สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 323 งานมงคลในหมู่บ้าน
บทที่ 323 งานมงคลในหมู่บ้าน
บทที่ 323 งานมงคลในหมู่บ้าน
หวังซื่อไม่อยากยอมรับ แต่ก็รู้เช่นกันว่าคนข้าง ๆ กล่าวไม่ผิด
แม่เฒ่าเจียงล่วงเกินลู่อี้ ท้ายที่สุดแล้วเกิดอะไรขึ้น ทุกคนล้วนรู้เห็นกับตา
ชาวบ้านผู้ที่กลับมาจากในเมืองวันที่แม่เฒ่าเจียงถูกเนรเทศกล่าวว่า แม่เฒ่าเจียงไม่มีลิ้นอีกแล้ว นางอายุมาก แต่ก็ยังถูกเนรเทศไปยังสถานที่ห่างไกล ชั่วชีวิตนี้ย่อมไม่อาจกลับมาได้อีก
ไม่ว่าหวังซื่อจะอิจฉาคนครอบครัวลู่เพียงใด อย่างไรก็รู้ดีว่าหากเวลานี้ตนไปยั่วยุพวกเขาอีก นั่นเท่ากับว่ารนหาที่ตายแล้วจริง ๆ
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านรู้เหตุผลที่พวกเขากลับมา เขาก็ปลื้มปีติเป็นอย่างมาก
ท่านหมอจูสร้างประโยชน์ให้กับหมู่บ้านนี้มากมาย ส่วนลูกสาวและลูกเขยของถงซื่อคือสัญลักษณ์ของหมู่บ้านที่ยังมีชีวิต ไม่ว่าโดยส่วนรวมหรือโดยส่วนตัว หัวหน้าหมู่บ้านย่อมยินดีที่จะเห็นงานแต่งครั้งนี้ลุล่วงไปด้วยดี
ด้วยความช่วยเหลือของชาวบ้าน งานแต่งจึงดำเนินไปอย่างราบรื่น
มู่ซืออวี่มองถงซื่อกราบไหว้ฟ้าดินจากฝูงชน นางเอ่ยกับมู่เจิ้งหานที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “เห็นมารดาเข้าพิธีแต่งงานกราบไหว้ฟ้าดินแล้วรู้สึกอย่างไร?”
“ท่านพี่ ท่านอย่าทำเป็นเล่นไป” มู่เจิ้งหานเอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เอาล่ะ เจ้าอย่าได้ไม่พอใจ” มู่ซืออวี่ตบบ่ามู่เจิ้งหานดังแปะ ๆ “เทียบกับมู่ต้าซานแล้ว ท่านหมอจูพ่อเลี้ยงคนนี้ดีกว่ามากนัก ตอนนี้เจ้ามีท่านพ่อที่รักเจ้าแล้ว นี่เป็นเรื่องดีนะ เจ้าว่าจริงหรือไม่?”
“ข้าไม่ได้ไม่พอใจ แต่ข้ามีความสุขกับท่านแม่ หลายปีมานี้นางเหน็ดเหนื่อยมามากพอแล้ว ท้ายที่สุดบัดนี้ก็ขมสิ้นหวานตามเสียที ข้าตัดสินใจแล้ว ภายหน้าท่านหมอจูก็คือท่านพ่อแท้ ๆ ของข้า ต่อไปข้าจะเคารพนับถือเขา”
“เช่นนี้ก็ถูกแล้ว”
ในหมู่บ้านมีงานใหญ่โตถึงเพียงนี้ ถังซื่อและมู่ต้าไห่ย่อมได้ยินข่าว ผู้อื่นอาจประจบประแจงลู่อี้ได้ แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ ไม่ว่าจะเยินยอประจบเอาใจลู่อี้เพียงใด คงทำได้เพียงทำให้ตนเป็นที่ขบขันแล้ว พวกเขาจึงได้แต่หลบซ่อนอยู่ในบ้าน คอยแช่งชักหักกระดูกครอบครัวลู่อี้
อีกด้านหนึ่ง ยังมีอีกคนที่คอยจับจ้องไปทางบ้านของท่านหมอจูด้วยความตกตะลึง คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นมู่ต้าซาน
มู่ต้าซานแต่งงานกับหนิวเหมย สาวทึนทึกหน้าตามีตำหนิผู้นั้น เพราะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากเขาหายดีแล้วไม่สามารถทำงานหนักได้ เขาจึงกลายเป็นเขยแต่งเข้าของครอบครัวหนิวเหมย
หนิวเหมยกลับมาพร้อมไม้ฟืนบนหลังนาง เมื่อเห็นมู่ต้าซานจ้องมองไปทางประตูบ้านหลังนั้นด้วยสีหน้าว่างเปล่า จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านจ้องอะไรน่ะ?”
“ข้าคิดว่าเจ้าใกล้จะกลับมาแล้ว ก็เลยออกมารับเจ้าโดยเฉพาะ” มู่ต้าซานเอื้อมมือไปช่วยหนิวเหมยปลดฟืนที่นางแบกอยู่ออกมาถือไว้เอง
หนิวเหมยพลันรู้สึกโล่งใจ นางเอ่ยกับมู่ต้าซานว่า “ท่านรักใคร่ทะนุถนอมข้า ข้าก็รักใคร่ทะนุถนอมท่านเช่นกัน ภายหน้าชีวิตของเราจะดียิ่งขึ้นไป หากท่านอยากได้ลูกชาย ข้าก็จะช่วยคลอดให้ท่าน”
“ดี ๆ” มู่ต้าซานรับคำ
“วันนี้ภรรยาเก่าคนนั้นของท่านแต่งงานแล้ว เดิมทีพวกเขาเชิญครอบครัวเราแล้ว เพียงแต่ข้าเกรงว่าท่านจะรู้สึกอึดอัดจึงไม่ได้ตอบรับไป แต่ข้า หนิวเหมยผู้นี้พึ่งพาความสามารถเลี้ยงปากท้องตนเอง ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพาพวกเขา ท่านก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพวกเราจะไปล่วงเกินพวกเขา”
“อืม” มู่ต้าซานเอ่ยขึ้นมา “หิวแล้วกระมัง ข้าเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว”
หนิวเหมยพึงพอใจมากแล้ว
นางเพียงแค่ต้องการสามีที่ว่านอนสอนง่าย มู่ต้าซานนั้นถึงแม้จะอายุมากหน่อย ทว่าเขาเชื่อฟังนาง อีกทั้งไม่รังเกียจที่นางอัปลักษณ์ ชีวิตมีสหายร่วมทุกข์ร่วมโศกก็ดีเช่นกัน หากเวลาผ่านไปสักพักมีลูกสักคน เช่นนั้นก็นับได้ว่าสมบูรณ์แล้ว
ความครื้นเครงยินดีในหมู่บ้านดำเนินต่อไปจนถึงยามเย็น กระทั่งค่ำคืนเงียบสงัดมาเยือน เสียงสับเปลี่ยนถ้วยชามจึงค่อย ๆ เลือนหายไป
มู่ซืออวี่และคนอื่น ๆ กลับไปที่บ้าน ก่อกองไฟในหมู่บ้านชนบท ย่างเนื้อพลางชมพระจันทร์ยามราตรี
ตั้งแต่ลู่อี้มาเป็นนายอำเภอ นานแล้วที่ครอบครัวของพวกเขาไม่ได้รวมตัวกันอย่างผ่อนคลาย ดื่มด่ำกับสายลมยามค่ำคืนชื่นชมดวงจันทร์ และกินเนื้อย่างไปพลางเช่นนี้
วันต่อมา ลู่อี้กลับเข้าไปในเมืองตั้งแต่เช้าตรู่
มู่ซืออวี่ไม่รีบร้อน นางพาเด็ก ๆ พักในหมู่บ้านต่ออีกสองสามวัน
ปัง ๆๆ!
เสียงเคาะประตูบ้านหัวหน้าหมู่บ้านดังขึ้น
หัวหน้าหมู่บ้านและภรรยามองมู่ซืออวี่ที่ราวกับกำลังแสดงมายากลอยู่หน้าประตู นางทาสีตู้ที่เดิมทีที่ทรุดโทรมเต็มทนเสียใหม่เอี่ยม ยิ่งใช้ไม้ใหม่ร่วมด้วย ก็กลายเป็นตู้ที่ให้ความรู้สึกสง่างามแบบโบราณขึ้นมา
“รบกวนเจ้ามากแล้วจริง ๆ”
มู่ซืออวี่ปาดเหงื่อของนางออก จากนั้นจึงมองตู้ที่อยู่ตรงหน้า
“ไม้ที่ใช้ทำตู้ใบนี้ค่อนข้างหายาก เป็นสินเดิมของท่านอาหญิงหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้นมา “ดูจากสินเดิมแล้ว พื้นเพสกุลเดิมของท่านอาหญิงคงดีไม่น้อย ไม่เช่นนั้นคงไม่มีของดีเช่นนี้เป็นสินเดิม”
หัวหน้าหมู่บ้านหัวเราะฮ่าฮ่าแล้วตอบว่า “ปิดบังสายตาของเจ้าไม่ได้จริง ๆ ตอนนั้นที่บ้านอาหญิงของเจ้าร่ำรวย สามารถหาสามีที่เงื่อนไขดีกว่าข้าได้มากมาย เพียงแต่นางกลับมาตกหลุมรักข้า”
ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านส่งเสียงฮึกับคำพูดของหัวหน้าหมู่บ้านหนึ่งที แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าแดงเรื่อ “แก่แล้วยังไม่รู้จักอาย ยังมาเยาะเย้ยข้าอีก หากไม่ใช่เพราะท่านเทียวผ่านหน้าบ้านข้าทุกวัน อีกทั้งยังปักดอกไม้ไว้ที่นั่นทุกครั้งที่ผ่าน ข้าจะสนใจท่านได้หรือ?”
“หัวหน้าหมู่บ้าน เหตุใดท่านจึงได้เก่งเรื่องสร้างบรรยากาศชวนฝันเช่นนี้” มู่ซืออวี่อุทานขึ้นมา
“เหอเหอ” หัวหน้าหมู่บ้านยิ้มเย้ย “เจ้าไม่รู้อะไร ตอนยังเยาว์อาหญิงของเจ้าเป็นดอกไม้งามเพียงหนึ่งเดียวสำหรับพวกเราที่นั่น”
“ข้าเชื่อ” มู่ซืออวี่ยิ้มแย้ม “ตู้เสร็จแล้ว ยังมีอย่างอื่นที่ต้องซ่อมอีกหรือไม่?”
“ไม่ต้องแล้ว รีบเข้ามาดื่มน้ำเร็ว” ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านส่งน้ำชามาให้นาง
มู่ซืออวี่กล่าวขอบคุณแล้วลองจิบดูหนึ่งคำ
“จริงสิ ข้าให้คนไปหาแล้วว่ามู่ซือเจียวอยู่ที่ใด” หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจเบา ๆ “เดิมทีข้ากลัวว่านางจะคิดไม่ตก จะไปหาสถานที่จบชีวิตของตนเอง ผลคือข้าคิดมากไป ไม่เพียงแต่นางไม่ได้หาที่ตาย แต่ยังไปถึงเมืองหลวงแล้ว”
“ภายหน้าเรื่องของครอบครัวมู่ พวกท่านไม่ต้องไปสนใจแล้ว ตอนนี้ครอบครัวมู่เหลือเพียงถงซื่อและมู่ต้าไห่ ถึงแม้พวกเขาจะก่อปัญหาอีก ก็ไม่อาจสร้างปัญหาใหญ่โตได้” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “หากพวกเขาทำเรื่องที่เป็นที่อับอายต่อผู้คนอีก ก็ขับไล่พวกเขาออกไปจากหมู่บ้านได้ทันที ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาเหลืออยู่มีเพียงบ้านหลังนั้น หากพวกเขาถูกไล่ออกมาจากหมู่บ้าน คงทำได้แค่เพียงกลายเป็นขอทานบนท้องถนน พวกเขาไม่กล้าเสี่ยงแน่นอน ตอนนี้คงยับยั้งชั่งใจมากกว่าเดิม”
“ได้ ๆ”
“ข้าจะไปเมืองซูโจว จัดการเรื่องกิจการพักหนึ่ง คงไม่กลับมาภายในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ ข้าคงต้องขอให้หัวหน้าหมู่บ้านช่วยดูแลบ้านสักหน่อยแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น
“วางใจเถอะ ตอนนี้ยังไม่ต้องเอ่ยถึงหมู่บ้านเรา แม้แต่หมู่บ้านข้างเคียงก็ไม่กล้ามาก่อปัญหาที่บ้านเจ้า กระทั่งเด็กสามขวบยังรู้ว่าในหมู่บ้านของเรามีนายอำเภอ ผู้ใดจะกล้ามาก่อปัญหากัน”
“จริงสิ ลูกสาวคนนั้นของมู่ซือเจียว พวกเราหาพ่อแม่ใหม่ให้นางได้แล้ว” ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านกล่าว “ใช้เวลาเดินทางด้วยรถถึงสามชั่วยามจากที่นี่ นับว่ายังไกลหน่อย ครอบครัวนั้นเลี้ยงชีพด้วยการหาปลา ครอบครัวพวกเขาไม่นับว่าร่ำรวย ทว่ามีมากพอที่จะเลี้ยงลูกสาวคนหนึ่ง”
ณ บ้านครอบครัวหวง
ท่านหมอจูคลำชีพจรของหวงเฉิงเฟิง ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “หลายวันมานี้ท่านไม่ได้ทานยาให้ตรงเวลาหรือ?”
หวงเฉิงเฟิงตอบว่า “ข้าทานแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะช่วงนี้ข้าเป็นหวัด ร่างกายจึงอ่อนแอลงเล็กน้อย”
“เปล่าเลย ท่านไม่ทานยาให้ตรงตามเวลา ท่านจึงไม่ฟื้นฟูกลับมาอย่างที่คาดไว้” ท่านหมอจูกล่าว “ตอนนี้พวกเราเป็นคนครอบครัวเดียวกันแล้ว ข้าจะไม่เกรงใจท่านเช่นกัน ท่านทานยาเข้าไปก่อน ส่วนค่ายา รอท่านมีแล้วค่อยให้ หากท่านต้มกากยาซ้ำหลายครั้งเพื่อประหยัดเงินค่ายา เช่นนั้นย่อมไม่เกิดผล ในทางกลับกันจะทำให้อาการของท่านทรุดลง”
“ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้ พ่อเด็ก ๆ ก็ไม่ฟัง ยืนกรานที่จะประหยัดเงิน” หูโม่ลี่เอ่ยอย่างทุกข์ใจ “ต่อไปท่านฟังท่านหมอจูเถิด หายดีแล้วจะได้เป็นอาจารย์สอนหนังสือเหมือนเดิม แค่นี้ก็จ่ายค่ายาได้เร็วขึ้นแล้ว”