สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 310 เอ่ยถึงเรื่องการงานแต่งงานของเจ้า
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 310 เอ่ยถึงเรื่องการงานแต่งงานของเจ้า
บทที่ 310 เอ่ยถึงเรื่องการงานแต่งงานของเจ้า
บทที่ 310 เอ่ยถึงเรื่องการงานแต่งงานของเจ้า
หลังจากที่เหวินอี้กลับมา เขาก็ได้ยินว่ามู่ซืออวี่เรียกหาจึงเข้าไปในห้องตำราของนาง
“ฮูหยิน…”
“เข้ามา”
เหวินอี้ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไป
“ฮูหยินเรียกหาข้าหรือ?”
“เจ้าเข้ามาดูว่าภาพนี้เป็นอย่างไร” มู่ซืออวี่เรียกเขาไปหา
เหวินอี้เข้าไปดูใกล้ ๆ แล้วก็อุทานออกมา “สวยยิ่งนัก”
“จงอ๋องอยากสร้างเรือนหลังใหม่ คำสั่งซื้อนี้ซูอวี้รับมาแล้ว อีกไม่กี่วันข้าจะไปเมืองซูโจว เจ้าอยากไปกับข้าหรือไม่?” มู่ซืออวี่ถาม “ภาพแบบนี้เป็นเพียงมุมของเรือนเท่านั้น ยังไม่สมบูรณ์นัก”
เหวินอี้ชะงักงัน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าก็ไม่ได้กลับไปดูที่บ้านนานแล้ว ถึงแม้ข้าจะไม่มีครอบครัวอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ยังคิดถึง อีกทั้งเรือนย่อยของจงอ๋องครั้งนี้เป็นงานใหญ่ ข้าอยากเข้าร่วมขอรับ”
“เช่นนั้นเจ้ายินดีไปแล้วหรือ?”
“ขอรับ”
มู่ซืออวี่พยักหน้า “ดี เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้แล้ว”
“ฮูหยินยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่ขอรับ?” เหวินอี้กล่าว “หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว เช่นนั้นข้าจะไปทำอย่างอื่นแล้วนะขอรับ”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “ตอนนี้เจ้าเป็นคนงานของข้า ข้าควรดูแลเรื่องของเจ้าสักหน่อย คืออย่างนี้ อายุอานามของเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว เจ้าเคยคิดเรื่องแต่งงานหรือไม่?”
เหวินอี้ “…”
ครั้งก่อนมู่ซืออวี่ก็เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ไปแล้ว ทว่าในตอนนั้นเขาปฏิเสธ นางจึงไม่ได้กล่าวถึงอีก บัดนี้นางเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง จะต้องมีเหตุผลอะไรเป็นแน่
หรือว่า…
“ฮูหยินมีอะไรจะเอ่ยก็เอ่ยออกมาเถอะขอรับ” เหวินอี้กล่าว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะกล่าวตามตรง ข้าเห็นเจ้าเข้าออกเรือนวสันต์หลายครั้งหลายครา ข้าคิดว่าอายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว หากเริ่มสร้างครอบครัวคงไม่ยุ่งยากถึงเพียงนั้นแล้ว ใช่หรือไม่?”
มู่ซืออวี่ไม่เล่นทายปริศนาอีกต่อไปแล้ว นางเจาะหน้าต่างกระดาษ*[1]ทันที
เหวินอี้นิ่งงันไปชั่วขณะ ไม่นานรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าขี้โรคของเขา
“เรือนวสันต์มีแม่นางผู้หนึ่งนามว่าตู้เจวียน นางเป็นสาวใช้อยู่ในนั้น ไม่นานมานี้นางถูกแม่เล้าบังคับให้รับแขก ข้ามาจากหมู่บ้านเดียวกันกับนาง ข้าเพียงแค่อยากช่วยเหลือนางให้ได้มากที่สุด ข้าจึงซื้อนาง เราเป็นเพียงคนหมู่บ้านเดียวกัน ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ถูกขนบธรรมเนียมแน่นอนขอรับ”
มู่ซืออวี่ประหลาดใจ นางนึกไม่ถึงว่าความจริงจะเป็นเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม เดิมทีร่างกายของเหวินอี้ก็กระเสาะกระแสะอยู่แล้ว หมู่นี้สภาพของเขายังราวกับถูกดูดไปหมดเนื้อหมดตัว นางจะเข้าใจผิดก็ไม่แปลก
“จะไถ่ตัวนางต้องใช้เงินมากน้อยเพียงใด?” มู่ซืออวี่ถาม “ข้าจะให้เจ้ายืม เจ้ามีแล้วค่อยคืนให้ข้า เจ้าจะได้ไม่ต้องไป ๆ มา ๆ หากเจ้าต้องวิ่งไปมาอยู่เช่นนี้ กังวลจริง ๆ ว่าวันหนึ่งเจ้าจะเป็นลมล้มพับไป”
“ขอบคุณฮูหยินขอรับ” เหวินอี้ประกบมือขอบคุณ
ความจริงเผยออกมาแล้ว เรื่องนี้ก็นับว่าจัดการไปเปราะหนึ่งแล้ว ในที่สุดหินก้อนใหญ่ในใจของมู่ซืออวี่ก็คลายลงเสียที
เมื่อเหวินอี้กลับมา มู่ซืออวี่จึงสอบถามเขาโดยเฉพาะว่าเรื่องนี้เขาจัดการเรียบร้อยแล้วหรือไม่
“แม่นางตู้เจวียนถูกเถ้าแก่เจ้าของกิจการผู้หนึ่งไถ่ตัวไปแล้วขอรับ ข้าช้าไปหนึ่งก้าว “เหวินอี้ถอนหายใจ “แต่ข้าได้ยินว่าเถ้าแก่เจ้าของกิจการคนนั้นเป็นคนไม่เลว หากเป็นเช่นนี้ก็ดีขอรับ”
“บังเอิญจริงเชียว”
“นั่นสิขอรับ บางทีอาจเป็นเพราะโชคชะตากำหนดไว้แล้ว” เหวินอี้เอ่ยขึ้น “แม่นางตู้เจวียนเป็นคนจิตใจดี ตอนที่นางยังเป็นสาวใช้ นางเคยช่วยเหลือเถ้าแก่ท่านนั้นไว้ พอเขาพบนางอีกครั้งก็อยากตอบแทนบุญคุณของนาง”
“นี่เรียกว่าเป็นคนดีย่อมได้รับผลดีตอบแทนกระมัง”
ระหว่างงานชุมนุมผู้มีความสามารถด้านวรรณศิลป์ มู่ซืออวี่มอบตั๋วสมาชิกออกไปหลายใบ ฮูหยินเหล่านั้นต่างอยากได้เครื่องเรือนสั่งทำ งานช่วงนี้จึงมีมากมายก่ายกองเป็นภูเขาเลากาเลยทีเดียว
แต่โชคยังดี คนงานที่รับมาก่อนหน้านี้ฝีมือเริ่มใช้ได้บ้างแล้ว งานไม้ง่าย ๆ ยังพอทำได้ ลดแรงกดดันไปได้ไม่น้อย
“ซืออวี่…”
หญิงชราคนหนึ่งขวางทางมู่ซืออวี่ที่กำลังจะออกไปเอาไว้ ยามที่เอ่ยเรียกหญิงสาวนั้นเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ใบหน้าพกพารอยยิ้มประจบประแจงมาด้วย
เมื่อมู่ซืออวี่เห็นคนผู้นั้น สีหน้าของนางพลันเฉยชาขึ้นมา “มีอะไร?”
“ซืออวี่ ข้านำไข่มาให้เจ้านิดหน่อย ทั้งหมดเป็นไข่ที่ฟักจากไก่บ้านเราเอง เจ้าดูสิ”
“ไม่ต้องล่ะ”
มู่ซืออวี่ปฏิเสธ จื่อซูจึงไปยืนบังหน้านาง กันตัวแม่เฒ่าเจียงไว้
“เจ้ารับไปเถอะ ล้วนแต่เป็นไข่จากบ้านข้า แต่ละฟองโต ๆ ทั้งนั้น น่าอร่อยมากเชียวนะ ซืออวี่ ข้าเป็นย่าของเจ้า เจ้ายังขุ่นเคืองข้าอยู่อีกหรือ?”
ไม่ได้พบหน้าเพียงเวลาสั้น ๆ แม่เฒ่าเจียงดูแก่ลงยิ่งกว่าเดิมมาก
ทว่าเมื่อดูจากการแต่งกายของนางแล้ว นางคงมีชีวิตที่ดีไม่น้อย
ด้วยอุปนิสัยของแม่เฒ่าเจียงแล้ว หากมีชีวิตที่ดีจริง ๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะมาประจบเอาใจคนอื่น ถึงแม้ตอนนี้มู่ซืออวี่จะเป็นฮูหยินนายอำเภอก็ตาม
หากอยากประจบจริง ๆ คงมาหานางตั้งแต่ที่ลู่อี้เป็นนายอำเภอ ไม่ใช่รอมาจนกระทั่งตอนนี้ จากการวิเคราะห์นี้ แน่นอนว่าแม่เฒ่าเจียงไม่มีเรื่องย่อมไม่มาหา ต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น และจะต้องเป็นปัญหาที่ยุ่งยากมากเป็นแน่
“ท่านอย่าได้เสียเวลา” มู่ซืออวี่เอ่ยนิ่ง ๆ “ข้าไม่มีทางช่วยท่าน”
“เจ้ายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงจะไม่ช่วยข้าแล้ว” แม่เฒ่าเจียงอ้อนวอน “เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับเจ้า แค่เพียงกล่าวไม่กี่คำก็เรียบร้อยแล้ว เจ้ารับปากข้าเถอะ!”
“ข้ายุ่งมาก ไม่ว่าง”
แม่เฒ่าเจียงนั่งลงบนพื้นแล้วเริ่มร้องไห้ฟูมฟายออกมา “สวรรค์ ท่านให้ฟ้าผ่าลงมาฟาดข้าให้ตายเถอะ พอหลานสาวเป็นฮูหยินนายอำเภอก็ไม่สนใจไยดีชีวิตของย่าแล้ว ชีวิตข้าจะมีความหมายอะไรกัน สวรรค์ ท่านเบิ่งตาดูเอาเถอะ ข้าอยู่มาแก่ปูนนี้แล้วยังถูกหลานสาวแท้ ๆ รังแกอีก พอเป็นฮูหยินของนายอำเภอก็ไม่รู้จักญาติยากไร้ ไม่นับถือย่าจน ๆ คนนี้แล้ว…”
คนที่สัญจรไปมาใช้สายตาแปลก ๆ มองภาพตรงหน้า
นับแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน การมองดูความครึกครื้นเป็นสิ่งที่ทุกคนชื่นชอบ ดังนั้นภายในไม่กี่นาทีคนก็แห่กันมามุงดู
“ทำอย่างไรดีเจ้าคะ? ฮูหยิน” จื่อเยวี่ยนถาม “กล่อมให้นางสงบลงก่อน ค่อยหาทางไล่นางไปดีหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่ต้องไปสนใจนาง” มู่ซืออวี่เดินหนีไป
แม่เฒ่าเจียงลุกขึ้นคิดจะไล่ตามไป ทว่าถูกจื่อซูขวางไว้
จื่อซูมีพละกำลังแข็งแรง นางสามารถรับมือกับบุรุษสามคนได้โดยไม่มีปัญหา นับประสาอะไรกับหญิงชรานางหนึ่ง
“จื่อเยวี่ยน เจ้าไปที่ศาลาว่าการ ตรวจสอบดูซิว่ามีผู้ใดในครอบครัวมู่มีเรื่องหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
รถม้าเคลื่อนออกไปไกลแล้ว แม่เฒ่าเจียงย่อมตามไม่ทัน
นางมอง ‘เรือนกรุ่นฝัน’ ตรงหน้า ทว่าเมื่อนางกำลังจะเข้าไปกลับถูกคนขวางเอาไว้
เฟิงเจิงและคนอื่น ๆ ต่างเคยเห็นความหน้าหนาไร้ยางอายของแม่เฒ่าเจียงแล้ว ย่อมไม่มีทางปล่อยให้นางเข้าไป
ผู้คนที่มามุงดูไม่เห็นละครดี ๆ เปิดฉากขึ้นสักที สุดท้ายจึงส่งเสียงดูถูกแล้วแยกย้ายกันไป
แม่เฒ่าเจียงกำตะกร้าไม้ไผ่แน่นพลางเอ่ยพึมพำกับตนเอง “จะต้องมีสักวิธีเป็นแน่! นังเด็กคนนี้จะต้องมีจุดอ่อนอะไรสักอย่างสิ”
อีกฝั่งหนึ่ง จื่อเยวี่ยนรีบไปสอบถามข่าวคราว แล้วกลับมารายงานมู่ซืออวี่ทันที
“มู่เจิ้งอี้แต่งงานกับสตรีจากหอนางโลมผู้นั้นจริง ๆ หรือ?” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ
“ใช่เจ้าค่ะ เดิมทีเขามีสัญญาหมั้นหมายแต่งงานอยู่กับอีกครอบครัวแล้ว ทว่าหลังจากเขารับสตรีหอนางโลมผู้นั้นกลับไป ครอบครัวที่จะต้องแต่งงานกับเขาจึงอยากถอนหมั้น พี่ชายครอบครัวนั้นเป็นคนโมโหร้าย ตีเขาปางตาย เรื่องเป็นเช่นนี้แล้วก็นับว่าแล้วกันไป ทว่ามู่เจิ้งอี้กลับคิดแค้น สั่งคนไปทำให้ความบริสุทธิ์ของแม่นางคนนั้นแปดเปื้อน แต่มีคนช่วยเอาไว้ได้ทัน แม่นางผู้นั้นก็ไม่เป็นอะไร แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ พี่ชายคนนั้นจึงร้องเรียนกับทางการเจ้าค่ะ”
“นักการเกานำคนไปจับเขา เขาถูกขังคุกทันทีโดยไม่แม้แต่จะได้รับการไต่สวน หลังจากหาหลักฐานทั้งหมดพบ นายท่านจึงตัดสินจำคุกเขาห้าปีทันทีเจ้าค่ะ”
“สมควร!” มู่ซืออวี่รู้สึกขยะแขยงขึ้นมา “ทำเรื่องเช่นนี้ยังจะกล้ามาขอความช่วยเหลือ ผู้ใดจะยังไว้หน้าอีก?”
[1] เจาะหน้าต่างกระดาษ หมายถึง อธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้กระจ่างแจ้ง