สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 329 นางคือผู้อยู่เบื้องหลัง
บทที่ 329 นางคือผู้อยู่เบื้องหลัง
บทที่ 329 นางคือผู้อยู่เบื้องหลัง
“ฟางโจวอวี่ไม่มีความสามารถเช่นนั้น” เซี่ยคุนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “นายอำเภอตี๋ขี้อายราวกับหนู ฟางโจวอวี่ไม่ได้มีอำนาจบาตรใหญ่นัก ไม่มีทางปล่อยให้เขาเสี่ยงเล่นงานลู่อี้ ต้องเป็นคนอื่น”
ภาพของสองพี่น้องเจิ้งซินเยว่และเฉินซือจวินที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีที่งานชุมนุมผู้มีความสามารถด้านวรรณศิลป์พลันปรากฏขึ้นในหัวของมู่ซืออวี่
เป็นนางอย่างนั้นหรือ?
หากเป็นเจิ้งซินเยว่จริง ๆ มู่ซืออวี่ก็จะติดอยู่ในเมืองซูโจว ไม่อาจกลับไปได้!
เจิ้งซินเยว่ทำให้การงานของนางต้องติดขัด ยุ่งกับการจัดการปัญหามากมายในสาขาเมืองซูโจว แล้วยังจะมีอะไรต่อไปอีก?
ต้องมีสิ่งที่แอบแฝงอยู่มากกว่านี้เป็นแน่
“พี่ใหญ่เซี่ย ข้ามีคนที่ข้าสงสัย” มู่ซืออวี่เอ่ย “เฉินซือจวิน”
“นางคนนั้น!” เจิ้งซูอวี้ถามขึ้น “ท่านมีปัญหาอะไรกับนางหรือ?”
“การแย่งผู้ชายนับว่าเป็นปัญหาหรือไม่?” มู่ซืออวี่ยกยิ้มอ่อน
ดวงตาของเจิ้งซูอวี้เบิกกว้าง “ถ้าเช่นนั้นคนผู้นี้ก็น่าสงสัยเกินไป เราควรให้ความสนใจ”
“นางมีเจียงเหล่าคอยหนุนหลังอยู่จึงไม่มีความเกรงกลัว นางกล้าทำตัวเป็นนางมารร้ายแน่นอน” มู่ซืออวี่กล่าว “ทว่าหากเป็นนางจริง ข้าจะไม่ปล่อยให้นางได้ตัดสินใจเลย”
เซี่ยคุนหยิบจดหมายออกมาจากกระเป๋า “อวิ๋นเอ๋อร์มอบให้เจ้า”
“ท่านติดต่อกับเมืองฮู่เป่ยได้อย่างไร?” มู่ซืออวี่รับมา
“ข้าทิ้งนกพิราบไว้ให้อันอวี้ อวิ๋นเอ๋อร์ก็ใช้นกพิราบบินมาส่งจดหมายให้ หากเจ้าต้องการเขียนตอบกลับ ก็เขียนมาให้ข้า แล้วข้าจะส่งมันกลับไป”
มู่ซืออวี่อ่านจดหมายแล้วพูดว่า “แม่นางน้อยคนนี้ตำหนิว่าข้าหายไปนานเกินไป”
“นางคิดถึงท่าน” เจิ้งซูอวี้พูดด้วยความอิจฉา “เป็นเรื่องดีที่มีคนคิดถึงท่าน ไม่เหมือนข้า ข้าไม่มีแม่ตั้งแต่ยังเด็ก มีพ่อก็เหมือนไม่มี”
เซี่ยคุนยังคงพูดถึงเรื่องการสอบสวน
“พิจารณาจากเบาะแสที่เราพบในตอนนี้ เจิ้งซินเยว่ส่งคนไปสร้างปัญหา ตอนคุณหนูเจิ้งมาเมืองซูโจวเป็นครั้งแรก น่าจะรู้เรื่องนี้ใช่หรือไม่?”
“ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงมีปัญหาอยู่บ่อยครั้ง ที่แท้ก็เป็นเพราะนาง” เจิ้งซูอวี้กล่าว “ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์นี้ ข้าก็คงไม่รู้ว่านางกำลังแอบวางแผนเล่นงานข้าอยู่ แต่ข้ารู้ว่ามีคนนอกต้องการทำลายกิจการของข้า”
“ตอนนี้เจิ้งซินเยว่อยู่ในเมืองซูโจวหรือไม่?” มู่ซืออวี่ถามเซี่ยคุน
“ช่วงนี้ไม่อยู่ แต่ข้าได้ตรวจสอบที่อยู่ของนางแล้ว เกือบทุกครึ่งเดือน นางจะมาพักผ่อนที่เมืองซูโจวสองสามวัน ทั้งยังมีร้านค้าหลายแห่งในเมืองซูโจวที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของนางด้วย”
“ทรัพย์สินส่วนตัวหรือ?” เจิ้งซูอวี้กล่าว “เข้าใจแล้ว เมื่อข้ายังอยู่ในตระกูลเจิ้ง บัญชีจำนวนมากของตระกูลเจิ้งไม่สอดคล้องกัน เดิมทีข้าต้องการตรวจสอบ แต่นางเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจิ้ง ฮูหยินผู้เฒ่าเข้าข้างนาง ข้าจึงไม่มีโอกาสแม้แต่จะตรวจสอบ ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นแอบเล่นงานตระกูลเจิ้ง เปลี่ยนสมบัติของตระกูลเจิ้งให้เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของนางเอง แต่เหตุใดนางไม่คิดว่าต่อให้นางจะไม่ทำเช่นนี้ สมบัติตระกูลเจิ้งก็เป็นของนางอยู่แล้ว ไฉนต้องแอบทำเรื่องลับหลังคนอื่นเช่นนี้ด้วย”
“ท่านคิดเช่นนั้น แต่นางอาจจะไม่ได้คิดเช่นนั้นก็เป็นได้ ท่านคิดว่าสมบัติตระกูลเจิ้งจะตกเป็นของนางไม่ช้าก็เร็ว นั่นคือการคิดแบบยึดมั่นในความเป็นธรรม แต่นางคงคิดว่าตระกูลเจิ้งยังมีคนเกียจคร้านอยู่มากมาย หากกิจการทั้งหมดตกเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว ก็จะเหมาะสมกว่ามิใช่หรือ?”
มู่ซืออวี่อธิบายให้เจิ้งซูอวี้ฟัง จากนั้นถามเซี่ยคุนว่าเขาพบร้านใดบ้างที่เป็นของเจิ้งซินเยว่
เซี่ยคุนอธิบายเพราะเขารู้ทุกอย่าง
เจิ้งซูอวี้จึงเขียนรายชื่อร้านค้าเหล่านี้
“ข้ารู้ความสามารถของเจิ้งซินเยว่ดีที่สุด ไม่รู้สิ ในเมื่อตอนนี้ข้ารู้แล้ว ข้าจะไม่ให้โอกาสนางอีก” เจิ้งซูอวี้หัวเราะอย่างเยือกเย็น
มู่ซืออวี่ไม่คลางแคลงใจในความสามารถของเจิ้งซูอวี้
ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา เจิ้งซินเยว่ไม่เคยเอาเปรียบมู่ซืออวี่เลย หากฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้งไม่ลำเอียง ตระกูลเจิ้งก็คงไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเจิ้งซินเยว่ สิ่งที่จัดการยากหลังจากนี้ ก็น่าจะเป็นความสามารถในการล่อลวงผู้ชายของเจิ้งซินเยว่
ณ เมืองฮู่เป่ย
เจิ้งซินเยว่ได้รับจดหมายจากนกพิราบ หลังจากอ่านจบแล้ว นางก็เดือดดาลเสียจนทุบข้าวของในห้องแตกกระจาย
นางหาเงินด้วยการใช้ของปลอมในเรือนกรุ่นฝันมาหลายเดือน ได้รับเงินมากกว่าทำธุรกิจเองเสียอีก คาดไม่ถึงเลยว่าเมื่อไม่ได้ไปที่นั่นเป็นเวลาเพียงสองสามวันจะถูกคนอื่นเข้ามายึดครอง ช่างไม้ระดับปรมาจารย์ที่ฝึกฝนมาอย่างยากลำบากก็ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น
“เจิ้งซูอวี้ เจ้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของข้า” เจิ้งซินเยว่พูดอย่างเย็นชา “แต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะโชคดีไปได้ตลอด”
วันต่อมา เจิ้งซินเยว่ไปเยี่ยมเฉินซือจวินที่จวนตระกูลเจียง
เฉินซือจวินเพิ่งออกมาจากห้องของเจียงเหล่า เมื่อเห็นเจิ้งซินเยว่ก็ทักว่า “วันนี้มาเร็วไปสักหน่อยนะ”
“เฮ้อ ข้ามีข่าวร้ายจะบอกเจ้า” เจิ้งซินเยว่ขมวดคิ้ว “กิจการของเราในเมืองซูโจวหายไปหมดแล้ว”
เฉินซือจวินกำลังเช็ดมือ หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ก็หันกลับมามองทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ร้านที่เราเปิดถูกฮูหยินลู่และคนอื่น ๆ ทำลาย ในอนาคตไม่อาจทำเงินได้อีกแล้ว” เจิ้งซินเยว่กล่าวด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าประมาทเกินไป” เฉินซือจวินเสียใจ
เจิ้งซินเยว่ให้เงินนางเป็นจำนวนมากทุกเดือน ทำให้นางใช้เงินฟุ่มเฟือย และเคยชินกับชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อ แล้วจู่ ๆ ก็มาบอกนางว่าต่อไปจะต้องเก็บเงิน ความรู้สึกนี้มันช่างอึดอัดยิ่งนัก
“หากไม่ใช่ในเมืองซูโจว แต่เปลี่ยนเป็นที่อื่น เจ้าคิดอย่างไร?”
น่าเสียดายที่ต้องสูญเสียบ่อเงินบ่อทองไป
เจิ้งซินเยว่ส่ายหน้าเบา ๆ “ข้าต้องอยู่ที่เมืองฮู่เป่ยหรือไม่ก็เมืองซูโจว หากข้าต้องไปทำกิจการที่อื่นอีก ข้าก็ดูแลไม่ไหวหรอก อีกทั้งเมื่อย้ายไปตั้งที่อื่น มันก็จะล้าสมัยไปนานแล้ว ไม่มีใครสนใจอีกต่อไป”
“มันจบสิ้นแล้วหรือ?” เมื่อเฉินซือจวินนึกถึงกิจการเรือนกรุ่นฝันที่สามารถทำเงินได้มหาศาล หัวใจนางพลันเจ็บแปลบ “ในเมื่อใช้วิธีมืดแล้วไม่ได้ผล เช่นนั้นก็ลองใช้วิธีสว่างดูบ้าง เจ้าต้องพยายามหาทางแย่งคนมาจากเรือนกรุ่นฝันให้ได้”
“ครั้งหนึ่งข้าเคยคิดเช่นนั้น” เจิ้งซินเยว่กล่าว “แต่จะได้เพียงคนธรรมดาที่ทำงานง่าย ๆ ไม่มีทักษะอะไร ส่วนคนอื่นที่เรียนรู้ทักษะอย่างแท้จริง ได้ลงนามในสัญญาว่าจะไม่สามารถลาออกได้ภายในสองสามปี หากลาออกก่อนกำหนด พวกเขาจะต้องจ่ายเงินชดเชยเป็นเงินจำนวนมาก”
“จ่ายเงินชดเชยแล้วอย่างไร?” เฉินซือจวินจิบชา “เจ้าต้องมองระยะยาว”
“ข้ามองระยะยาวได้ แต่เจ้าเล่า? มู่ซืออวี่หายไปนานมากแล้ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับใต้เท้าลู่ก็ดูเหมือนจะยังไม่ดีขึ้นเลย ไม่สิ เจ้าทำไม่ได้แม้แต่จะเจอหน้าใต้เท้าลู่ด้วยซ้ำ!”
เฉินซือจวินไม่ได้โกรธเคืองเมื่อได้ยินคำพูดของเจิ้งซินเยว่ รอยยิ้มมีเลศนัยพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้านาง
เจิ้งซินเยว่เริ่มสนใจ “มีวิธีแล้วหรือ?”
เฉินซือจวินพูดเบา ๆ ว่า “ตอนแรกยังไม่มี แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้…”
หากไม่ได้แอบไปได้ยินท่านตาของนางคุยกับคนของเขา ก็คงไม่รู้ว่าลู่อี้กำลังทำในสิ่งที่เหมือนกับการฆ่าตัวตาย
เจิ้งซินเยว่ยกยิ้ม “เดิมทีข้าไม่ได้มีปัญหากับสตรีผู้นั้น แต่ใครบอกให้นางมาวุ่นวายเรื่องของข้าตั้งหลายครั้ง ทั้งยังช่วยเหลือนางแพศยาเจิ้งซูอวี้ด้วย หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจนาง”
เฉินซือจวินเอ่ยเสียงเบา “เจ้าสามารถจัดการเรื่องกิจการได้ตามต้องการ ตอนแรกเจ้าสัญญาว่าจะร่วมมือทำกิจการร่วมกับข้า ข้าจึงติดต่อกับเจ้า แต่หากจะบอกข้าว่ากิจการล้มเหลวไปแล้ว มันจะสมควรหรือ? ข้าจะไม่อยู่สองสามวัน เมื่อข้ากลับมา หวังว่าจะได้ยินข่าวดีนะ คุณหนูใหญ่เจิ้ง…”