สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 284 นายอำเภอคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 284 นายอำเภอคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง
บทที่ 284 นายอำเภอคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง
บทที่ 284 นายอำเภอคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง
ลู่อี้เดินไปหามู่ซืออวี่ “ฮูหยิน ข้าต้องเข้าเมืองสักเที่ยว เรื่องที่บ้านต้องลำบากเจ้าแล้ว”
มู่ซืออวี่จัดระเบียบปกเสื้อให้เขา จากนั้นจึงเงยหน้ามองเขา “ข้าจะคอยสนับสนุนท่านอยู่เสมอ เรื่องที่บ้านข้าจะดูแลให้เรียบร้อย ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”
“หากข้าจัดการเสร็จแล้วจะกลับมา” ลู่อี้กล่าว “ทว่าอาจต้องใช้เวลาหลายวัน”
“ไม่เป็นไร ท่านไปจัดการให้เรียบร้อยเถอะ” มู่ซืออวี่เอ่ยตอบ “ชาวบ้านในหมู่บ้านอาจรอคอยดื่มสุราเลื่อนขั้นของท่านอยู่ สะสางงานเสร็จแล้วก็กลับมาเชิญทุกคนร่วมดื่มสุราเถอะ!”
หลังจากลู่อี้จากไปพร้อมกับนักการเกาและคนอื่น ๆ แล้ว ทุกคนในหมู่บ้านก็เข้ามารวมตัวกัน ทุกคนพูดคุยสรวลเสเฮฮา ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากคำยินดี เทียบกับตำแหน่งจู่ปู้เล็ก ๆ เมื่อก่อนแล้ว ครานี้ท่าทีของพวกเขากระตือรือร้นมากกว่าเดิม
มู่ซืออวี่ยังคงตกตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ หลังจากที่ส่งทุกคนกลับไปอย่างยากเย็น นางต้องจิบน้ำหนึ่งคำกว่าจะสงบใจลงได้ ทางร้านส่งเฟิงเจิงมาหานางที่ชนบท บอกว่าเย่อิงเกอจะสั่งสินค้าอีกชุด
ลู่อี้กลับมาก็สิบวันให้หลังแล้ว ครั้งนี้เขามารับมู่ซืออวี่และคนอื่น ๆ กลับเข้าไปในเมือง อย่างไรเสียบัดนี้เขาก็กลายเป็นนายอำเภอแล้ว จึงมีเรื่องราวมากมายที่ต้องรับผิดชอบ เกรงว่าจะไม่มีเวลากลับมายังชนบท ก่อนที่จะพาทุกคนกลับเข้าไปในเมือง เขาเชิญหัวหน้าพ่อครัวจากภัตตาคารในเมืองมา ให้หัวหน้าพ่อครัวทำอาหารโต๊ะที่ดีที่สุด และเชิญคนทั้งหมู่บ้านมาดื่มกินสังสรรค์
หัวหน้าหมู่บ้านเปิดโถงบรรพบุรุษเป็นพิเศษ เขียนคุณงามความดีของลู่อี้ที่กลายเป็นนายอำเภอลงใน ‘บันทึกชื่อเสียงตระกูลลู่’
หลังจากงานเลี้ยงจบสิ้น ลู่อี้จึงพาครอบครัวกลับเข้าไปในเมือง
เพื่อให้สะดวกต่อการทำหน้าที่ของเขา ลู่อี้จำต้องย้ายเข้าไปอยู่เรือนด้านหลังศาลาว่าการ ซึ่งเขาต้องกินอยู่หลับนอนในศาลาว่าการ อย่างไรก็ตามความชอบเรื่องห้องหับของเจ้าของคนก่อนไม่ตรงกับความชอบของมู่ซืออวี่นัก นางจึงตั้งใจจะปรับปรุงสถานที่แห่งนี้ใหม่ อย่างน้อยก็ให้เจริญตา จะได้น่าอยู่อาศัย
“ใต้เท้าโจวเล่า?” มู่ซืออวี่นอนซบอกลู่อี้
หลังจากออกกำลังกันแล้ว ทั้งสองยังหอบหายใจเล็กน้อย ลู่อี้กอดนางไว้แน่น เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะนี้ให้ฟัง
“ถูกปลดแล้ว ลดสถานะเป็นราษฎรธรรมดา ตอนนี้คงกลับไปที่บ้านเกิดอย่างสิ้นหวังแล้ว” ลู่อี้ลูบแก้มนางเบา ๆ
“นี่ถือว่าดีสำหรับเขาแล้ว” มู่ซืออวี่ไม่มีความรู้สึกดีอันใดกับนายอำเภอคนนี้
ใต้เท้าโจวมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ก็อดทนรอไม่ไหว ทำตามการชักจูงของปลัดอำเภอเฉิน ขูดเลือดขูดเนื้อราษฎรเสียแล้ว ชาวเมืองธรรมดา ๆ ย่อมไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด ทว่าหลังปิดประตูห้องหับแล้ว ผู้ใดไม่กล่าวบ้างว่าเขาเทียบนายอำเภอฉินไม่ได้แม้ปลายก้อย?
“นอนเถอะ!”
“ในเมื่อท่านกลายเป็นนายอำเภอแล้ว ภายหน้าย่อมต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่น่ายินดีอีกมากมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด ข้าจะสนับสนุนท่าน ทว่าท่านก็ต้องรับปากข้าเช่นกันว่าจะต้องดูแลตัวเองให้ดี ได้หรือไม่?”
“ได้”
ลู่อี้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เรื่องแรกที่ต้องจัดการคือความวุ่นวายที่นายอำเภอโจวทิ้งเอาไว้ จากนั้นถอดถอนคนที่นายอำเภอโจวเลื่อนขั้นขึ้นมา รวมถึงปลัดอำเภอเฉิน เขากลายเป็นคนว่างงานแล้วเช่นกัน
ในเมื่อถอดถอนไปแล้ว แน่นอนว่าต้องแต่งตั้งคนมาแทนที่ ตำแหน่งปลัดอำเภอตำแหน่งเดิมเก็บไว้ให้เวินเหวินซง ส่วนตำแหน่งจู่ปู้เก็บไว้ให้เจ้าหน้าที่อีกคนที่ทำงานอย่างซื่อสัตย์และขยันหมั่นเพียร
“พวกเจ้ารีบดูเร็วเข้า ภาษีของพวกเราลดลงแล้ว”
ด้านหน้าแผ่นป้ายประกาศของทางการ ชาวเมืองล้วนเข้ามามุงดูป้ายนี้
“ดูเหมือนว่าใต้เท้าลู่ผู้นี้จะเป็นขุนนางที่ดีเหมือนใต้เท้าฉิน”
“ตอนนี้อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไปนัก ผู้ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่มักจะเสแสร้งไปสักพัก จะเป็นขุนนางที่ดีหรือไม่ ตอนนี้ย่อมยังมองไม่ออก”
มู่ซืออวี่นั่งอยู่ในรถม้า ฟังชาวเมืองพูดคุยกัน
จื่อซูเอ่ยขึ้นว่า “ฮูหยิน ท่านอย่าได้โกรธไปเลยเจ้าค่ะ พวกเขาไม่รู้จักนายท่าน ผ่านไปสักพักพวกเขาจะต้องรู้แน่นอนว่านายท่านดีเพียงใด”
“ข้าไม่ได้โกรธ” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “ถูกงูกัดเพียงครั้งเดียว ย่อมหวาดกลัวเชือกไปสิบปี ถึงแม้นายอำเภอโจวจะรับตำแหน่งได้ไม่นาน ทว่าสิ่งที่เขาทำลงไปยังคงส่งผลต่อชีวิตของผู้คน ชาวเมืองบางคนยังไม่ยอมรับนายอำเภอคนใหม่อย่างง่ายดายก็เป็นเรื่องธรรมดา”
ณ เรือนกรุ่นฝัน
ทันทีที่รถม้าหยุดลง เฟิงเจิงก็ออกมาต้อนรับนางพลางหัวเราะชอบใจ “ยินดีกับฮูหยินนายอำเภอด้วย”
มู่ซืออวี่ลงจากรถม้า เอ่ยด้วยท่าทีฉุนเฉียว “เจ้าเด็กซน เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะส่งเจ้าไปเปิดร้านในสถานที่ที่แม้แต่นกยังไม่อยากขี้?”
“อย่านะ ๆ ส่งข้าไปสถานที่ห่างไกลเช่นนั้น พวกเราจะหาเงินได้หรือ?” เฟิงเจิงยิ้ม
“พอได้แล้ว จริงจังหน่อย”
หลังจากที่ลงจากรถมา นางก็ถามเฟิงเจิงถึงสถานการณ์ของกิจการในระยะนี้
หลังจากลู่อี้เข้ารับตำแหน่ง ในฐานะฮูหยินนายอำเภอ นางจึงมีฮูหยินจากตระกูลผู้มั่งมีในเมืองมาเยี่ยมเยียนหลายคน หลายวันมานี้ต้องรักษาท่าทีของฮูหยินนายอำเภอ ไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ที่ร้านเป็นอย่างไรบ้าง
ทว่าเป็นฮูหยินนายอำเภอก็มีประโยชน์เช่นกัน อย่างเช่นกิจการร้านไม่จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์อีกต่อไป ชื่อเสียงนางดึงดูดผู้คนมาที่นี่เสียเอง หลายคนต่างตะเกียกตะกายซื้อสินค้าจากร้านของนาง
“สินค้าในร้านขายหมดแล้วหรือ?”
เมื่อเห็นร้านที่ว่างเปล่า มู่ซืออวี่พลันขมวดคิ้ว
“สินค้าที่เหลือเหล่านี้เพิ่งย้ายเข้ามาชั่วคราว ล้วนแต่ถูกลูกค้าเมื่อวานสั่งไว้ล่วงหน้าแล้ว เหลือเพียงแค่ร้านว่างเปล่าร้านหนึ่ง” เฟิงเจิงกล่าว “หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สินค้าของพวกเราจะไม่พอขายแล้ว”
“พวกเขาเพียงแค่จงใจประจบสามีของข้าเพียงเพราะเขาเป็นนายอำเภอ อีกสองสามวัน หากพวกเขาพบว่าตนแสดงความอบอุ่น แต่ได้รับคำตำหนิอย่างเยือกเย็น คงไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้อีกแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว
สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาจากข้างนอก นางไม่ใช่ใครอื่น เป็นสาวใช้ข้างกายของเฉินซือจวิน
ชิวสุ่ยแสดงความเคารพแล้วเอ่ยกับมู่ซืออวี่ว่า “เถ้าแก่เนี้ย ชั้นตำราที่พวกเราสั่งทำจากร้านท่าน วันนี้ล้มลงมาแล้ว อีกทั้งยังล้มใส่บ่าวทำงานจิปาถะสองคนจนได้รับบาดเจ็บ เถ้าแก่เนี้ยควรมีคำอธิบายให้กับจวนของเราหรือไม่?”
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อใด?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
เฟิงเจิงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นว่า “ตอนนั้นท่านยังอยู่ที่ชนบท แม่นางผู้นี้มาสั่งสินค้าด้วยตัวเอง ต้าชุนพาคนไปติดตั้งจ้ะ”
“เช่นนั้นข้าจะไปดูหน่อย” มู่ซืออวี่กล่าว
“ช้าก่อน” เหวินอี้เดินออกมาจากข้างใน “ชั้นตำรานั้นข้าเป็นคนออกแบบ ข้าก็จะไปดูเช่นกัน”
“ต้าชุนเล่า?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามเฟิงเจิง
“วันนี้เขาไปส่งสินค้าที่ชนบทแล้ว” เฟิงเจิงกล่าว “มีบัณฑิตซิ่วไฉคนหนึ่งในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นต้องการสั่งเตียงหลังใหญ่ ต้าชุนพาคนไปส่งของ แล้วถือโอกาสติดตั้งเตียงให้ด้วยจ้ะ”
“ได้ เช่นนั้นพวกเราไปก่อนเถอะ”
รถม้าเคลื่อนเข้าไปในจวนเจียง ชิวสุ่ยลงจากรถม้าก่อน จากนั้นจึงยืนรอให้มู่ซืออวี่และเหวินอี้ลงมา
ด้านหลังยังมีรถม้าอีกคัน คนงานจำนวนหนึ่งลงมาจากข้างใน
หากกล่าวตามเหตุผลแล้ว เหวินอี้ควรนั่งมากับคนงานเหล่านั้น ทว่าร่างกายของเหวินอี้อ่อนแอเกินไป คนงานมีกลิ่นเหงื่อคละคลุ้ง เหวินอี้ย่อมรู้สึกราวกับจะขาดอากาศหายใจทันทีที่เขาเข้าไป มู่ซืออวี่จึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากเรียกเขาเข้าไปในรถม้าคันเดียวกัน
“คุณหนู” ชิวสุ่ยเอ่ยกระซิบสองสามคำข้างหูเฉินซือจวิน
เฉินซือจวินปิดหนังสือที่อยู่ในมือของนางลง แย้มยิ้มแล้วลุกขึ้นมา “ลำบากท่านแล้ว เถ้าแก่เนี้ย”
“ชั้นตำราอยู่ที่ใดหรือ?” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ
“ชั้นตำราอยู่ในห้องตำรา ชิวสุ่ยจะพาท่านไปที่นั่น” จากนั้น เฉินซือจวินก็มองชิวสุ่ย “เจ้าไปนำชามาสักกา เชิญเถ้าแก่เนี้ยและคุณชายท่านนี้จิบชาพักผ่อนเสียหน่อย”
“ไม่ต้องล่ะ พวกเราทำงานเถอะ” มู่ซืออวี่กล่าว “รบกวนท่านนำทางข้าไปหน่อย”