก็พอแล้ว”
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่มู่ซือเจียวจะทำเสื้อผ้าให้ทารกที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบได้สวมใส่ นางแค่อยากได้ผ้าสักผืนไปทำเสื้อผ้าให้ตัวเอง ส่วนลูกเป็นเพียงข้ออ้าง
เป็นอย่างที่นางคิด แม่เฒ่าเจียงไม่ยินยอม
“โอ้โฮ ท่านแม่ ท่านซื้อของดี ๆ กลับมามากมายก่ายกองอีกแล้ว!”
ถังซื่อและมู่ต้าไห่เดินเข้ามาในลานบ้านคนแล้วคนเล่า
ทั้งสองคนกินอิ่มแล้วทำตัวเกียจคร้าน วัน ๆ ไม่ทำงานทำการ เอาแต่เที่ยวเตร่ทั้งวัน
ทุกวันหลังจากพวกเขากินข้าวเช้าอิ่มแล้วก็จะบึ่งออกจากบ้านไป จากนั้นก็แยกทางกันไป พวกเขาไม่กลับมากินอาหารกลางวัน ใกล้พลบค่ำจึงจะกลับมา ไม่มีผู้ใดรู้ว่าแต่ละวันพวกเขาไปที่ใด
“ไปให้พ้น เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเจ้า?” แม่เฒ่าเจียงไม่พอใจ
“ท่านแม่ เสื้อผ้าของข้าขาดหมดแล้ว” ถังซื่อคว้าผ้าผืนหนึ่งไปกอดเอาไว้แน่นไม่ยอมวาง “ท่านซื้อของมามากมายเช่นนี้ ข้าช่วยท่านใช้สักหน่อยจะเป็นอะไรไป? ภายหน้าข้าใช้คืนให้ท่านก็ได้แล้ว”
“ข้ายังหวังกับเจ้าได้อีกหรือ?” แม่เฒ่าเจียงเย้ยหยัน “อยากได้ผ้าก็เอาไปได้ แต่ต่อไปเจ้าต้องดูแลอาหารการกินสามมื้อ ถ้าเจ้าขาดแม้แต่มื้อเดียว อย่าได้หวังว่ามารดาผู้นี้จะให้อะไรเจ้า”
“ได้ ข้าจะทำ” ถังซื่อถือผ้าเข้าไปในห้อง
แต่นางไม่ทำอาหารจริง ๆ หรอก
อย่างไรเสียพรุ่งนี้นางออกไปแต่เช้าตรู่ แม่เฒ่าเจียงยังจะสามารถจับนางกลับมาได้หรือ? ถึงแม้คิดจะจับนาง ก็ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น!
ทารกยังคงร้องไห้อยู่ในห้อง
ลูกคนนี้เพิ่งเกิดได้ไม่นาน มู่ซือเจียวควรได้พักฟื้นร่างกายตนเอง ทว่าหลังจากนางถูกขับออกมาจากจวนตระกูลหวัง แม่เฒ่าเจียงก็ไล่นางออกไปทำงานนอกบ้าน
มู่ซือเจียวรู้สึกราวกับมีหินถ่วงร่างกายของนางตลอดเวลา แทบจะเป็นลมล้มพับอยู่ข้างนอกหลายครั้งหลายครา ทว่านางพยายามอดทนมาจนถึงตอนนี้
ครั้นเห็นคนในครอบครัวหน้าซื่อใจคดเหล่านี้ ในใจของมู่ซือเจียวเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง
“ร้องไห้อยู่นั่น! ตัวซวยจริง ๆ วัน ๆ นอกจากร้องไห้แล้วก็ทำอะไรไม่เป็น” แม่เฒ่าเจียงเอ่ยด้วยความเกลียดชัง “มู่ซือเจียว หากเจ้าไม่ดูแลนางให้ดี ข้าจะโยนนางออกไป”
มู่ซือเจียวเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน “ท่านย่า ข้าไม่มีน้ำนม ลูกไม่ได้กินนม จะหยุดร้องไห้ได้อย่างไร?”
“ไม่ใช่ลูกตระกูลมู่เราเสียหน่อย เจ้าไม่มีนมยังมาหาข้าอีกหรือ? คิดหาวิธีเอาเองสิ” แม่เฒ่าเจียงเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้ายินดีให้เจ้าอยู่ด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”
“ท่านย่า ท่านให้ข้าพักฟื้นร่างกายก่อน ข้าจะต้องหาทางกลับไปตระกูลหวังได้แน่นอน ข้าอยู่ตระกูลหวังยังมีเครื่องประดับเงินทองอยู่ในมือไม่น้อย ถึงตอนนั้นข้าจะมอบให้ท่าน” มู่ซือเจียวกล่าว
สายตาของแม่เฒ่าเจียงเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าเริ่มสั่นคลอนแล้ว
มู่ซือเจียวสังเกตเห็นท่าทีของอีกฝ่าย จึงหลอกล่อต่อไป “ข้าซ่อนของดี ๆ เอาไว้ไม่น้อย แต่ละชิ้นล้วนมีราคาหลายสิบตำลึงเงินเชียวนะ”