สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 334 เรื่องวุ่นวายในเรือน
บทที่ 334 เรื่องวุ่นวายในเรือน
บทที่ 334 เรื่องวุ่นวายในเรือน
เจิ้งซูอวี้เล่าวิธีแก้ปัญหาของตระกูลฉินให้มู่ซืออวี่ฟัง
มู่ซืออวี่กำลังนอนพอกหน้าอยู่บนเตียงนุ่ม ส่วนเจิ้งซูอวี้นอนอยู่ข้างนางในท่าเดียวกัน
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ติดต่อกับเขา คนของเขาที่ข้าเคยร่วมงานด้วยก็ถูกคนอื่นแทนที่หมดแล้ว ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนัก”
“ท่านเป็นสตรี ไปกับผู้ชายแปลกหน้านั้นอันตราย เหตุใดไม่ให้เจี่ยงจงไปกับเขาแทนเล่า?” มู่ซืออวี่กล่าว “เขาเป็นคนวงในด้วย แยกแยะดีชั่วได้”
“เขาแยกแยะได้ชัดเจน แต่เขาเป็นคนปากหนัก หากจะให้เขาพูดก็เหมือนทรมานเขา หากส่งเขาตามไปด้วย ธุระอาจจะไม่สำเร็จ”
“แล้วท่านอยากไปหรือไม่?”
“ข้าเห็นว่าแววตาของนายน้อยคนนั้นสดใส ท่าทางนิสัยดี ดูไม่ใช่คนเลวร้าย ข้าจะส่งคนไปสืบข้อมูลเกี่ยวกับเขาแน่นอน หากไม่มีข่าวลือไม่ดี ข้าจะไป”
“ในเมื่อท่านได้ตัดสินใจแล้ว ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด ข้าจะขอให้พี่ใหญ่เซี่ยจัดคนดี ๆ สักสองคนให้ไปคอยคุ้มครองท่าน”
ไม่นานนัก เจิ้งซูอวี้ก็ไปหาฉินเหวินหาน ส่วนมู่ซืออวี่ยังคงรอข่าวจากเฟิงเจิง
ระหว่างรอข่าวจากเฟิงเจิง นางได้กว้านซื้อไม้เกือบทั้งหมดที่หาซื้อได้ในบริเวณใกล้เคียง ทั้งยังไปตามภูเขาต่าง ๆ เพื่อหาไม้ที่เหมาะสม เรื่องสำคัญที่สุดคือต้องแปรรูปมันเอง จะได้ช่วยแก้ปัญหาวิกฤตได้ชั่วคราว แต่ถ้านางไม่สามารถหาไม้อื่นเพิ่มได้อีก การขาดแคลนวัตถุดิบก็จะส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าของการก่อสร้างเป็นอย่างมาก
อันที่จริงสำหรับโครงการใหญ่เช่นนี้ นอกจากคนของเรือนกรุ่นฝันที่รับผิดชอบเรื่องการออกแบบและตกแต่งพื้นที่แล้ว ยังมีช่างฝีมือจำนวนมากที่รับผิดชอบการก่อสร้างด้วย
การปรากฏตัวของมู่ซืออวี่ในจวนจงอ๋องทุกวัน ย่อมทำให้เกิดการติฉินนินทา แต่นางมีเซี่ยคุนคอยปกป้องอยู่ข้าง ๆ เสมอ จึงไม่มีผู้ใดกล้าเหิมเกริมรบกวนนาง
“คุณชายเหวินอี้ได้รับบาดเจ็บขอรับ”
ช่างฝีมือคนหนึ่งรีบไปพบมู่ซืออวี่ที่กำลังหารือกับช่างฝีมือเรื่องเปลี่ยนอิฐ
“เกิดอะไรขึ้น?” มู่ซืออวี่ถามขณะเดินตามช่างฝีมือไป
นายช่างเป็นผู้นำของช่างฝีมือเหล่านี้ เขารับผิดชอบการก่อสร้างเรือนทั้งหมด
เขาทำงานด้านนี้มานานหลายสิบปี มีช่างก่อสร้างหลายร้อยคนอยู่ในมือ ทั้งยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
ครั้งนี้นายช่างเข้ารับงานใหญ่อย่างสร้างเรือนจงอ๋อง เขาคิดไม่ถึงว่าจะต้องปรึกษาทุกเรื่องกับผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเรือน ซึ่งทำให้เขาอารมณ์เสียมาก แต่ไม่ว่าเขาจะอารมณ์เสียเพียงใด เขาก็รู้ดีว่าต้องยอมให้ความร่วมมือ เพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้น เขาถึงจะสามารถสร้างเรือนที่จงอ๋องพึงพอใจได้ ไม่เช่นนั้นจงอ๋องก็อาจจะพิโรธ ศพอาจลอยน้ำไปไกลเป็นร้อยลี้ก็เป็นได้
“คุณชายเหวินอี้บอกว่าหินกรวดในสวน ควรถูกแทนที่ด้วยแผ่นหิน นายช่างหลินไม่พอใจ บอกว่าพวกเขาทำเสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว หากต้องการเปลี่ยน พวกเขาต้องรื้อทำใหม่อีกครั้ง นายช่างหลินเลยผลักเขาไปชนเข้ากับก้อนหินด้วยความโกรธขอรับ”
มู่ซืออวี่หยุดเดินแล้วมองหน้าช่างฝีมือ “นายช่างผิง คนของท่านขี้โมโหเกินไปแล้ว!”
นายช่างผิงขมวดคิ้ว “เถ้าแก่เนี้ยมู่ พวกเราทุกคนต้องการทำงานนี้ให้ดี แต่ข้อกำหนดของพวกท่านเข้มงวดเกินไป พวกท่านควรตัดสินใจก่อนว่าจะใช้อิฐชนิดใด และใช้หินกรวดกับแผ่นหินชนิดใด พวกข้าทำงานด้านนี้มาหลายสิบปี มีประสบการณ์มากกว่าท่าน เป็นเรื่องปกติที่คนใต้บังคับบัญชาท่านจะไม่พอใจ แน่นอนว่าการทำร้ายผู้อื่นเป็นสิ่งที่ผิด ข้าจะลงโทษพวกเขาแน่นอนขอรับ”
“หมอมาแล้วหรือยัง?”
ผู้คนมากมายยืนมุงดู
มีคนถามอย่างกระวนกระวายว่า “หมอจะมาเมื่อใด?”
มู่ซืออวี่จำได้ว่าเป็นเสียงของเจี่ยงจง
“หลีกทาง เถ้าแก่เนี้ยมู่กับนายช่างผิงมาแล้ว”
คนข้างหน้าพากันแยกย้ายไปอย่างรวดเร็ว
มู่ซืออวี่เห็นเหวินอี้นอนราบอยู่กับพื้น มีชายวัยกลางคนสีหน้าตื่นตระหนกอยู่ด้านข้าง
หน้าผากของเหวินอี้มีเลือดสีแดงสดไหลออกมา
เขาไม่ได้หมดสติ เพียงแต่อ่อนแรงจนพูดไม่ออก
“หมอมาแล้ว!” มีคนพูดขึ้น
“ถวายบังคมจงอ๋อง”
เมื่อทุกคนเห็นคนที่อยู่ข้างหลังหมอก็รีบคุกเข่าลง เหลือเพียงมู่ซืออวี่ที่ยืนอยู่
ขณะที่มู่ซืออวี่กำลังจะคุกเข่า ฟ่านหยวนซีก็ก้าวเข้ามา มองเหวินอี้ที่นอนอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาเย็นชา
ทุกคนหวาดกลัวจนตัวสั่นสะท้าน
เหตุใดจงอ๋องถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่? เขาส่งคนมาเฝ้าดูความคืบหน้าที่นี่หรือ?
หากเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่าทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง
“ผู้ใดเป็นคนทำ?” ฟ่านหยวนซีพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน “เรือนของข้ายังไม่ทันเสร็จสมบูรณ์ก็เริ่มเห็นเลือดแล้ว ย้อมทั้งแผ่นดินนี้ให้แดงฉานไปด้วยโลหิตเลยคงจะดีกว่า”
“ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วยเถิด!” นายช่างผิงขอความเมตตาด้วยกายอันสั่นเทา “บ่าวทำผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตพวกเรา ให้โอกาสพวกเราได้ชดใช้ความผิดด้วยเถิด”
ท่านหมอพูดกับฟ่านหยวนซีว่า “แม้ว่าจะเป็นบาดแผลที่ผิวหนัง แต่คุณชายผู้นี้เกิดมาอ่อนแอ ทั้งยังทนทุกข์จากโรคเก่าอยู่แล้ว แผลอาจติดเชื้อได้ หากเขารอดจากไข้คืนนี้ไปได้ เขาก็น่าจะหายดีแล้ว”
“แล้วถ้าหากไม่รอดเล่า?” ฟ่านหยวนซีกวาดสายตามองฝูงชนด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม “พวกเจ้าทุกคนจะต้องถูกฝังให้หมด!”
“ท่านอ๋องโปรดอภัย…” ทุกคนคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตา
มู่ซืออวี่กล่าวว่า “ท่านอ๋อง โปรดสงบสติอารมณ์เถิด”
“เขาเป็นคนของเจ้าหรือเปล่า หากคนของเจ้าถูกรังแกเช่นนี้ แล้วเจ้ายังต้องการขอร้องเพื่อพวกเขาอยู่อีกหรือ?” ฟ่านหยวนซีเย้ยหยัน “สำหรับเจ้า ความเป็นความตายของเขา คงไม่สำคัญเท่ากับการที่เจ้าต้องการเอาชนะใจผู้คน”
“แผนตอนนี้คือดูแลเหวินอี้ ให้เขาหายจากอาการบาดเจ็บก่อน ท่านหมอบอกว่าคืนนี้เขาจะอ่อนแอ อาจมีไข้หนักคืนนี้ ข้าต้องการพาเขากลับไปพักฟื้นให้เร็วกว่านี้เจ้าค่ะ” มู่ซืออวี่กล่าว “ท่านอ๋องโปรดจัดสั่งให้คนสักสองคนช่วยพาเหวินอี้กลับไปยังที่พักของข้า แล้วข้าจะดูแลเขาอย่างดี”
“คนนี้ไปได้ แต่คนนี้…” ฟ่านหยวนซีจ้องมองนายช่างหลินด้วยสายตาอำมหิต “ไปไม่ได้”
นายช่างหลินทิ้งตัวล้มลงบนพื้นด้วยความตกใจ ขาพลันอ่อนปวกเปียกราวปลาที่ถูกจับขึ้นจากน้ำ
นายช่างผิงมองหน้ามู่ซืออวี่ด้วยสายตาอ้อนวอน
มู่ซืออวี่ส่ายหน้าเบา ๆ
ฟ่านหยวนซีโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก นางไม่กล้ายั่วยุเขาเช่นกัน
หลังจากเหวินอี้ถูกส่งกลับมาจากโรงหมอแล้ว มู่ซืออวี่ก็ขอให้ท่านหมออยู่ต่อ เผื่อว่าคืนนี้จะเกิดเรื่องขึ้น
มู่ซืออวี่มองเหวินอี้ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเหมือนตุ๊กตากระดาษแล้วพูดว่า “ท่านหมอ สุขภาพของเขาย่ำแย่ถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”
“เฮ้อ” ท่านหมอถอนหายใจเบา ๆ “พูดตามตรง การมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ไม่ง่ายสำหรับเขาเลย”
“ไม่มีทางรักษาเลยหรือ น้องสามีของข้าเคยสุขภาพไม่ดีมาก่อน แต่เขาก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น”
“เขาสุขภาพไม่ดีตั้งแต่เกิดหรือเปล่าล่ะ คุณชายผู้นี้ป่วยตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาแล้ว ช่วงนี้เขาคงไม่ได้ดูแลสุขภาพตัวเอง จึงต้องทนทุกข์ทรมานมาก ร่างกายเขาทรุดโทรมไปแล้ว” ท่านหมอพูดขณะปรุงยา “ที่นี่ไม่มีใครอีกแล้ว ขอบอกตามตรงว่า หากนายน้อยผู้นี้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย การได้ใช้ชีวิตต่อไปอีกสิบปีก็ไม่มีปัญหา แต่หากเขาลำบากอีกไม่กี่ครั้ง ข้าก็เกรงว่าเขาจะเหลือเวลาอีกเพียงแค่สามหรือสองปีเท่านั้น”
จื่อเยวี่ยนเข้ามาจากข้างนอกแล้วพูดกับมู่ซืออวี่ว่า “ฮูหยิน กินข้าวเถิดเจ้าค่ะ!”
ท่านหมอจึงถอยออกไป
จื่อซูเข้ามาพอดี นางก้าวเข้ามาอย่างเร่งรีบราวกับกำลังหวาดกลัว
“เกิดอะไรขึ้น?” จื่อเยวี่ยนถาม “คนที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินอย่างเจ้าทำหน้าราวกับเห็นผีเนี่ยนะ”
“นายช่างหลินถูกจงอ๋องสังหาร แล้วแขวนคอไว้บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากเรือน” จื่อซูเล่า “ว่ากันว่าช่างฝีมือหลายคนต่างหวาดกลัว พยายามขอร้องบอกว่าจะถอนตัว ช่างฝีมือสองคนจึงถูกผู้ใต้บังคับบัญชาของจงอ๋องฆ่าตาย”