สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 335 ฟ่านหยวนซีผู้โหดร้าย
บทที่ 335 ฟ่านหยวนซีผู้โหดร้าย
บทที่ 335 ฟ่านหยวนซีผู้โหดร้าย
“ฟ่านหยวนซีโหดร้ายเกินไปแล้ว” จื่อเยวี่ยนเอ่ยด้วยความสยดสยอง
มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว
นางไม่คาดคิดว่าฟ่านหยวนซีจะฆ่าทันทีที่เขาพูด นี่แสดงว่าชีวิตมนุษย์ไม่ได้มีค่าพอจะอยู่ในสายตาของเขาเลย
แล้วหากลู่อี้จะจัดการกับเขา มันจะอันตรายเพียงใด!
“กำลังพูดถึงข้าอยู่หรือ?” เสียงของฟ่านหยวนซีดังมาจากประตู
ทั้งนายและบ่าวหันไปเห็นฟ่านหยวนซีในชุดสีดำ ยืนอยู่ภายใต้แสงเทียนตรงนั้นด้วยท่าทางเย็นชา ใบหน้าหล่อเหลาเลือนรางราวกับผีร้าย
จื่อเยวี่ยนตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
มู่ซืออวี่ทำความเคารพ “ถวายบังคมท่านอ๋อง”
สองสาวคุกเข่าลงทำความเคารพทันที
ฟ่านหยวนซีเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียง ก่อนจะมองเหวินอี้ที่นอนหลับใหลอยู่
“เขาฟื้นหรือยัง?”
“ยังเจ้าค่ะ”
“ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง” ฟ่านหยวนซีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนอ่อนแอจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรกัน ตายเสียยังจะดีกว่า”
“ท่านอ๋องเจ้าคะ โปรดประทานอภัยที่ข้าไม่เห็นด้วย ใครเล่าจะไม่อยากมีชีวิตที่ดี ใครเล่าไม่อยากมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ใครเล่าไม่อยากอยู่อย่างสุขสบายและสูงส่ง พวกเขาไม่ต้องการงั้นหรือ โชคชะตากำหนดมาต่างหาก”
จื่อเยวี่ยนกับจื่อซูจ้องมองมู่ซืออวี่ด้วยความกังวล
ฮูหยินบ้าไปแล้วหรือเปล่า นั่นคือฟ่านหยวนซีผู้โหดเหี้ยมอำมหิตนะ!
เขาเพิ่งสั่งฆ่านายช่างไป นางกล้าพูดเช่นนั้นกับเขาได้อย่างไร
ฟ่านหยวนซีมองมู่ซืออวี่ด้วยสายตาเย้ยหยัน “เจ้าช่างบังอาจนัก! คิดว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้าหรือ?”
“ข้าน้อยเพียงพูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ท่านอ๋องคงไม่ต้องการถูกห้อมล้อมด้วยคนที่คอยแต่ประจบประแจงหรอกเจ้าค่ะ เช่นนั้นจะไม่ได้ยินความจริงแท้เลยสักคำนะเจ้าคะ” มู่ซืออวี่กล่าว
“เมื่อครู่นี้สาวใช้ของเจ้าไม่ได้บอกเจ้าหรือว่าข้าฆ่าคนสกุลหลิน ส่วนอีกสองคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ข้าก็ฆ่าพวกเขาด้วยเช่นกัน” ฟ่านหยวนซีเย้ยหยัน “ข้าเป็นปีศาจกระหายเลือด โปรดปรานการดื่มเลือดมนุษย์เป็นที่สุด”
มู่ซืออวี่เงียบไป
หากฟ่านหยวนซีต้องการฆ่านาง ไม่ว่านางจะทำสิ่งใด เขาก็จะไม่พอใจนาง แทนที่จะสะทกสะท้าน ก็ทำในสิ่งที่นางควรทำจะดีกว่า
ห้องเงียบงันไปครู่หนึ่ง
มู่ซืออวี่รู้สึกได้ว่าฟ่านหยวนซีจ้องมองนางตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ สายตาครุ่นคิดเช่นนั้นชวนให้คนที่ถูกจ้องมองรู้สึกขนลุกเป็นที่สุด
ขณะที่มู่ซืออวี่กำลังคิดว่า ‘เหตุใดเขาถึงยังไม่ไปเสียที’ เขาก็หันหลังเดินจากไปแล้ว
ทันทีที่เขาจากไป ทั้งนายและบ่าวก็ผ่อนคลายลงทันที
“ท่าไม่ดีแล้วเจ้าค่ะ! ฮูหยิน พวกเราจะกลับเมืองฮู่เป่ยอย่างปลอดภัยได้จริงหรือเจ้าคะ เกรงว่าหากรอจนกว่าเรือนย่อยจะสร้างเสร็จคงไม่ทันการณ์ เรา… แม้ว่าเราจะไม่ถูกฆ่าตาย เราก็อาจจะตายเพราะความหวาดกลัวแทนเจ้าค่ะ” จื่อซูเกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว
“เอ๊ะ อย่าพูดจาอัปมงคลเช่นนั้นสิ” จื่อเยวี่ยนดุ
มู่ซืออวี่มองเหวินอี้ แล้วถามด้วยความไม่แน่ใจ “พวกเจ้าคิดว่าความโกรธของฟ่านหยวนซีครั้งนี้ อธิบายไม่ได้เช่นนั้นหรือ?”
“เขาบอกหรือเจ้าคะ?”
“คนของข้าได้รับบาดเจ็บ แต่เขาเดือดดาลถึงเพียงนั้น มันแปลกเกินไปหน่อยไม่ใช่หรือ”
“แต่เขาเพิ่งบอกไปเมื่อครู่นี้เอง เขาโมโหมากเมื่อเห็นเลือด ก่อนที่เรือนย่อยจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ คนเช่นเขาต้องทำตามความปรารถนาของตัวเองในทุกสิ่ง หากผู้ใดไม่ทำตามความปรารถนาของเขา เขาจะคิดว่าคนผู้นั้นสมควรตาย”
“เป็นเช่นนั้นหรือ?”
“มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอนเจ้าค่ะ หรือว่าที่เขาปฏิบัติต่อฮูหยิน…”
“เป็นไปไม่ได้ อย่าพูดจาเหลวไหล” มู่ซืออวี่ขัดจังหวะจินตนาการเพ้อฝันของจื่อซู
จื่อเยวี่ยนถือน้ำใสสะอาดเข้ามาแล้วป้อนน้ำให้เหวินอี้
นางแตะหน้าผากของเหวินอี้ จากนั้นหันไปบอกมู่ซืออวี่ว่า “ฮูหยิน ร้อนนิดหน่อยเจ้าค่ะ”
“เริ่มเป็นไข้แล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว
เป็นไปตามที่หมอบอก เหวินอี้มีไข้ตลอดทั้งคืน หมออยู่ในห้องไม่กล้าออกไปไหน มู่ซืออวี่นั่งครุ่นคิดกับหญิงสาวทั้งสอง จนกระทั่งรุ่งสางก็ยังไม่หยุด
มู่ซืออวี่หันไปเห็นเงาดำยืนอยู่ข้างหน้าต่าง จึงชี้ให้จื่อซูดู
จื่อซูก็เห็นร่างนั้นเช่นกัน นางเดินไปดูเงียบ ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมารายงาน “ฮูหยิน บ่าวเห็นร่างนั้นจากด้านหลังเท่านั้น น่าจะเป็นคนรับใช้ของจงอ๋องเจ้าค่ะ”
“จงอ๋องให้ความสนใจเรื่องนี้มากเกินไปหรือเปล่าเจ้าคะ?” จื่อเยวี่ยนถาม
“ท่านอ๋องผู้โหดเหี้ยมดั่งปีศาจกระหายเลือด และมองว่าชีวิตคนนั้นไร้ค่า เหตุใดเขาถึงเป็นห่วงเรื่องนี้มาก เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
พอเหวินอี้ขยับตัว ท่านหมอพลันเอ่ยอย่างประหลาดใจ “เจ้าฟื้นแล้ว!”
เหวินอี้ลืมตาขึ้น เมื่อเห็นคนหลายคนยืนอยู่ในห้องก็พูดอย่างอ่อนแรง “ข้าเป็นอะไรไป?”
“เจ้าได้รับบาดเจ็บ จำไม่ได้เลยหรือ?” จื่อซูพูด “หลังจากนั้นเจ้าก็นอนจับไข้ทั้งคืน พวกเราคอยเฝ้าดูแล ไม่กล้าออกไปไหน ตอนนี้เจ้าหายดีแล้ว ท่านหมอบอกว่าจะไม่เป็นอะไร หากเจ้าผ่านคืนนั้นไปได้ ก็แค่ต้องกินยาให้ตรงเวลา”
เหวินอี้จำได้แล้ว
ก่อนที่เขาจะหมดสติไป เขามองเห็นฟ่านหยวนซีอย่างเลือนราง ทั้งยังได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของเขาด้วย
ไม่ดีแน่!
“นายช่างหลิน… นายช่างหลินเป็นอย่างไรบ้าง?”
จื่อซูและจื่อเยวี่ยนทำหน้าเศร้า
“เขาตายแล้ว ฟ่านหยวนซีสังหารเขา” มู่ซืออวี่ไม่ได้ปิดบัง “ข้าไม่คิดว่าฟ่านหยวนซีจะฆ่าคนจริงทันทีที่พูด แต่ต่อให้ข้าจะรู้ ข้าก็ไม่กล้าเกลี้ยกล่อมเขา เพราะข้าไม่กล้ายั่วโมโหคนบ้าเช่นนั้น”
แม้ว่านางจะมีลู่อี้คอยหนุนหลัง แต่นางก็ไม่กล้าเอาชีวิตไปเสี่ยง
“เป็นเรื่องปกติที่ไม่กล้าขอร้องไม่ใช่หรือ แม้แต่ผู้คนรอบกายฟ่านหยวนซี ก็ยังไม่กล้าขัดขืนการตัดสินใจของเขา” จื่อเยวี่ยนกล่าว
เหวินอี้หลับตาลง
บุรุษผู้นั้น… ไม่ช้าก็เร็ว กรรมจะต้องตามสนอง
ฟ่านหยวนซีบ้าไปแล้ว ไม่แม้แต่จะฟังคำโน้มน้าวใจของคนอื่นเลย เขาเป็นอะไรไปแล้วเกี่ยวอะไรกับฟ่านหยวนซีเล่า?
“พวกท่านพยายามอย่าเข้าใกล้ฟ่านหยวนซี เมื่ออาการบาดเจ็บของข้าหายดีแล้ว หากมีเรื่องใดที่ต้องการขอคำแนะนำจากเขา ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”
“เจ้าไปแล้วจะแตกต่างกันอย่างไร?”
“ฟ่านหยวนซีเย่อหยิ่ง ข้าอ่อนแอ เขาไม่สนใจชีวิตของข้าหรอก”
เหวินอี้จำเป็นต้องปรับตัวช้า ๆ มู่ซืออวี่จึงจัดคนมาดูแลเขา ทั้งยังต้องจัดการกับความยุ่งเหยิงที่ฟ่านหยวนซีทิ้งไว้ด้วย
นางรู้สึกว่าช่างฝีมือเหล่านั้นคงจะเกลียดชังนางแล้ว
ในสายตาของคนอื่น ฟ่านหยวนซีฆ่าช่างฝีมือทั้งสามเพราะต้องการระบายความโกรธที่มีต่อนาง
แต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่านางเองก็กลัวว่า วันหนึ่งฟ่านหยวนซีจะชี้ดาบของเขามาที่นาง ทำให้นางกลายเป็นหนึ่งในวิญญาณผู้บริสุทธิ์
“เถ้าแก่เนี้ยมู่ ต่อไปเจ้าต้องการอะไรก็พูดมาเถิด พวกเราจะร่วมมือกับเจ้าอย่างเต็มที่” นายช่างผิงกล่าวอย่างเฉยเมย
“ข้ารู้ว่าท่านกำลังตำหนิข้า” มู่ซืออวี่พูด “นายช่างผิง ข้าก็เป็นเหมือนท่าน เป็นแค่คนที่ทำงานให้กับฟ่านหยวนซี ฟ่านหยวนซีอารมณ์แปรปรวนและก้าวร้าวมาก หากพวกเราร่วมมือกันอย่างดี เราก็จะสามารถหนีให้พ้นได้หลังจากทำงานนี้เสร็จ”
“เจ้าแตกต่างจากพวกเรา” นายช่างผิงกล่าว “หากยุ่งกับเจ้า ฟ่านหยวนซีจะสร้างปัญหาให้กับพวกเรา”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ฟัง มู่ซืออวี่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ความจริงแล้วพวกเขารู้จักกลัวบ้างก็เป็นเรื่องดี ต่อไปจะได้ไม่สร้างปัญหามาก
กลางดึกคืนนั้น มู่ซืออวี่ลากร่างที่อ่อนล้าของนางกลับไปยังที่พัก
“ฮูหยิน ช่วงนี้ท่านทำงานหนักมากนะเจ้าคะ” จื่อซูเดินตามหลังมู่ซืออวี่แล้วมานวดไหล่ให้ “จื่อเยวี่ยนกำลังไปเตรียมน้ำร้อน ฮูหยิน ไปอาบน้ำแล้วจิบสุรา คลายความเหนื่อยล้าสักหน่อย พักผ่อนให้เต็มที่เถิดเจ้าค่ะ!”
“อืม ช่วงนี้พวกเจ้าก็ทำงานหนัก” มู่ซืออวี่พูด “พรุ่งนี้ข้าจะให้วันหยุดพวกเจ้าหนึ่งวัน ไปเที่ยวเมืองซูโจวกันเถิด”
“ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ ฮูหยินไม่ได้พักผ่อน พวกเราจะเหนื่อยกันได้อย่างไร” จื่อซูกล่าว “เมื่อกลับไปที่เมืองฮู่เป่ยแล้ว บ่าวจะขอลาฮูหยินแน่นอนเจ้าค่ะ”
มู่ซืออวี่เอนตัวในอ่าง พลางหลับตาเพลิดเพลินไปกับการนวด
จื่อซูแรงเยอะ นวดได้สบายยิ่งนัก แต่ว่ามือสากเกินไปหน่อยหรือไม่? เมื่อกลับไปเมืองฮู่เป่ยแล้วคงต้องเตรียมยาพอกมือไว้ให้ มือเล็ก ๆ นั้นจะได้ไม่หยาบกร้าน
ทันใดนั้นริมฝีปากอุ่น ๆ ก็จุมพิตลงที่คอของนาง
มู่ซืออวี่ตกใจ ขณะเอื้อมมือไปปัดออกก็ถูกมือของใครคนหนึ่งคว้าข้อมือไว้
ทว่าเมื่อเห็นชายที่อยู่ตรงหน้า นางก็รู้สึกประหลาดใจ “ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”