สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 341 นกไม้บินได้
บทที่ 341 นกไม้บินได้
บทที่ 341 นกไม้บินได้
เมื่อมู่ซืออวี่อ่านจดหมาย ความสุขพลันพรั่งพรูออกมาจากแววตาของนาง
“จื่อซู…” นางเก็บจดหมายแล้วเรียกจื่อซู “เตรียมเก็บกวาดห้องว่างสองห้อง ฉาวอวี่กับน้องหานกำลังจะมาศึกษาที่เมืองซูโจว พวกเขาอาจจะมาอยู่ที่นี่สักพัก”
“จริงหรือเจ้าคะ?” เสียงของจื่อซูดังมาจากข้างนอก “ข้าจะรีบไปทำความสะอาดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องรีบถึงเพียงนั้นหรอก ในจดหมายบอกไว้ว่าน่าจะมาถึงพรุ่งนี้” มู่ซืออวี่กล่าว “จะว่าไปแล้ว ข้าจากบ้านมานาน คิดถึงเด็กสองคนนั้นจริง ๆ”
จื่อเยวี่ยนเดินเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าสะอาดในมือ “คงจะดีมากหากอวิ๋นเอ๋อร์มาด้วยนะเจ้าคะ”
“อวิ๋นเอ๋อร์ยังมีเรื่องต้องทำ จะให้ออกมาได้อย่างไร ข้าเห็นว่าท่านอาจารย์ให้ความสำคัญกับนางมากทีเดียว นางเองก็ยังคงสนุกกับการเรียนรู้ด้วยตัวเอง พวกเราไม่ต้องยุ่งหรอก”
ลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานกำลังจะมา มู่ซืออวี่จึงมีความสุขมาก นางจัดแจงสั่งให้คนรับใช้ทำความสะอาดทั้งในและนอกเรือน
“ไปที่ร้าน แล้วบอกพวกเขาให้ส่งโต๊ะมาสองตัว หาคนมาติดตั้งชั้นวางหนังสือสักสองคนด้วย เด็ก ๆ เล่าเรียนหนังสือ จะไม่มีชั้นวางหนังสือได้อย่างไร ถ้าไม่มีเดี๋ยวจะวางหนังสือไม่สะดวก”
มู่ซืออวี่มองตัวเองในกระจก “ช่วงนี้ข้าดูโทรมมากเกินไปหรือเปล่า?”
“ใช่เจ้าค่ะ เราลำบากเพราะไปรับใช้จงอ๋อง ท่านต้องกังวลเรื่องหาทางรับมือเขาไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ” จื่อซูที่อยู่ด้านข้างตอบ
“ไม่ได้แล้ว เรามาพอกหน้ากันเถิด จะต้องต้อนรับพวกเขาในสภาพที่ดีที่สุด พวกเขาจะได้ไม่กังวล”
ลู่ฉาวอวี่เหมือนพ่อของเขามาก เขาเป็นคนช่างคิดและรอบคอบ สามารถทำความเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ได้มากมายจากรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ
“ดี”
มู่ซืออวี่อารมณ์ดี แม้แต่เด็กฝึกงานก็ดีใจไปด้วย
“ท่านอาจารย์ ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือขอรับ?”
“ของเล่น!” มู่ซืออวี่มองนกไม้ในมือ “เจ้าดูสิ…”
เมื่อนางพูดจบ นางก็โบกนกไม้ทวนเข็มนาฬิกากลางอากาศ มันจึงขยับปีกเหมือนกำลังบินอยู่
ทุกคนตกตะลึง
“เราเป็นช่างไม้ หาใช่เทพเซียนไม่ เหตุใดฝีมือของท่านอาจารย์ถึงได้เหนือชั้นกว่าเรามากนักเล่าขอรับ?”
มู่ซืออวี่ยกยิ้ม “ข้าชอบศึกษาค้นคว้าทุกอย่างที่แตกต่างจากที่เคยมีมาก่อน”
ในยุคปัจจุบัน นางเป็นเพียงนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ธรรมดา ทว่านางรักงานฝีมือมากเป็นพิเศษ จึงชอบศึกษาค้นคว้าองค์ความรู้ในวงการนี้อยู่เสมอ
มียอดฝีมือมากมายในวงการนี้ เหล่าคนระดับตำนานเหล่านั้นทำให้นางทะเยอทะยาน โหยหาที่จะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาบ้างอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
ทั้งหมดนี้เกิดจากอาจารย์ของนาง
อาจารย์ของนางเป็นชายชราที่ดูมีมนต์ขลัง ในมือมักจะถือมีดและไม้ไว้เสมอ เขารังสรรค์งานแกะสลักหลากหลายรูปแบบมากมาย บางครั้งงานเหล่านั้นดูสมจริงราวกับมีชีวิต บางทีนางอาจจะได้รับอิทธิพลมาด้วย หรือไม่ก็อาจจะชอบมันมาก นางจึงเลียนแบบเขาด้วยการแกะสลักสิ่งต่าง ๆ มากมาย ทั้งดอกไม้ นก ต้นไม้ ตัวละคร หรือสัตว์ต่าง ๆ
วิธีสร้างกลไกพวกนี้ อาจารย์ถ่ายทอดให้นางคนเดียวเท่านั้น
อาจารย์บอกว่าลูก ๆ ของเขาไม่ชอบงานนี้ ทำให้ภูมิปัญญาจากรุ่นพ่อไม่มีทายาทสืบต่อ เขาจึงถ่ายทอดทักษะของเขาให้นาง ทว่านางต้องสาบานว่าจะไม่ใช้ความรู้เหล่านี้ทำร้ายผู้อื่น
มู่ซืออวี่มองนกไม้ที่ราวกับไม่เต็มใจจะร่อนลงสู่พื้น
นางไม่ได้นึกถึงอดีตชาติมานานเพียงใดแล้ว?
หรือว่านางเริ่มแก่แล้ว จึงเริ่มรู้สึกเศร้ากับอดีต?
“ท่านอาจารย์ จะขายสิ่งนี้หรือขอรับ?” เจี่ยงจงถาม
“ไม่ขาย ข้าทำให้ลูกชายของข้า” มู่ซืออวี่ตอบ “แต่หากเจ้าชอบ ข้าจะมอบให้เจ้าก็ได้ แล้วข้าจะทำอีกอันหนึ่งให้เขา”
“โอ้ ขอบคุณขอรับท่านอาจารย์” เจี่ยงจงรีบตอบรับท่ามกลางสายตาอิจฉาริษยาของทุกคน
จากนั้นเขาก็ออกไปพร้อมกับนกไม้ แทบรอไม่ไหวที่จะนำไปเล่นกับน้องชาย
หุ่นไม้รูปคนขนาดใหญ่ แต่นกไม้ตัวนี้เป็นเพียงของเล่นชิ้นเล็ก ไม่ใช่ทุกคนที่จะเคยเห็นของเล่นเช่นนี้ ผู้คนมากมายจึงสนอกสนใจ
เจี่ยงกวงนำนกไม้ไปอวดเพื่อนของเขาในตรอกแห่งหนึ่ง
“ดูสิ มันบินได้ด้วย”
เหล่าเพื่อนตัวน้อยเฝ้ามองนกไม้โบยบินด้วยความตื่นเต้น
“ว้าว บินสูงมากเลย!”
“นกปลอมบินได้!”
“เจี่ยงกวง เจ้าได้มันมาจากที่ใด? ข้าเองก็อยากจะซื้อด้วย”
เจี่ยงกวงพูดด้วยความภาคภูมิใจ “นี่คือสิ่งที่อาจารย์ของพี่ชายข้าทำขึ้น มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ไม่มีขายหรอก”
“เช่นนั้นก็ให้พวกเราเล่นบ้างสิ!”
“ให้ข้าเล่นด้วย!
“ข้าก็อยากเล่นด้วย”
“พวกเจ้าห้ามแย่งกัน ถ้าพังก็แย่น่ะสิ อย่าแย่งนะ…”
เด็ก ๆ พากันวิ่งไล่ตามนกไม้ที่บินขึ้น
เมื่อเจี่ยงกวงเห็นว่านกไม้กำลังจะบินหนีไปไกล เขาก็กังวลมาก กังวลว่ามันจะตกลงมาแล้วถูกเพื่อนเหยียบย่ำจนพัง
ทันใดนั้นก็มีมือเอื้อมมาคว้านกไม้นั้นไว้
นกไม้ที่หมดแรงค่อย ๆ ร่วงลงสู่พื้น จังหวะพอดีกับที่ผู้ใหญ่คนหนึ่งเอื้อมมือไปคว้ามันไว้ แน่นอนว่าไม่ได้ส่งคืนให้เด็กน้อย
“พี่สาวคนสวย!”
เด็ก ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปยัง ‘พี่สาว’ ในชุดสีม่วงตรงหน้า แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เหตุใดจึงงดงามถึงเพียงนี้?” หร่วนฉีมองนกไม้ในมือแล้วถามว่า “มันเป็นของผู้ใด?”
เด็กน้อยชี้ไปที่เจี่ยงกวง
เจี่ยงกวงก้าวออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ “พี่สาว ช่วยคืนให้ข้าได้หรือไม่ขอรับ?”
หร่วนฉีหยิบก้อนทองคำออกมาจากกระเป๋า แล้วใส่ไว้ในมือของอีกฝ่าย “ข้าซื้อมันแล้ว”
จากนั้นไม่ว่าเด็กคนนั้นจะพูดอะไร เขาก็หยิบนกไม้เดินจากไปอย่างไม่ไยดี
เจี่ยงกวง “…”
เหล่าสหายตัวน้อยมองหน้ากัน
“ฮือ…” เจี่ยงกวงน้ำตาไหลพราก “นกไม้ของข้า… “
เมื่อเห็นเขาเริ่มร้องไห้ เหล่าเพื่อนตัวน้อยก็พากันแยกย้าย ไม่กล้าเล่นกับเขาอีกต่อไป
หร่วนฉีได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ก็ทำหน้าบูดบึ้งแล้วถามว่า “ทองคำสิบตำลึงยังไม่พออีกหรือ?”
เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องเงินทองนั้นไม่ได้สำคัญ สิ่งสำคัญคือเด็กเต็มใจขายหรือไม่ต่างหาก
สำหรับผู้ใหญ่ นี่เป็นเพียงนกไม้ที่กินหรือดื่มไม่ได้ แต่สำหรับเด็กแล้ว มันคือความสุขในวัยเด็กที่สำคัญมาก
“พี่ชาย…” เมื่อเจี่ยงกวงมาถึงเรือนกรุ่นฝัน ก็รีบไปหาเจี่ยงจงที่กำลังตรวจสอบสินค้าอยู่ในคลัง “นกไม้ถูกคนเอาไปแล้วขอรับ”
เจี่ยงจงประหลาดใจ “ผู้ใดเอาไป? เจ้าทะเลาะกับเพื่อนหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ขอรับ พี่สาวคนหนึ่งต่างหาก” เจี่ยงกวงยื่นทองคำให้เขา “นางเอาสิ่งนี้มาแลกกับนกไม้ของข้า ข้ายังไม่ได้ตกลงกับนางเลย!”
เจี่ยงจง “…”
อันที่จริงหากได้สิ่งนี้มาแทนก็ดีมากแล้ว
“มันคือทองคำไม่ใช่หรือ? นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นทองคำ” เด็กหนุ่มที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น
เจี่ยงจงปวดหัว เขาเพียงลูบผมของเจี่ยงกวง “เอาล่ะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร? หากรู้ ข้าจะได้พาเจ้าไปแลกคืนมา”
แม้ว่าเขาจะคิดว่าทองคำเป็นของมีค่ามาก แต่น้องชายของเขาชอบนกที่ทำจากไม้มากกว่า ไปแลกนกไม้กลับคืนมาคงจะดีกว่า
“ไม่รู้ขอรับ นางงดงามมากทีเดียว แต่ข้าไม่เคยเห็นนางมาก่อนเลย” เจี่ยงกวงสูดจมูกด้วยความโกรธเคือง
“หากไม่รู้จัก เราก็ไม่มีทางหาตัวนางเจอ เช่นนั้นก็ลืมมันไปเสียเถิด” เจี่ยงจงพูด “เอาล่ะ ไม่ต้องเสียใจไป ข้าจะเลี้ยงของอร่อยเจ้าก็แล้วกัน”
“พี่เจี่ยง อาจารย์เป็นคนทำนกไม้ เหตุใดไม่ขอให้อาจารย์สอนวิธีทำเล่า?”
“ใช่แล้ว หากได้เรียนรู้ทักษะนี้ ต่อให้เราจะไม่ได้เป็นช่างไม้แล้ว เราก็ยังสามารถทำของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ หาเงินเข้ากระเป๋าได้” อีกคนหนึ่งพูดเสริม
“ท่านอาจารย์จะสอนทักษะอะไรให้เรานั้น เป็นสิ่งที่ท่านอาจารย์ต้องตัดสินใจเอง ไม่ใช่สิ่งที่เราจะสามารถร้องขอได้ เรายังฝึกทักษะพื้นฐานไม่เก่งพอด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดเราต้องเรียนทักษะยาก ๆ เช่นนี้ด้วย” เจี่ยงจงพูด “เอาใจกลับมาเถิด อย่าปล่อยให้ใจทะเยอทะยานมากเกินไปเลย”
ทุกคนเงียบ ไม่กล้าเอ่ยคำใดอีก