สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 279 ถูกตามแก้แค้นแล้ว
บทที่ 279 ถูกตามแก้แค้นแล้ว
บทที่ 279 ถูกตามแก้แค้นแล้ว
ลู่อี้เข้ามาช่วยพยุงเหยาซื่อลุกขึ้น
ถึงแม้จะบอกว่าพยุงลุกขึ้น ทว่าความจริงแล้วแทบจะหิ้วนางขึ้นมา
เหยาซื่อร่างกายอ่อนยวบไปทั้งตัว สีหน้านางซีดเผือดราวกับกระดาษขาว ทั้งตัวตกอยู่ในภาวะหวาดกลัวจนถึงที่สุด
“ไม่ต้องรีบร้อน ค่อย ๆ พูด เกิดอะไรขึ้นขอรับ?” เสียงของลู่อี้ราวกับมีพลังปัดเป่าความกังวล
“ต้าจู้… ต้าจู้พูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว” เหยาซื่อร้องไห้ออกมา “จะทำอย่างไรดี? เซียนเพียงพอนคงโกรธแล้วเป็นแน่ จะต้องกลับมาแก้แค้นครอบครัวเราเป็นแน่”
“เมื่อครู่นี้ยังอยู่ดี ๆ เลยไม่ใช่หรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ใช่ เมื่อครู่นี้ยังดี ๆ อยู่เลย ทว่าจู่ ๆ เขาก็เริ่มพูดจาเพ้อเจ้อ ทั้งยังเกือบจะทุบตีโม่หลาน ต้าจู้ทำร้ายโม่หลานราวกับเป็นสิ่งของ แต่ไหนแต่ไรมาแม้แต่คำพูดคำจาที่หนักหนาก็ไม่เคยเอ่ยปาก เมื่อครู่ถึงกับเกือบจะตีนาง ยังจะบอกว่าไม่บ้าอีกหรือ?”
“ข้าจะไปดูหน่อย” ลู่อี้หันกลับไปเอ่ยกับมู่ซืออวี่ “เจ้าให้คนไปหาดูว่าท่านหมอจูอยู่ที่ใด สถานการณ์เช่นนี้พวกเราต้องให้เขาช่วย”
จือเชียนและเซี่ยคุนเดินออกมาตาม ๆ กัน
เซี่ยคุนเอ่ยว่า “จือเชียนกับข้าจะเข้าเมืองไปตามท่านหมอจูมา เพื่อความปลอดภัย พวกเราแยกกันไปคนละทาง เช่นนี้จะรับรองความปลอดภัยได้กว่า”
ถงซื่อเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง “เขาออกไปรักษาคนไข้ที่หมู่บ้านฉือโถว ที่นั่นมีคนไข้คนหนึ่งมีเรื่องรบกวน ก็เลยต้องอยู่ฝังเข็มที่นั่นเจ็ดวัน”
“เช่นนั้นข้าจะไปรับท่านหมอจูที่หมู่บ้านฉือโถว” เซี่ยคุนกล่าว
“ยังต้องไปเชิญหมอเพิ่มหรือไม่?” จือเชียนถาม
“เชิญ ท่านหมอจูบางครั้งอาจจะขึ้นภูเขาไปเก็บสมุนไพร ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่หมู่บ้านฉือโถว เชิญหมอคนอื่นมาเผื่อไว้ดีกว่า”
เมื่อจัดสรรงานเรียบร้อยแล้ว ทุกคนล้วนวุ่นอยู่กับหน้าที่ของตัวเอง
เมื่อครู่นี้ลานบ้านยังเต็มไปด้วยผู้คน ยามนี้เหลือเพียงสมาชิกครอบครัวหูซื่อและอันอวี้
อาหารบนโต๊ะกำลังร้อนกรุ่น ทว่ากลับไม่มีใครได้ลิ้มรสอันโอชะของมัน
อันอวี้เอ่ยขึ้นมาเบา ๆ “ท่านลุงเขย ท่านป้า อันหนิง อันจิ้ง พวกท่านพาอวิ๋นเอ๋อร์ทานข้าวก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะไปดูที่บ้านท่านป้าเหยาเช่นกัน”
หูซื่อส่ายหน้า “ตอนนี้ยังจะกินลงได้อย่างไร? ข้าก็อยากไปดูสถานการณ์ที่บ้านพี่เหยาเช่นกัน”
“เช่นนั้นพวกเราก็จะไปดู” หวงอันหนิงเอ่ยขึ้น “ป้าเหยาดีกับครอบครัวของเราเพียงนั้น ข้าก็เป็นห่วงคนในครอบครัวพวกเขามากเช่นกัน”
คนมากมายกำลังรายล้อมบ้านเหยาซื่อ
ในลานบ้าน ลู่จงเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจด้วยดวงตาแดงก่ำ “พวกเราขึ้นเขาไปขอสักการะท่านเซียนเพียงพอนเถอะ! จะให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้!”
ต้าจู้ถูกมัดไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับมีผ้ายัดอยู่ในปากของเขา
เขายังคงดิ้นทุรนทุรายไม่หยุด สีหน้าดุร้าย ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ลู่อี้ใช้สันมือฟาดลงไปหนึ่งที ในที่สุดต้าจู้ก็สงบลง หมดสติไปทันใด
“ต้าจู้…”
“สามี”
“ท่านพี่…”
คนหลายคนเข้ามารุมล้อม
ลู่จงพยุงต้าจู้ขึ้นมา พลางขึ้นเสียงด้วยความโกรธ “ลู่อี้! นี่เจ้าจะทำอะไร?”
“ให้เขาเงียบลงไปสักพักก่อน เขาจะได้ไม่เจ็บปวดถึงเพียงนั้น” ลู่อี้กล่าว “คนของข้ากำลังไปเชิญท่านหมอ รอท่านหมอมาก็จะได้รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา”
ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ในลานบ้านเอ่ยขึ้นว่า “ยังจะเป็นอะไรได้อีก? ต้องเป็นเพราะพวกเจ้าไปล่วงเกินท่านเซียนเพียงพอนเป็นแน่ ถูกเอาคืนแล้วน่ะสิ”
“ใช่แล้ว ๆ จะลบหลู่ท่านเซียนเพียงพอนไม่ได้!”
“พวกเจ้าช่างกล้านัก กล้าไปล่วงเกินท่านเซียนเพียงพอนได้อย่างไรกัน”
มู่ซืออวี่ได้ยินมานานแล้วว่าคนยุคสมัยก่อนนับถือเพียงพอนเป็นเซียน จึงให้ความเคารพเป็นอย่างมาก ทว่าเมื่อนางเห็นกับตาตนเองก็ยังคงรู้สึกรำคาญพวกเขา
“นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเพียงพอน เพียงพอนเป็นเพียงสัตว์ธรรมดา ไม่แตกต่างจากกระต่ายกับแพะ พวกท่านอย่ามาทำให้คนสับสน”
“แม่ฉาวอวี่ เจ้ายังเยาว์วัยไม่ประสีประสาอะไร” ผู้เฒ่าคนหนึ่งกล่าวขึ้น “นี่เป็นบทเรียนที่ตกทอดมารุ่นแล้วรุ่นเล่า คนรุ่นก่อนย่อมรู้ว่าไม่อาจไปล่วงเกินท่านเซียนเพียงพอนได้ ไม่อย่างนั้นจะมีเคราะห์ร้าย”
“ข้าเพิ่งจุดธูปสักการะกับเผากระดาษไป ขอขมาลาโทษท่านเซียนเพียงพอนแล้วด้วย” เหยาซื่อพูดพลางร้องไห้ออกมา
“คงยังไม่หายพิโรธเป็นแน่”
“ใช่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านเซียนเพียงพอนต้องลงโทษคนในครอบครัวพวกเขาอย่างแน่นอน”
ท่ามกลางฝูงชน หวังซื่อจงใจเอ่ยขึ้นมา “ได้ยินว่ากับดักนี้เป็นลู่อี้ที่วาง งั้นก็กล่าวได้ว่าท่านเซียนเพียงพอนเป็นลู่อี้ที่จับ? เช่นนั้นต้าจู้ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมน่ะสิ เขาต้องมารับโทษเพราะผู้อื่น”
“ลู่อี้ เจ้าขึ้นเขาไปขอขมาท่านเซียนเพียงพอนเสีย” ผู้เฒ่าที่เอ่ยขึ้นเมื่อครู่นี้กล่าวอีกครั้ง “เจ้าต้องแสดงความจริงใจหน่อย จับไก่สักสองตัวสังเวย บางทีท่านเซียนเพียงพอนอาจสงบลง”
“พวกท่านเห็นเพียงเป็นความครึกครื้น ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตโดยแท้” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าไม่เชื่อว่าเซียนเพียงพอนอะไรนั่นทำ รอประเดี๋ยวท่านหมอมาก็จะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น พวกท่านไม่ต้องผสมโรงดูชมเรื่องสนุกอยู่ที่นี่ ตอนนี้ที่นี่ก็ยุ่งวุ่นวายมากพอแล้ว ข้าไม่มีเวลามาคุยกับพวกท่าน พวกท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ!”
ลู่จงมองลู่อี้ “พ่อหนุ่มอี้ มิเช่นนั้น…”
“พวกเจ้าเงียบสักที!” เหยาซื่อตะโกนขึ้น “รอท่านหมอมาก่อนค่อยว่ากัน”
ลู่อี้และคนอื่น ๆ ยังไม่จากไป ล้วนยังอยู่ในลานบ้านรอให้ท่านหมอหรือท่านหมอจูมาถึง
คนที่มาถึงก่อนเป็นท่านหมอจู
หมู่บ้านฉือโถวอยู่ใกล้กับที่นี่ ตอนที่เซี่ยคุนออกไปตามหาเขา ท่านหมอจูกำลังทานอาหารค่ำกับครอบครัวที่เขาไปตรวจอาการพอดี หลังจากได้ยินเหตุการณ์นี้ เขาก็รีบรุดมาทันทีโดยไม่ทันได้ทานข้าว
“ท่านหมอจู ท่านมาแล้ว” เหยาซื่อเอ่ยขึ้น “ช่วยตรวจดูต้าจู้หน่อยเถอะเจ้าค่ะ”
ท่านหมอจูวางกล่องยาลงบนพื้น เปิดเปลือกตาของต้าจู้เพื่อตรวจดู อ้าปากอีกฝ่ายออกเพื่อดูฝ้าที่ลิ้น จากนั้นจึงคลำชีพจร
ชาวบ้านคงกลัวว่าโลกจะยังวุ่นวายไม่พอ เมื่อครู่นี้ลู่อี้เพิ่งบอกให้แยกย้ายกันไป ทว่าพวกเขายังคงรออยู่ข้างนอก หากไม่ใช่เพราะเหยาซื่อไม่ให้พวกเขาเข้ามา พวกเขาคงมารออยู่ในลานบ้านเพื่อฟังผลการตรวจอาการแล้ว
“น่าแปลกนัก” ท่านหมอจูเอ่ยขึ้น “ชีพจรของเขาวุ่นวายสับสนมาก ราวกับเขาตื่นกลัวอะไรบางอย่าง ทว่าอย่างอื่นกลับดูไม่ออก”
“ดูสิ ท่านเซียนเพียงพอนลงโทษครอบครัวพวกเขา” คนที่อยู่ข้างนอกพูดคุยกัน
“ต้าจู้น่าสงสารยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่ากับดักนั้นเป็นลู่อี้ที่วาง หากต้องการแก้แค้นก็ต้องไปหาเขา เหตุใดต้องมาหาต้าจู้เล่า? ต้าจู้เป็นคนที่ซื่อสัตย์ถึงเพียงนี้”
มู่ซืออวี่หน้านิ่วคิ้วขมวด
เหยาซื่อเชื่อเรื่องเซียนเพียงพอน จากการกระทำเมื่อครู่นี้ของนางก็รู้แล้วว่านางเชื่อในสิ่งลี้ลับเหมือนคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน บัดนี้ทุกคนล้วนกล่าวโทษลู่อี้ นี่ไม่ใช่ว่าต้องการให้ครอบครัวของเหยาซื่อกล่าวโทษพวกเขาหรือ?
หากเกิดอะไรขึ้นกับต้าจู้ เป็นไปได้ว่าเหยาซื่อและคนอื่น ๆ จะบาดหมางใจกันกับครอบครัวของมู่ซืออวี่
“ข้าทำให้เขาตื่นขึ้นมาก่อนค่อยตรวจดู” ท่านหมอจูกล่าว จากนั้นจึงนำห่อเข็มออกมา
เหยาซื่อและจางโม่หลานยืนประคองกัน
เหยาซื่อเกาะแขนของจางโม่หลานไว้แน่น นิ้วของนางหยิกเข้าไปในเนื้อแล้ว
จางโม่หลานทนรับความเจ็บปวด แต่นางกลับไม่ร้องไห้ออกมา ราวกับไม่รู้สึกเจ็บ ยิ่งไปกว่านั้นความนึกคิดของนางยังจดจ่ออยู่บนร่างกายของต้าจู้ ความเจ็บภายนอกนี้ไม่อาจเทียบได้กับความเจ็บปวดในใจของนาง
“ท่านหมอมาแล้วขอรับ” จือเชียนนำท่านหมอที่เชิญมาเดินเข้ามาในประตู “ท่านหมอจู ท่านกลับมาแล้วหรือ?”
ท่านหมอจูพยักหน้าให้อีกฝ่าย จากนั้นมองท่านหมอที่จือเชียนเชิญมาแล้วกล่าวว่า “ท่านมาพอดี รีบมาตรวจดูเถิดว่านี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ท่านหมอผู้นั้นแซ่กง อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวนักกับท่านหมอจู
“แม้แต่ท่านก็มองไม่ออกหรือ?” ท่านหมอกงเอ่ยถาม
“ใช่” ท่านหมอจูไม่ปิดบังเช่นกัน
ถึงตอนนี้ ต้าจู้ที่สลบไปตื่นขึ้นมาแล้วเพราะท่านหมอจูฝังเข็มไปหลายเข็ม
ทันทีที่ฟื้นขึ้นมา เขาก็เอ่ยด้วยสีหน้างุนงง “เกิดอะไรขึ้นหรือ? เหตุใดจึงมีคนมากมายถึงเพียงนี้?”