สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 287 มาขอโทษถึงประตู
บทที่ 287 มาขอโทษถึงประตู
บทที่ 287 มาขอโทษถึงประตู
ยามบ่าย มู่ซืออวี่กำลังเล่นหมากรุกห้าเม็ดอยู่กับลู่ฉาวอวี่ จือเชียนที่อยู่ข้างนอกเดินเข้ามาบอกว่าคุณหนูเฉินมาขอเข้าพบ
มู่ซืออวี่เก็บหมากรุกกลับไป แล้วเอ่ยกับลู่ฉาวอวี่ว่า “ไม่เล่นแล้ว ทุกครั้งมีแต่แพ้เจ้า”
ลู่ฉาวอวี่เก็บหมากรุกกลับไป จากนั้นจึงไปหาที่อื่นอ่านหนังสือ
เมื่อเฉินซือจวินเดินเข้ามาก็เห็นเด็กชายตัวน้อยนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง
มองจากใบหน้าด้านข้าง เด็กชายตัวน้อยหน้าตาเหมือนกับพ่อของเขาอย่างยิ่ง
“เถ้าแก่เนี้ย ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” ด้านหลังของเฉินซือจวินมีชิวสุ่ยเดินตามเข้ามา ชิวสุ่ยถือของห่อเล็กห่อใหญ่เข้ามาด้วย
“ขอบคุณคุณหนูเฉินที่นึกถึง ข้าเจ็บแผล ไม่อาจลุกจากเตียงเดินเหินไปมา ท่านหมอบอกว่าข้าต้องพักรักษาตัวสักพัก ที่เหลือไม่มีปัญหาอย่างอื่นอีก”
เฉินซือจวินราวกับไม่ได้ยินความไม่พอใจในคำพูดของมู่ซืออวี่ นางนั่งลงข้างเตียงแล้วเอ่ยว่า “เพราะความเลินเล่อของพวกเรา ท่านถึงได้บาดเจ็บเช่นนี้ เมื่อวานพวกท่านเร่งรีบจากไป ข้าเตรียมสมุนไพรจำนวนไม่น้อยไว้ให้ วันนี้จึงนำมาส่งให้ ท่านดูว่ามีสิ่งใดใช้ได้หรือไม่ ถึงตอนนั้นจำไว้ว่าต้องใช้มัน นอกจากนี้ข้ายังอยากขออภัยท่าน ข้าเพิ่งทราบวันนี้เองว่าพ่อบ้านเปลี่ยนแบบชั้นตำราด้วยตนเอง ต้องขออภัยจริง ๆ”
“เป็นพ่อบ้านที่ตัดสินใจเองใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว ท่านตาของข้าโกรธเสียจนขายเขาออกไปแล้ว”
“เช่นนั้นช่างน่าสงสารจริง ๆ จวนเจียงของพวกท่านหาพ่อบ้านที่เหมาะสมไม่ได้แล้วหรือ?”
“หาพ่อบ้านดี ๆ ได้ยาก ต่อให้ฝึกฝนนาน ไม่ว่าเขาจะทำผิดอะไร จวนเจียงของเราไม่อาจแสร้งทำเป็นไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นได้ นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาควรรับผิดชอบ”
“เช่นนั้นจวนเจียงช่างชัดเจนกับการตบรางวัลและการลงโทษยิ่งนัก”
ชิวสุ่ยนำสิ่งของให้จื่อเยวี่ยน
“พี่หญิงท่านนี้ สมุนไพรที่เรานำมาล้วนเป็นชั้นดี ต้องเก็บรักษาให้ดี หากเก็บรักษาไม่ดี พวกมันจะสูญเสียประสิทธิภาพของตัวยา อย่างเช่นโสมร้อยปีนี้ ควรเก็บในกล่องเก็บรักษาโสมโดยเฉพาะ…”
จื่อเยวี่ยนฟังอย่างเงียบสงบด้วยรอยยิ้ม หลังจากชิวสุ่ยเอ่ยจบแล้ว จื่อเยวี่ยนก็เอ่ยว่า “น้องหญิงโปรดวางใจ โสมร้อยปีเก็บรักษาง่ายดายนัก ในร้านมีกล่องสำหรับเก็บรักษา ข้าเพียงแค่ไปซื้อมาเก็บสักกล่องก็ได้แล้ว”
“สาวใช้ของข้าผู้นี้มีอุปนิสัยร่าเริงยิ่งนัก พูดเรื่อยเปื่อยทั้งวันได้ไม่รู้จบ ทำให้ท่านขบขันแล้ว” เฉินซือจวินกล่าว
“ท่านควรอบรมสั่งสอนให้ดีเสียหน่อย มิใช่ให้มาสร้างความอับอายขายขี้หน้าอยู่ข้างนอก” ลู่ฉาวอวี่ผู้ที่เงียบมาโดยตลอดปิดหนังสือลงแล้วเอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทน “ท่านแม่ของข้าเดือดร้อนเพราะพวกท่าน นางได้รับบาดเจ็บสาหัส ควรพักผ่อนให้มาก หากไม่มีเรื่องสำคัญ พวกท่านก็ไปได้แล้ว”
“ฉาวอวี่” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงตำหนิ “แม่รู้ว่าเจ้าชอบความสงบเงียบ หากเจ้าอยากอ่านหนังสืออย่างสงบก็กลับไปอ่านในห้องตำราของตัวเอง กล่าวเช่นนี้กับแขกได้อย่างไร?”
หลังจากอบรมฉาวอวี่แล้ว นางก็หันกลับไปเอ่ยกับเฉินซือจวิน “ลูกของข้าคนนี้พูดจาโผงผาง ท่านอย่าได้ถือสาเขาเลย จะกล่าวไปแล้วก็ต้องโทษพ่อของเขา ตามใจเขาจนไร้ระเบียบกฎเกณฑ์เช่นนี้ ภายหน้าคงจะต้องมีสักคราที่เขาต้องร้องไห้เป็นแน่”
“จะเป็นไปได้อย่างไร? คุณชายน้อยดูไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป” เฉินซือจวินจิกฝ่ามือของตนเอง สีหน้าไม่สู้ดีนัก “ข้าไม่รบกวนแล้ว วันหลังค่อยมาเยี่ยมฮูหยิน”
“เอาเถิด” มู่ซืออวี่ยิ้มแย้มออกมา
จื่อเยวี่ยนส่งนายบ่าวสองคนนั้นกลับไป
ลู่ฉาวอวี่เบ้ปาก “สตรีผู้นั้นดื่มสุรา มิเสพรสชาติของสุรา*[1] เหตุใดท่านถึงใจกว้างเพียงนี้ ให้นางพูดพล่ามอยู่นั่น จะรอให้นางติดสอยห้อยตามท่านพ่อของข้า แล้วท่านค่อยเสียใจทีหลังหรือ?”
“เจ้าเป็นเด็กเป็นเล็ก เหตุใดถึงมีความคิดมากมายเพียงนี้?” มู่ซืออวี่ทานองุ่นไปพลาง “หากท่านพ่อของเจ้ามีใจ ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ ท่านตาของคุณหนูเฉินผู้นั้นคือเจียงเหล่า ผู้ที่กุมอำนาจในเมืองหลวง หากท่านพ่อของเจ้าพึ่งพาร่มเงาของเขา อนาคตในการเป็นขุนนางของเขาย่อมสดใส เกรงว่าในหมู่คนรุ่นเดียวกัน พ่อของเจ้าคงเก่งที่สุดแล้ว บุรุษใดที่มีใจทะเยอทะยาน ส่วนมากล้วนเลือกทางลัดนี้ คุณหนูเฉินผู้นี้ก็ไม่เลวเลย”
“ท่านรู้แบบนี้ยังกล้าให้นางเข้ามาใกล้ท่านพ่อของข้าหรือ?” ลู่ฉาวอวี่ไม่พอใจ “ท่านเชื่อใจท่านพ่อของข้ามากเพียงนั้นเลยหรือ?”
“ข้ามั่นใจในตนเอง” มู่ซืออวี่มองลู่ฉาวอวี่ “ลูกรักของข้า แม่จะสอนคำพูดหนึ่งให้เจ้าฟัง อย่าได้มอบโชคชะตาของตนไว้ในกำมือของผู้อื่น ไม่ว่าคนผู้นั้นจะสำคัญต่อเจ้าเพียงใด ในโลกนี้ผู้ที่ส่งผลกระทบต่อเจ้าได้ มีเพียงตัวเจ้าเท่านั้น ข้าและท่านพ่อของเจ้ารักใคร่กัน ภรรยาผู้เพียบพร้อมย่อมต้องพึ่งพาเขา เชื่อใจเขา อย่างไรก็ตาม หากเขาทำผิดต่อข้า ข้าก็จะต้องมีเบี้ยที่ข้าสามารถใช้ต่อรองได้”
ลู่อี้ยืนอยู่นอกประตู ฟังสตรีข้างในเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
เขาเดินไปยังหน้าต่าง มองดูสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจนั้นจากหน้าต่าง
นางแตกต่างจากสตรีในโลกใบนี้ ในแววตาของนางมีความมุ่งมาดอยู่ในนั้น เวลาที่นางออดอ้อนหรือแสดงท่าทีน่ารักเหมือนสตรีทั่วไปออกมา หัวใจของเขาก็แทบจะหลอมละลาย
ช่างเถิด เขานึกว่านางจะถูกเฉินซือจวินรังแก ที่ไหนได้ นางไม่รังแกผู้อื่นก็ดีแค่ไหนแล้ว
มู่ซืออวี่สั่งให้จื่อเยวี่ยนเก็บข้าวเก็บของที่คุณหนูเฉินซือจวินส่งมา
สมุนไพรได้รับการรับรองจากท่านหมอจูแล้วว่าไม่มีปัญหา นอกจากนี้ยังมีกล่องเงินกล่องหนึ่ง มีเงินอยู่ในนั้นถึง 200 ตำลึง
“ข้าเพิ่งกลับมายังเมืองฮู่เป่ย ได้ยินว่าหัวของท่านถูกทุบจนมีรู ให้ข้าดูซิว่ามีจริง ๆ หรือไม่” เจิ้งซูอวี้ยิ้มแล้วโน้มตัวเข้าไปดูบาดแผลของอีกฝ่าย
“อะไรของท่าน?” มู่ซืออวี่ผลักฝ่ามืออีกฝ่ายออก “ครั้งนี้เหตุใดจึงกลับมา?”
“อันที่จริงแล้ว เมืองซูโจวเป็นสถานที่ทำกิจการที่ดีจริง ๆ แต่กลับอยู่ห่างไกลจากเมืองฮู่เป่ยหลายวัน สื่อสารไม่สะดวกเท่าไหร่” เจิ้งซูอวี้สั่งให้จื่อซูรินน้ำให้นาง
จื่อซูรินน้ำให้หนึ่งถ้วย
เจิ้งซูอวี้จิบลงไปสองสามคำ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ระยะนี้กิจการของพวกเราเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ตอนนี้มีคำสั่งซื้อขนาดใหญ่เข้ามา ข้าไม่รู้ว่าควรรับไว้หรือไม่จึงกลับมาถามท่านดีกว่า จะได้กลับมาสร้างหลุมฝังศพให้แม่ข้าด้วย”
“คำสั่งซื้อใหญ่อะไร?”
“ท่านคงรู้จักจงอ๋องกระมัง?”
“รู้จัก”
เหตุใดจึงไปเกี่ยวข้องกับจงอ๋องผู้นั้นอีกแล้ว?
คำสั่งซื้อใหญ่ที่เจิ้งซูอวี้เอ่ยถึงคงไม่เกี่ยวข้องกับเขาใช่หรือไม่?
“จงอ๋องอยากสร้างเรือนอีกหลัง นั่นคือคำสั่งซื้อใหญ่ อีกฝ่ายมาหาข้า ต้องการให้ร้านของเรารับผิดชอบดูแลกล่องและตู้ข้างใน” เจิ้งซูอวี้กล่าวต่อ “ท่านรู้หรือไม่ว่ามันใหญ่เพียงใด ใหญ่แบบที่พวกเราไม่เคยเห็นเป็นแน่ จงอ๋องนับได้ว่าเป็นจักรพรรดิของที่นั่นแล้ว ท่านนั้นที่อยู่ในเมืองหลวงยังไม่สนใจเขา”
“ท่านอยู่ในเมืองซูโจวนานเพียงนี้ ไม่รู้นิสัยใจคอจงอ๋องหรือ? ท่านเคยได้ยินชื่อเสียงอันเลวร้ายของเขาหรือไม่? ผู้ใดมอบความกล้านี้ให้ท่าน ถึงกล้าทำการค้ากับจวนจงอ๋อง ช่างเถอะ ข้าไม่กล้าตอบตกลงหรอก”
“โธ่เอ๊ย เรื่องเหล่านี้ไม่ได้รับมอบหมายจากเขาเอง แต่เป็นจากคนใต้อาณัติเขา ความสัมพันธ์ของข้ากับพ่อบ้านรองของจวนอ๋องไม่เลว นี่เป็นโอกาสที่ยากจะได้รับเชียวนะ”
มู่ซืออวี่เห็นท่าทีกระตือรือร้นของเจิ้งซูอวี้ ก็คิดว่าคงต้องเปลี่ยนความเข้าใจที่นางมีต่ออีกฝ่ายใหม่เสียแล้ว
นางคิดว่านางรักเงินมากแล้ว กลับนึกไม่ถึงว่าจะพบคนที่ต้องการเงินมากกว่าชีวิตของตนเอง
นางฝังใจกับจงอ๋อง ไม่ต้องการเกี่ยวข้องอะไรกับเขาแล้วจริง ๆ
“ข้าจะบอกให้ หากรับคำสั่งซื้อนี้ เป็นไปได้ที่พวกเราจะได้เงินมากกว่าหมื่นตำลึงเงินเชียวนะ” เจิ้งซูอวี้โปรยเหยื่อล่ออีกครั้ง
มู่ซืออวี่ “…”
นับวันนางยิ่งได้รู้จักเจิ้งซูอวี้มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
หมื่นตำลึงเงินงั้นหรือ?
“ข้าจะปรึกษากับสามีของข้าก่อน” มู่ซืออวี่กล่าว “ท่านทำเรื่องของท่านให้เสร็จสิ้นก่อนค่อยว่ากัน”
[1] ดื่มสุรา มิเสพรสชาติของสุรา หมายถึง มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง