สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 288 คำสั่งซื้อนี้ รับไว้เถอะ
บทที่ 288 คำสั่งซื้อนี้ รับไว้เถอะ
บทที่ 288 คำสั่งซื้อนี้ รับไว้เถอะ
คืนนั้น มู่ซืออวี่เดินเข้ามาด้านหลังลู่อี้ บีบนวดไหล่ให้เขา
ลู่อี้ที่ยังอ่านเอกสารราชการอยู่เริ่มผ่อนคลาย ชายหนุ่มหลับตาลงเพลิดเพลินกับผลประโยชน์ที่ได้รับ
“ซูอวี้กลับมาแล้ว บอกว่ามีคำสั่งซื้อใหญ่ หากได้รับก็นับว่าเป็นโชคดีเลยทีเดียว เพียงแต่ข้าไม่สบายใจนัก ข้ามักจะรู้สึกว่าตนพยายามร้องขอหนังจากเสือ ข้าจึงอยากถามท่าน”
“ทำได้” ลู่อี้เอ่ยขึ้น
“ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าเป็นคำสั่งซื้ออะไร”
“เกี่ยวข้องกับจงอ๋องใช่หรือไม่?”
“ท่านรู้ได้อย่างไร?”
“ด้วยนิสัยของเจ้า หากเจ้าบอกว่า ‘ร้องขอหนังจากเสือ’ ย่อมต้องทำให้เจ้าเป็นกังวลทั้งยังหวาดกลัวอย่างแน่นอน คนที่ทำให้เจ้าหวาดกลัวถึงเพียงนี้มีเพียงจงอ๋อง ยิ่งไปกว่านั้น การที่จงอ๋องคิดจะสร้างเรือนหลังใหม่ไม่ใช่ความลับอะไร ผู้มั่งมีทั่วหล้าล้วนต้องการประจบเอาใจเขา ในฐานะที่เป็นนายอำเภอเมืองฮู่เป่ย ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร”
“ข้าไม่ประทับใจเมืองซูโจวนัก โดยเฉพาะจงอ๋อง จงอ๋องอยากสร้างเรือนอีกหลัง หากได้รับมา ต้องเป็นงานใหญ่แน่ ๆ รายได้ย่อมเป็นกอบเป็นกำ เพียงแต่เมื่อเทียบกับเงินแล้ว ข้าหวังให้ทุกคนปลอดภัยมากกว่า ข้าไม่อยากรับความเสี่ยงนี้”
“ข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับจงอ๋อง” ลู่อี้เอ่ยขึ้น “ตอนนี้เขายังใช้ประโยชน์จากข้าได้ เขาไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากใจแน่นอน”
“ท่านทำงานให้เขาหรือ? แต่เขาเป็นคนเช่นนั้น…”
ลู่อี้ดึงมือมู่ซืออวี่มากุม กระชับนางเข้ามาในอ้อมกอดของตน
มู่ซืออวี่นั่งลงบนตักลู่อี้ คล้องแขนขึ้นรอบคอเขา ใบหน้าเท่าฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยความไม่ยินดี
“ท่านก็รู้ว่าข้ากลัวเขา แต่ท่านยังถลำลึกไปเกี่ยวข้องกับเขาอีก นั่นเป็นถึงองค์ชายเชียวนะ อีกทั้งยังเป็นองค์ชายที่ถูกขับไล่ออกจากเมืองหลวง ท่านไม่กลัวถูกดึงเข้าไปพัวพันหรือ?”
“จงอ๋องไม่มีฐานอำนาจที่จะแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ไม่มีผู้ใดเก็บเขามาใส่ใจ แม้แต่เจียงเหล่าที่อยู่ที่นี่” ลู่อี้กล่าว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจียงเหล่าเป็นคนของผู้ใด?”
มู่ซืออวี่ส่ายหน้า
“ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมีพระชนมพรรษามากแล้ว องค์รัชทายาทกำลังรุ่งโรจน์ ทว่าองค์รัชทายาทผู้นี้ไม่เด็ดเดี่ยวพอ ไม่ใช่องค์ชายที่เขาปรารถนา บุตรสาวคนรองของเจียงเหล่าแต่งงานกับหย่งอ๋อง เจียงเหล่าย่อมเป็นคนของหย่งอ๋อง”
“เหตุใดท่านจึงบอกเรื่องเหล่านี้กับข้า? ข้าไม่เข้าใจสิ่งใดเกี่ยวกับราชสำนักเลย”
“ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ข้าเพียงแต่อยากบอกเจ้าไว้” ลู่อี้จูบลงบนริมฝีปากนาง “หากเป็นสตรีธรรมดาทั่วไป แน่นอนว่าข้าย่อมไม่บอกเรื่องน่าเบื่อเหล่านี้กับเจ้า เพียงแต่เจ้าไม่ใช่สตรีธรรมดาสามัญ”
“เช่นนั้นที่ท่านกลายมาเป็นนายอำเภอ เป็นจงอ๋องที่ช่วยท่าน หรือว่าเป็นเจียงเหล่าที่ช่วยท่าน?”
“เจียงเหล่า” ลู่อี้ตอบ “เขาต้องการให้ข้าช่วยทำเรื่องหนึ่งให้เขา หากข้ากลายเป็นนายอำเภอ ข้าย่อมช่วยเขาได้มากขึ้น”
“หลานสาวคนนั้นของเขาปฏิบัติต่อท่านพิเศษกว่าผู้อื่น หากเขาต้องการใช้สอยท่าน ก็ควรยกหลานสาวให้แต่งงานกับท่าน เช่นนี้จะได้ชนะใจคน”
ลู่อี้ยิ้มบาง ๆ “ไม่มีทาง หากข้าทนสิ่งเย้ายวนไม่ไหว แม้แต่ภรรยาที่ผูกผมร่วมกันยังละทิ้งได้ ด้วยนิสัยหวาดระแวงของเขาแล้ว เกรงว่าข้าจะยิ่งใช้ไม่ได้ ตราบใดที่ข้าไม่คิดจะแต่งงานกับนาง เขาย่อมไม่บังคับข้า”
หลังจากได้รับความเห็นชอบจากลู่อี้ เมื่อเจิ้งซูอวี้มาถามนางเรื่องนี้อีกครั้ง นางจึงตอบรับไปโดยตรง
“ดีจริงเชียว” เห็นได้ชัดว่าเจิ้งซูอวี้ยินดีกับผลลัพธ์มากเพียงใด “ข้านึกว่าท่านจะไม่รับปาก ไม่ยอมรับคำสั่งซื้อใหญ่นี้ แต่ท่านกลับยอมรับแล้วจริง ๆ ข้าดีใจเหลือเกิน เงินตั้งเท่าไหร่ หากได้รับเงินก้อนนี้ ไม่เพียงข้าและท่านเท่านั้น กระทั่งคนงานเหล่านั้นที่เราจ้างก็มีชีวิตดีขึ้นได้”
“คำสั่งซื้อใหญ่เช่นนี้ ท่านคิดว่าพวกเจี่ยงจงจะทำเสร็จทันหรือไม่?”
“ไม่ทันแน่นอน หากรับคำสั่งซื้อมาแล้ว ท่านต้องไปรับผิดชอบด้วยตัวเอง”
“เอาเถอะ ข้ารู้แล้ว”
“อะไรกัน ท่านไม่อยากแยกจากใต้เท้าลู่สินะ”
“ไม่ยินดีจริง ๆ นั่นแหละ ทว่าซูโจวอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก อยากกลับก็ยังสามารถกลับมาได้”
เจิ้งซูอวี้อยากกลับไปเยี่ยมหลุมฝังศพมารดาตน มู่ซืออวี่จึงไปซื้อของที่ต้องใช้ในการไปเยี่ยมหลุมฝังศพด้วยกัน จากนั้นจึงตามนางไปยังสุสานบรรพบุรุษตระกูลเจิ้ง
“เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร?” เจิ้งซูอวี้เห็นหลุมฝังศพที่อยู่ตรงนั้นหายไป สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนฉับพลัน
“เช่นนั้นย่อมต้องไปถามท่านพ่อของท่านแล้ว”
เจิ้งซูอวี้หมุนตัวกลับ สาวเท้าจากไปทันที
เมื่อพวกเขามาถึงบ้านตระกูลเจิ้ง บ่าวรับใช้ตระกูลเจิ้งกลับไม่ยอมให้เจิ้งซูอวี้เข้าไป
“ข้าอยากพบท่านพ่อของข้า” เจิ้งซูอวี้เอ่ยขึ้น “ไม่ให้ข้าเข้าไปก็ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ไปเรียกนายท่านรองเจิ้งออกมา ข้ามีเรื่องต้องพบเขา”
“นายท่านรองไม่อยู่”
“เช่นนั้นเขาอยู่ที่ใด?”
“น้องหญิง…” เสียงนุ่มละมุนเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
จากนั้นเจิ้งซินเยว่ก็เดินออกมาจากด้านใน
“ข้านึกว่าข้ามองผิดไป ที่แท้ก็เป็นน้องหญิงจริง ๆ น้องหญิงเป็นอะไรไปหรือ? แม้จะตัดขาดกับตระกูลเจิ้งแล้ว ก็ยังวิ่งมาโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าตระกูลเจิ้งเช่นนี้อีก ทำคนแก่คนเฒ่าในตระกูลปวดใจจริง ๆ”
“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว เช่นนั้นข้าถามเจ้าก็ได้” เจิ้งซูอวี้มองเจิ้งซินเยว่ “หลุมศพของท่านแม่ข้าเล่า?”
“ที่แท้เพราะเหตุนี้เองหรือ” เจิ้งซินเยว่ยกยิ้มบาง ๆ “ท่านย่าบอกว่าเจ้าอกตัญญู ท่านแม่ของเจ้าให้กำเนิดของอกตัญญูออกมา ไม่อนุญาตให้อยู่ในสุสานบรรพบุรุษตระกูลเจิ้ง ศพถูกโยนไปไว้ในสุสานหมู่แล้ว”
“อะไรนะ?” เจิ้งซูอวี้แทบจะหยุดหายใจ นางสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
“คุณหนูเจ้าคะ” ชิวซวงพยุงเจ้านายไว้
มู่ซืออวี่เอ่ยถามเบา ๆ “นายท่านรองยินยอมแล้วหรือ?”
“เหตุใดท่านอารองจะไม่ยินยอมเล่า? อนุของเขาตั้งครรภ์บุตรให้เขาแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กชายด้วย” แววตาของเจิ้งซินเยว่ส่อแววมุ่งร้าย
“เจิ้งซินเยว่ หากข้าตรวจสอบออกมาได้ว่าเจ้ากล้าโกหกข้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่” เจิ้งซูอวี้จับแขนชิวซวง “พวกเราไปเถอะ”
มู่ซืออวี่หันกลับมาปรายตามองเจิ้งซินเยว่ “คุณหนูใหญ่เจิ้ง ตระกูลเจิ้งใจไม้ไส้ระกำไม่รู้คุณคนเช่นนี้ ระวังกรรมจะตามสนอง คอยดูเถอะ!”
“ฮูหยินลู่ ข้ารู้ว่าสามีท่านเป็นนายอำเภอ ทว่าล่วงเกินพวกเราตระกูลเจิ้งเช่นนี้ ระวังสามีของท่านจะลำบาก ท่านฉลาดหน่อยเถอะ!” เจิ้งซินเยว่เดินกลับเข้าไปทันที
เจิ้งซูอวี้ถูกก่อกวนจนโมโห นางกลับไปยังเรือนลู่เพื่อสงบจิตใจเสียก่อน
ส่วนมู่ซืออวี่ส่งบ่าวรับใช้สองสามคนออกไปสอบถามข่าวคราว
ในเมื่อตระกูลเจิ้งขุดหลุมศพ ย่อมง่ายดายต่อการสืบหาข่าว
ไม่นานนัก บ่าวรับใช้ก็นำข่าวกลับมา
“เขาโยนร่างของแม่ข้าไว้ในสุสานหมู่จริง ๆ หรือ?” เจิ้งซูอวี้ใช้เสาข้างกายพยุงตัวไว้แล้วเอ่ยถาม
“เดิมทีสุสานหมู่ไม่มีคนเฝ้ามาก่อน ทว่าหลังจากนายท่านเข้ารับตำแหน่ง จึงมีการปรับเปลี่ยนสุสานหมู่เล็กน้อย ตอนนี้ที่นั่นมีคนคอยเฝ้าระวัง บางทีเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่อาจจะเคยเห็นร่างของฮูหยินรองเจิ้ง” บ่าวรับใช้คนนั้นกล่าว
“จริงหรือ?” เจิ้งซูอวี้ถามอย่างร้อนใจ
“ขอรับ”
มู่ซืออวี่ไม่วางใจ นางตามเจิ้งซูอวี้ไปที่สุสานหมู่ด้วยกัน
เมื่อเห็นหลุมฝังศพที่จัดการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คนที่ตามมาด้วยล้วนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
คนเฝ้าสุสานเห็นคนหลายคนมาก็เข้ามาถามว่ามาทำอะไรที่นี่ เจิ้งซูอวี้อธิบายเหตุผลให้ฟัง คนผู้นั้นจึงพานางไปยังหลุมฝังศพของฮูหยินรองเจิ้ง
ตรงป้ายหลุมฝังศพเขียนไว้ว่าฮูหยินรองเจิ้ง
“เดิมทีข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่านี่เป็นศพของผู้ใด บ่าวรับใช้เฒ่าของตระกูลเจิ้งบอกว่าเป็นฮูหยินรองของจวนพวกเขา ทั้งยังจ่ายเงินเพื่อสลักป้ายหลุมศพให้เป็นการพิเศษด้วย”
“ดูเหมือนว่าตระกูลเจิ้งจะไม่ได้มีแต่คนใจคอโหดเหี้ยม บ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ยังเชื่อถือได้กว่าคนที่บอกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันเหล่านั้น” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “ท่านแม่ของท่านไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงลำพัง นี่ยิ่งดีกว่าอยู่ในสุสานเก่าแก่แต่เย็นเยือกของตระกูลเจิ้งไม่ใช่หรือ?”
เจิ้งซูอวี้มองป้ายหลุมฝังศพของมารดาแล้วเอ่ยขึ้น “ซืออวี่ ข้าจะต้องปีนป่ายขึ้นไป ให้ตระกูลเจิ้งเสียใจที่พวกเขาทำกับข้าเช่นนี้”