สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 332 ข้าน้อยดูแลได้ไม่ดี
บทที่ 332 ข้าน้อยดูแลได้ไม่ดี
บทที่ 332 ข้าน้อยดูแลได้ไม่ดี
ต้าหนิวเดินเข้ามาจากข้างนอก กระซิบข้างหูของลู่อี้ว่า “คนราว ๆ ยี่สิบคนที่ชายคนนี้พามา ถูกกำจัดหมดสิ้นแล้วขอรับ”
“ใช้ได้”
“ขอรับ”
ณ จวนตระกูลเจียง เจียงเหล่ามองดูศพที่อยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นหันกลับไปมองลู่อี้และคนอื่น ๆ ที่กำลังก้มหน้าเงียบ
“เป็นข้าน้อยเองที่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาได้ไม่ดี ท่านเจียงโปรดลงโทษเถิดขอรับ”
“อย่ากล่าวโทษใต้เท้าเลยขอรับ เมื่อข้าน้อยรีบเข้าไป คนร้ายก็กำลังจะทำร้ายคุณหนูเฉินพอดี ข้าน้อยเกลียดคนร้ายที่รังแกผู้หญิงมากที่สุดในชีวิต ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ข้าจึง…”
นักการเกามองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าด้วยสีหน้าโกรธแค้น
“ท่านไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้กับสตรี ก็สมควรถูกลงโทษแล้ว ทว่าท่านเจี่ยงผู้นี้เป็นขุนนางของราชสำนัก การสังหารขุนนางของราชสำนักเป็นเรื่องใหญ่ ผู้ที่อยู่ตำแหน่งสูงสุดพึงได้รับผลที่ตามมา”
ลู่อี้แสดงความเสียใจต่อเจียงเหล่าอีกครั้งด้วยท่าทางจริงใจ
“ข้าน้อยไม่ได้ดูแลคุณหนูเฉินอย่างดี ทำให้คุณหนูเฉินต้องหวาดกลัว นี่เป็นโทษอีกประการหนึ่งด้วยขอรับ”
“ใต้เท้าจะโทษตัวเองในทุกเรื่องได้อย่างไร? ท่านสั่งให้คนมาส่งคุณหนูเฉินกลับมาแล้วนี่ ทว่าคุณหนูเฉินก็ยังตัดสินใจอยู่ต่อเอง คนสกุลเจี่ยงมาหาท่านก่อนที่คุณหนูเฉินจะไปหา ท่านได้ส่งคนออกไปบอกแล้วว่าไม่สะดวกที่จะพบคุณหนูเพราะมีแขก แต่คุณหนูเฉินก็ยังยืนยันจะเข้าไป คนสกุลเจี่ยงนั้นตำแหน่งใหญ่กว่าท่านหนึ่งขั้น เขาต้องการให้คุณหนูเฉินเข้ามาเอง จากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น ใต้เท้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลยตั้งแต่ต้นจนจบ”
“ในกรณีนี้ หลานสาวของข้าไม่มีเหตุผลเอง” เจียงเหล่าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น คุณหนูเฉินต้องประสบกับเรื่องอัปยศอดสูเช่นนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด มันก็เกิดขึ้นในจวนของข้าน้อย ข้าน้อยรู้ว่ามันเป็นความผิดของข้าน้อยเองที่ทำให้คุณหนูเฉินถูกทำร้ายขอรับ”
“แม้จะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น อย่างไรเสียก็เป็นความผิดของบ่าวเองขอรับ” นักการเกาคุกเข่าลง “ใต้เท้า โปรดลงโทษข้าเถิดขอรับ ข้าเป็นคนไร้ค่า สมควรตาย ใต้เท้าของพวกเรารักราษฎรดั่งลูกตนเอง ท่านได้ทำหน้าที่อันทรงเกียรติเพื่อปกครองเมืองฮู่เป่ย ท่านไม่สมควรสละชีวิตเพื่อคนต่ำต้อยเช่นนั้นโดยเปล่าประโยชน์ ใต้เท้า หากท่านต้องลงโทษคนสักคนหนึ่ง คนผู้นั้นต้องเป็นข้าเองขอรับ”
“เอาล่ะ” เจียงเหล่าดุด้วยความโกรธ “ลู่อี้อยู่ที่นี่ ส่วนคนอื่นออกไปให้หมด”
นักการเกามองหน้าลู่อี้
ลู่อี้เหลือบมองเขาเพียงครั้งเดียว นักการเกาจึงเข้าใจทันทีว่าหมายถึงอะไร
ตอนนี้เหลือเพียงเจียงเหล่าและลู่อี้อยู่ในห้อง
ยังคงมีคราบเลือดอยู่บนพื้น กลิ่นคาวเลือดลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ เจี่ยงถิงจือที่เสียชีวิตลงอย่างน่าอนาถยังคงอยู่ที่นั่น บรรยากาศในห้องอึมครึมชวนขนลุก
“บอกข้าทีว่าเจี่ยงถิงจือกำลังมองหาสิ่งใดจากเจ้า?”
ณ เรือนอื่นที่จวนตระกูลเจียง เฉินซือจวินชำระล้างร่างกายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นทั้งร่างก็จมลงใต้น้ำ
เหลือเพียงเสียงสายน้ำรินไหล บนผิวน้ำผุดพรายฟองมากมาย
“คุณหนู…” ชิวสุ่ยกำลังจะร้องไห้ “ท่านอย่าได้ทำอะไรโง่เขลานะเจ้าคะ! หากเกิดเรื่องร้ายกับท่าน แล้วนายน้อยจะอยู่อย่างไรเล่าเจ้าคะ นายน้อยยังคงรอให้ท่านกลับไปนะเจ้าคะ!”
ซ่า! เฉินซือจวินพลันขึ้นจากน้ำ
“น้องชายข้า!”
ใช่แล้ว นางยังตายไม่ได้ น้องชายยังคงรอนางกลับไป
พ่อแม่ของนางไม่อยู่แล้ว คนเดียวที่น้องชายนางพึ่งพาได้ในตอนนี้คือท่านตา แต่ท่านตาเป็นคนเย็นชา ไม่แยแสกับคนที่ไม่เป็นประโยชน์กับเขา อย่าว่าแต่หลานชายเลย แม้แต่ลูกหลานก็ยังทอดทิ้งไป
นางเป็นคนเดียวที่น้องชายพึ่งพาได้
“ชิวสุ่ย เหตุใดวันนี้เจ้าถึงแนะนำให้ข้าเปลี่ยนการแต่งตัว?” เฉินซือจวินมองชิวสุ่ยด้วยความสงสัย
ชิวสุ่ยตกตะลึงไปชั่วครู่ “คุณหนู ท่านหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ เสื้อผ้าที่ท่านเปลี่ยนวันนี้ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าเจ้าคะ”
“ข้าก็ไม่รู้… ข้ามักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” เฉินซือจวินลูบศีรษะตัวเอง แล้วพูดด้วยความเจ็บปวด “แต่เสื้อผ้ามาเกี่ยวอะไรด้วย? ข้ากังวลมากเกินไปสินะ”
“คุณหนู ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่เจ้าคะ” ชิวสุ่ยลองถามอย่างระมัดระวัง
เมื่อเฉินซือจวินนึกถึงเหตุการณ์นั้นก็พลันรู้สึกคลื่นไส้
“ไม่ต้องพูด”
“หรือว่าคุณหนู…”
“ไม่ใช่ เขาทำไม่สำเร็จ”
“ดีแล้วเจ้าค่ะ” ชิวสุ่ยใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวให้เฉินซือจวิน “ คุณหนู เรื่องมันจบลงแล้ว ไม่ควรคิดถึงเรื่องที่จะทำให้ทุกข์ใจเหล่านั้น เป็นการดีกว่าที่จะใช้โอกาสนี้ทำให้ใต้เท้าลู่รับผิดชอบ”
“ให้เขารับผิดชอบหรือ?” เฉินซือจวินตกใจ “เขาจะรับผิดชอบได้อย่างไร? ในตอนนั้น…”
หลายคนเห็นนางตื่นตระหนก และเขาก็อยู่ในห้องด้วย แล้วเขาจะรับผิดชอบนางได้อย่างไร?
“เขาไม่ได้ทำเช่นนั้นกับข้า แล้วเขาจะรับผิดชอบข้าได้อย่างไร?”
“แต่เรื่องมันเกิดขึ้นในจวนของเขา! หากเขาปกป้องคุณหนูอย่างดี เรื่องเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา แน่นอนว่าเขาต้องรับผิดชอบเจ้าค่ะ”
“เจ้าว่าเขาเป็นคนที่ถูกข่มขู่ได้ง่ายถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”
“คุณหนู หากท่านไม่ได้แต่งงานกับเขา แล้วท่านจะแต่งงานกับใครเจ้าคะ? ในสถานการณ์ปัจจุบันของท่าน หากท่านไม่คิดจะทำเช่นนี้ นายท่านจะให้ท่านแต่งงานกับชายผู้ต่ำต้อยเป็นแน่เจ้าค่ะ”
ผู้หญิงที่สูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว จะได้แต่งงานกับคนดีถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?
เฉินซือจวินก็เข้าใจความจริงนี้เช่นกัน หลังจากฟังคำพูดของชิวสุ่ย ร่างกายของนางก็แข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็ง
ลู่อี้จะแต่งงานกับนางหรือ?
ถึงจะเป็นภรรยาหลวงอีกคนหนึ่งของเขา ถ้าเขายอม นางก็ไม่สนใจอะไร นางยอมนั่งบนเก้าอี้ที่เท่าเทียมกับสาวบ้านนอกคนนั้น
อีกด้านหนึ่ง ลู่อี้ออกมาจากห้องตำราของเจียงเหล่า เขาอยู่ที่นั่นเป็นเวลาถึงหนึ่งชั่วยามแล้ว
นักการเกาและคนอื่น ๆ เฝ้าอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นว่าเขาออกมาอย่างปลอดภัยก็โล่งอกโล่งใจ
“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“กลับไปกันก่อน”
“ขอรับ”
เจียงเหล่ายืนอยู่ที่หน้าต่าง เฝ้ามองลู่อี้และคนอื่น ๆ เดินออกไป
ที่ปรึกษากล่าวว่า “นายท่าน ลู่อี้คนนี้เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม วิธีการของเขาเหี้ยมโหดยิ่งนัก ครั้งนี้เขาทำร้ายคุณหนูเฉินด้วยซ้ำ นายท่านยังต้องการปล่อยเขาไปอีกหรือขอรับ?”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเขาถึงกล้าถึงเพียงนี้?” เจียงเหล่าพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “เขาแน่ใจว่าตาเฒ่านั่นยังแตะต้องเขาไม่ได้ เขาเป็นคนฉลาดยิ่งนัก แต่น่าเสียดายที่เขาไม่อ่อนน้อมและควบคุมยาก”
“แล้วเรื่องจะจบอย่างไรหรือขอรับ?”
“นอกจากซือจวินต้องเดือดร้อนแล้ว เรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อตาเฒ่า” เจียงเหล่ากล่าว “เจ้าคิดว่าเจี่ยงถิงจือคนนี้เป็นใคร เขาคือบ่อเงินบ่อทองของตาเฒ่า บัดนี้บ่อเงินบ่อทองหายไปแล้ว ตาเฒ่านั่นก็คงจะวุ่นวายอยู่ระยะหนึ่ง แต่หลักฐานที่ลู่อี้มอบให้ข้า ก็เพียงพอที่จะทำให้ตาเฒ่านั่นต้องถูกถลกหนังแล้ว”
“แต่ก็สงสารคุณหนูเฉินนะขอรับ”
“หากนางฉลาด นางจะไม่ถูกคนอื่นหลอก เท่านั้นแหละ เพื่อเห็นแก่แม่ของนาง จงหาครอบครัวที่ร่ำรวยให้นางแต่งงานด้วย ให้นางแต่งงานไปอยู่ในที่ห่างไกลซะ”
หากลู่อี้สนใจในตัวนางก็ไม่เป็นอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าเขารักภรรยาของเขาสุดหัวใจ ทว่านางก็ยังคงดันทุรังก้าวเข้าไปหาเขา หลานสาวผู้โง่เขลาคนนั้นคงเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งเท่านั้น
ทันทีที่ลู่อี้กลับไปที่ศาลาว่าการ นักการเกา เวินเหวินซง และคนสนิทคนอื่น ๆ ก็เบียดเสียดกันเข้าไปในห้องตำรา เพื่อถามว่าเจียงเหล่าวางแผนจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร
“พวกเจ้าประเมินสถานะของหลานสาวของเขาสูงเกินไป” ลู่อี้กล่าว “ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นอะไร ปัญหาตอนนี้คือหาวิธีจัดการกับความวุ่นวายที่เจี่ยงถิงจือทิ้งไว้ ข้าจะออกจากเมืองฮู่เป่ยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หากมีเหตุฉุกเฉิน พี่เวินก็ช่วยจัดการให้ข้าไปก่อน หากพวกเจ้าไม่รีบร้อนก็รอให้ข้ากลับมาก่อนได้ หากมีเรื่องสำคัญและพวกเจ้าไม่แน่ใจ ก็จงส่งจดหมายไปหาข้า”
“ท่านกำลังจะไปที่ใด?”
“ข้าจะเป็นฝ่ายรุกก่อน ผู้อื่นจะได้ไม่เป็นฝ่ายควบคุม”