สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 276 มู่ตงหยวนแต่งงาน
บทที่ 276 มู่ตงหยวนแต่งงาน
บทที่ 276 มู่ตงหยวนแต่งงาน
ในลานบ้าน มู่ซืออวี่นั่งอยู่ที่โต๊ะหินกำลังหั่นผัก ผักที่หั่นไว้แล้วจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย นางผึ่งไว้ในที่โกยผง
ลู่ฉาวอวี่กำลังนั่งวาดรูปอยู่ไม่ไกลออกไป
“ท่านพี่ รูปวาดของท่านแปลกนัก” ลู่จื่ออวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่ฉาวอวี่เอ่ยออกมาด้วยความสงสัย “ดูเหมือนของจริงมากเลย”
“ท่านแม่…” ลู่ฉาวอวี่หันมามองมู่ซืออวี่ “สอนข้าวาด”
“ข้าก็อยากเรียนเช่นกัน” ลู่จื่ออวิ๋นจับแขนของลู่ฉาวอวี่ไว้ “ท่านพี่ ท่านสอนข้าหน่อย!”
“ข้าวาดได้เพียงเล็กน้อย” ลู่ฉาวอวี่ตอบ “ท่านแม่วาดเก่งมาก ให้ท่านแม่สอนเถอะ”
“ท่านแม่…” ลู่จื่ออวิ๋นเดินไปหามู่ซืออวี่ “ข้าก็อยากเรียนวาดรูป ภาพพวกนี้มหัศจรรย์มากเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
“ได้ แต่วันนี้ข้ายังไม่ว่าง เจ้าให้พี่ชายสอนพื้นฐานก่อนก็แล้วกัน” มู่ซืออวี่ตอบลู่จื่ออวิ๋นขณะที่นางหั่นผัก “พี่ชายของเจ้าเรียนรู้ได้เร็วมาก สอนเจ้าได้ ไม่มีปัญหาแน่นอน”
เสียงเพลงบรรเลงทั้งตีทั้งเป่าดังมาจากข้างนอก เสียงนั้นค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ตามด้วยเสียงหัวเราะเฮฮาเต็มไปด้วยความสุขดังมาจากคนมากมาย
มู่ซืออวี่วางมีดในมือ ล้างมือในอ่างที่อยู่ข้าง ๆ หลังจากล้างเศษดินเศษฝุ่นที่เปื้อนมืออยู่ออกหมดแล้ว นางก็ลุกขึ้น
“ข้าจะไปถามในหมู่บ้านสักหน่อยว่าวันนี้มีงานรื่นเริงอะไร”
หมู่บ้านนี้ไม่ใหญ่นัก ที่บ้านใดมีงานรื่นเริงย่อมต้องไปเฉลิมฉลองด้วย ทว่าพวกเขาเพิ่งกลับมา เป็นธรรมดาที่ผู้อื่นจะไม่ได้แจ้ง คงต้องไปถามสักหน่อยว่าผู้ใดเป็นเจ้าภาพงานแต่ง
“ไม่ต้องไปถามแล้ว” ถงซื่อเดินเข้ามาพร้อมกับจื่อซูและจื่อเยวี่ยน “วันนี้มู่ตงหยวนแต่งงาน”
ในมือของจื่อซูและจื่อเยวี่ยนถือของมามากมาย นอกจากเห็ด เห็ดหูหนู และอื่น ๆ แล้ว ยังมีกระต่ายป่าหนึ่งตัวและไก่ป่าอีกหนึ่งตัว
“ไม่เห็นพวกเจ้าสองคนตั้งแต่เช้า ที่แท้ก็ขึ้นเขาไปแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ภูเขาแห่งนี้ค่อนข้างอันตราย พวกเจ้าแม่นางน้อยสองคนไม่กลัวหรือไร?”
“ไม่กลัวเจ้าค่ะ ข้าแข็งแรงมาก แต่ก่อนข้ายังเคยฆ่าหมูป่า” จื่อซูเอ่ย “ฮูหยิน ท่านว่ากระต่ายนี่ทำอะไรได้บ้าง? วันนี้พวกเรากินกระต่ายกันเถอะเจ้าค่ะ!”
“ได้ เจ้าเอากระต่ายไปให้พี่ใหญ่เซี่ย ให้เขาทำความสะอาดมัน ที่บ้านยังมีเนื้ออีกไม่น้อย ไก่ป่าค่อยเอาไว้ทานตอนเย็นเถอะ อีกอย่างเจ้าไปบอกให้จือเชียนไปหมู่บ้านข้าง ๆ แล้วซื้อเต้าหู้มาสักหน่อย”
ในเมื่อเป็นมู่ตงหยวนที่แต่งงาน เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขาแล้ว
“ท่านแม่ ขาของมู่ตงหยวนมิใช่ว่า…”
ขาของเขาเป๋แล้ว ผู้ใดจะอยากแต่งงานกับเขา?
ยิ่งไปกว่านั้น มู่ตงหยวนผู้นี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไร แม่นางบ้านใดแต่งงานกับเขา เช่นนั้นไม่ใช่ว่าเป็นการเสียเปล่าหรือ?
“ได้ยินว่าเป็นแม่นางจากทางสกุลเดิมของย่าเจ้า เมื่อครู่นี้เพิ่งเจอกับพี่เมิ่งอยู่แถวที่นา นางบอกข้ามาน่ะ เรื่องอื่นข้าก็ไม่รู้แล้ว” ถงซื่อเอ่ย “แต่ว่าย่าของเจ้าน่ะมักจะปกป้องคนสกุลเดิมของนางเสมอ อีกทั้งมู่ตงหยวนก็เป็นลูกชายคนเล็กที่นางโปรดปรานที่สุด นางคงดีกับลูกสะใภ้คนนี้น่าดู”
มู่ซืออวี่ไม่สนใจเรื่องซุบซิบนินทาเกี่ยวกับคนครอบครัวมู่ นางถามไปเรื่อยเปื่อยสองสามคำถาม จากนั้นก็ลืมไป
หลังจากที่ลู่ฉาวอวี่ป่วย เขาก็สนิทสนมกับมู่ซืออวี่มากขึ้น นางเข้ากันได้ดีกับลูก ๆ ทั้งที นี่ย่อมเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด นางจึงไม่อยากให้เรื่องแย่ ๆ เหล่านั้นมารบกวนเวลาดี ๆ
“พี่หญิง” อันอวี้เดินเข้ามา “ข้ามาช่วยแล้ว”
“งั้นเจ้ามาหั่นผัก ไม่สิ ช่างเถิด ผักมีนิดเดียว ข้าหั่นเองดีกว่า เสื้อผ้าของข้าขาดแล้ว เจ้าสอนข้าว่าต้องปะชุนเสื้อผ้าอย่างไรหน่อยสิ”
“ข้าจะช่วยท่านปะเอง”
“อย่างอื่นน่ะพอได้ แต่เสื้อผ้าพี่ใหญ่ลู่ ข้าไม่อาจรบกวนให้เจ้าปะได้ สอนข้าแทนเถอะ” มู่ซืออวี่อับอายเล็กน้อย “ข้าไม่หวังอย่างอื่น เพียงแค่อยากเรียนว่าจะเย็บปะอย่างไรให้ออกมาดูดีเท่านั้น
“ได้จ้ะ”
งานแต่งของมู่ตงหยวนจัดเสียใหญ่โต ไม่ต้องเอ่ยถึงเกี้ยวที่ไปรับเจ้าสาวเข้าประตูมา กระทั่งสินสอดยังทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง แม่เฒ่าเจียงตระหนี่ถี่เหนียว ไม่รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้ใด แต่นางกลับปฏิบัติต่อลูกชายคนเล็กผู้นี้แตกต่างจากผู้อื่น
ถังซื่อแทะเมล็ดแตงโม พูดด้วยท่าทีแปลก ๆ แม้แต่เด็กสามขวบยังมองออกว่านางอารมณ์ดีเพียงใด
เหยาซื่อก็มาแล้วเช่นกัน
เดิมทีนางไม่คิดจะมา ทว่าแม่เฒ่าเจียงกลับไปเชิญถึงบ้านด้วยตนเอง เหยาซื่ออยากจะเห็นนักว่าสะใภ้เช่นใดที่มู่ตงหยวนขาเป๋ผู้นั้นสามารถแต่งเข้ามาได้
“พี่ถัง ลูกชายท่านไม่ร่ำเรียนแล้วหรือ?” หญิงในหมู่บ้านคนหนึ่งโพล่งถามถังซื่อ
สีหน้าของถังซื่อไม่น่าดูชมทันที “ไม่เรียนแล้ว เด็กคนนั้นเรียนมาตั้งแต่ยังเด็ก เรียนมาหลายปีเพียงนี้แล้ว เขารู้สึกโดดเดี่ยว ข้าในฐานะแม่ย่อมทนไม่ไหว ตั้งใจจะให้เขากลับมาใช้ชีวิตให้ดีสักหน่อย”
หญิงชาวบ้านมองหน้ากันไปมา ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน
มู่เจิ้งอี้ตกหลุมรักสตรีในเรือนวสันต์ ไปก่อความวุ่นวายที่เรือนวสันต์ครั้งแล้วครั้งเล่า เรื่องที่ภายหลังถูกไล่ตีออกมาก็ไม่ใช่ความลับอะไร เล่าลือกันอื้ออึง ถังซื่อยังตีสีหน้าเช่นนี้ ช่างน่าขันจริง ๆ
“ต้าซาน” หัวหน้าหมู่บ้านและมู่ต้าซานนั่งพูดคุยอยู่ด้วยกัน “ข้าได้ยินว่าเจ้าหางานทำอยู่ในเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
มู่ต้าซานดูซูบซีดและแก่ลงมาก ทว่าจิตใจของเขากลับดีขึ้น ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นคนขี้ขลาด ทว่าตอนนี้พอจะมีความสามารถและประสบการณ์บ้างแล้ว
“ดีขอรับ เจ้านายเพิ่งขึ้นค่าแรงให้ข้า ให้ข้าทำงานเป็นผู้ดูแลแล้วด้วย”
“โอ้โห ต้าซาน ตอนนี้เจ้าเริ่มมีอนาคตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว” คนที่นั่งอยู่ข้างเขาเอ่ยขึ้นด้วยความอิจฉา “ตอนนี้เจ้าได้ค่าแรงมากน้อยเท่าใดหรือ?”
“เจ้าพูดไร้สาระอะไร? นี่เป็นเรื่องที่เจ้าจะถามได้หรือ?” หัวหน้าหมู่บ้านตะคอก
“ข้าก็แค่ถาม พวกเรากับต้าซานเติบโตมาด้วยกัน มีเรื่องอะไรพูดไม่ได้” คนผู้นั้นเอ่ย “ได้ถึงตำลึงเงินหรือไม่?”
มู่ต้าซานพยักหน้าน้อย ๆ “2 ตำลึงเงิน”
“ไม่เลวนี่ ต้าซาน” คนผู้นั้นยิ่งรู้สึกริษยามากกว่าเดิม
หัวหน้าหมู่บ้านมองแม่เฒ่าเจียงและคนอื่น ๆ ที่อยู่ไม่ไกลออกไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา “เจ้ายังซื่อตรงเช่นนี้ เรื่องเหล่านี้ตนเองรู้ก็พอแล้ว หากให้ท่านแม่ของเจ้ารู้ละก็ ยังจะมีชีวิตดี ๆ ได้อีกหรือ?”
“พวกเราแยกบ้านกันแล้ว นางไม่อาจควบคุมข้าอีกต่อไป” มู่ต้าซานกล่าว “ข้าไม่ได้ฉกฉวยประโยชน์จากพวกเขา พวกเขาก็ไม่อาจขโมยของของข้าไปได้”
“หากเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก ภรรยาของเจ้าคงไม่…” หัวหน้าหมู่บ้านอึกอัก
“ข้ารู้” มู่ต้าซานกล่าวขึ้นมา “ข้าอยากช่วยนางมาโดยตลอด แต่นางไม่ยินยอม”
“ต้าซาน ให้ข้าแนะนำเจ้าสักอย่าง ตอนนี้เจ้าเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ชีวิตของถงซื่อก็ดีมาก เจ้าไม่ต้องพยายามไปช่วยนางแล้ว ในเมื่อตอนนี้เจ้าสามารถหาเงินได้ ก็เก็บเงินเอาไว้สักหน่อย อีกสองสามปีค่อยแต่งภรรยาสักคน”
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้า…”
“ต้าซาน ข้าดูออกว่าถงซื่อและลูกสาวลูกชายของเจ้าน่ะไม่กลับมาแล้ว เรื่องโง่เขลาที่เจ้าเคยทำในตอนนั้น พวกเขาย่อมไม่ให้อภัยเจ้าแล้ว เจ้าคิดได้แล้วก็ดีไป ทว่าอย่าได้คิดว่าเจ้ายอมรับผิดแล้วพวกเขาจะให้อภัยเจ้า ข้าอยู่มาหลายปี พบเจอเรื่องราวมาไม่น้อย บางเรื่องไม่ใช่คิดอยากจะนำกลับคืนมาก็นำกลับคืนมาได้”
มู่ต้าซานนิ่งเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด
หัวหน้าหมู่บ้านเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็รู้ว่าคงไม่ยอมฟัง
วันนี้แม่เฒ่าเจียงแต่งตัวอย่างมีความสุขมาก แม้แต่ร่องรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของนางก็ดูเหมือนจะน้อยลงไป
มู่ต้าไห่ในฐานะพี่ชายคนโตก็สวมใส่ชุดใหม่ กระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมาก
“เหตุใดไม่เห็นมู่ซือเจียวและมู่เจิ้งอี้เล่า?” มีใครบางคนถามขึ้นมา
“แม่เฒ่าเจียงคิดว่ามู่ซือเจียวอัปมงคลน่ะสิ นางให้ซือเจียวพาลูกไปซ่อนอยู่ที่บ้านผุพังท้ายหมู่บ้านหลังนั้น วันนี้ไม่ให้กลับมา ส่วนมู่เจิ้งอี้คงอยู่ในห้อง ได้ยินว่าหมู่นี้นับวันเขายิ่งทำตัวพิลึกพิลั่นขึ้นเรื่อย ๆ แม่เฒ่าเจียงกำลังคุยเรื่องแต่งงานของเขา รอมู่ตงหยวนแต่งงานแล้ว ต่อไปคงให้เขาแต่งงานกระมัง”