สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 346 สมุดบัญชีมีปัญหา
บทที่ 346 สมุดบัญชีมีปัญหา
บทที่ 346 สมุดบัญชีมีปัญหา
เหวินอี้แสดงสมุดบัญชีในมือให้นางดู
“นี่คือสมุดบัญชีของเดือนที่แล้ว”
มู่ซืออวี่ดูอย่างละเอียด
“บรรทัดนี้…” ปลายนิ้วของมู่ซืออวี่ลากผ่านรายการบัญชี “หวงฮวาหลี*[1]”
มองแวบแรกดูเหมือนไม่มีปัญหา ร้านของนางนำเข้าไม้เป็นปกติ หวงฮวาหลีเป็นหนึ่งในไม้ที่ใช้บ่อยที่สุด จะเติมบ่อยในคลังก็ไม่แปลก ทุกครั้งที่ซื้อสินค้าจะมีการจดไว้ว่าไม้ใดใช้ทำอะไรไว้อย่างชัดเจน ทว่าจำนวนของหวงฮวาหลีชุดนี้ถูกเขียนไว้ แต่ไม่ได้ระบุว่าใช้ที่ไหน
ถ้าเป็นเพียงจำนวนนี้เท่านั้นก็ไม่เป็นอะไร บางทีคนงานอาจรีบร้อนจึงลืมจดไว้ในบัญชี
เรื่องนี้จะฟังดูสมเหตุสมผลถ้าไม่หลายครั้งติดต่อกัน อีกอย่าง คนที่เก็บของเข้าคลังก็คนเดียวกันด้วย
“และตรงนี้…” เหวินอี้ชี้ไปที่รายการอื่น “เผื่อลูกค้าจะต่อรองราคา ร้านเราก็เลยเปิดเผยราคาต่ำสุดให้กับคนงานทุกคน ทุกครั้งที่เก๋อหู่เป็นคนขาย เราจะได้ราคาที่เป็นราคาต่ำสุดที่ตั้งไว้เสมอ”
มู่ซืออวี่ครุ่นคิด “ข้าจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยบอกไว้แล้วว่าคนขายก็ขายไป คนเก็บเงินก็อยู่ส่วนเก็บเงิน ถ้ามีปัญหาก็หมายความว่า…”
มีการสมรู้ร่วมคิด
อาจจะไม่ใช่แค่สองคนนี้ด้วย
“ข้าพอจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว พรุ่งนี้ข้าจะคุยกับซูอวี้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร วันนี้เจ้าทำงานหนักมามากแล้ว เจ้าควรพักผ่อนก่อน” มู่ซืออวี่พูดกับเหวินอี้
เหวินอี้เก็บสมุดบัญชี “ข้าเป็นคนรับผิดชอบบัญชีนี้ ข้าไม่คิดว่าจะใช้เวลานานถึงเพียงนี้กว่าจะพบปัญหา”
“เจ้าช่างน่าสนใจจริง ๆ ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพราะพรสวรรค์ด้านการออกแบบของเจ้า ข้าเห็นว่าที่นี่เป็นบ้านเกิดของเจ้าด้วย เจ้าจะมีหน้าที่ดูแลบัญชีของเมืองฮู่เป่ย ไม่ใช่ที่นี่ด้วยซ้ำ ข้าขอบคุณเจ้ามาก เจ้าอุตส่าห์ช่วยข้าตรวจสอบบัญชี หลังจากเหตุการณ์นี้ ข้าจะให้เงินพิเศษแก่เจ้า”
เช้าวันรุ่งขึ้น มู่ซืออวี่ไปพบเจิ้งซูอวี้พร้อมสมุดบัญชี “วันนี้เราออกไปกินอาหารเช้าข้างนอกกันเถิด”
เจิ้งซูอวี้หาว “ท่านไม่รู้หรือว่าช่วงนี้ข้าไม่กินอาหารเช้า เหตุใดท่านต้องฉุดข้าไปด้วย?”
นางเหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรแล้ว ช่วงนี้ยุ่งกับการจัดเตรียมงานจัดแสดงสินค้า เหนื่อยเสียจนไม่อยากลุกขึ้นเมื่อนอนลง แทนที่จะไปกินอาหารเช้า เอาเวลามานอนต่อจะดีกว่า
“มีเรื่องจะคุยด้วยจริง ๆ” มู่ซืออวี่ฉุดเจิ้งซูอวี้ขึ้นมา “ไปกันเถิด”
เวลานี้เพิ่งรุ่งสาง จึงมีคนเดินถนนไม่มากนัก แต่พ่อค้าหาบเร่ที่ขายอาหารเช้าพร้อมแล้ว เขาทักทายแขกที่เดินผ่านไปมาด้วยเสียงอันดัง
ตอนแรกเจิ้งซูอวี้ยังไม่ค่อยตื่น แต่เมื่อเห็นผู้คนมากมายวิ่งไปมาเพื่อเอาชีวิตรอด ความง่วงงุนของนางก็หายไป เมื่อพบร้านขายซาลาเปาและโจ๊ก ทั้งสองก็นั่งลง ก่อนจะสั่งซาลาเปากับโจ๊กสองสามชามมากิน
“ก่อนหน้านี้ท่านบอกให้ข้าติดต่อเพื่อนร่วมกิจการในเมืองซูโจว ข้าก็ไปบอกพวกเขาว่าท่านต้องการจะทำอะไร พวกเขาห้าคนตกลง อีกเจ็ดคนยังคงต้องพิจารณา ส่วนอีกสี่คนปฏิเสธ”
“ไม่ต้องบังคับพวกเขา” มู่ซืออวี่กล่าว “แม้ว่าจะมีเพียงเราก็สามารถจัดงานนี้ได้ ข้าแค่ต้องการทำให้งานนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น”
“ท่านจะทำอย่างไรต่อไป?”
“ข้าวาดป้ายประกาศ คัดลอกหลายร้อยฉบับ ข้าจะหาขอทานมาช่วยกระจายป้ายเหล่านี้ไปยังเมืองใกล้เคียงหลายแห่ง” มู่ซืออวี่กล่าว “แต่ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ข้าจะปล่อยให้พี่เซี่ยจัดการเอง เราไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาในเรื่องกิจการก็จริง แต่เรื่องเช่นนี้เหมาะกับเขาที่สุด”
หลังจากพูดคุยเรื่องงานแสดงสินค้าจบแล้ว จากนั้นก็พูดถึงเถ้าแก่เนี้ยโฉมงามแห่ง ‘ร้านเพียงหนึ่งเดียว’
“เมื่อวานนี้ข้าเห็นเหตุการณ์น่าตื่นเต้น ตอนที่ข้าเดินผ่าน ‘ร้านเพียงหนึ่งเดียว’” เจิ้งซูอวี้เล่า “มีคนอ้วนหูกางคนหนึ่งทะเลาะกับเถ้าแก่เนี้ยฉีจนจะลงไม้ลงมือ เขาจึงถูกเถ้าแก่เนี้ยฉีหักขาไปข้างหนึ่ง”
“โหดร้ายเกินไปหรือไม่?” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “แล้วทางการจะไม่รบกวนนางใช่หรือไม่?”
หญิงงามถึงเพียงนี้ หากต้องโทษเพราะคนไร้ยางอาย เกรงว่าคงน่าเสียดายมากแน่
“หลังจากนั้นข้ายังคงยุ่งอยู่ จึงไม่ได้สนใจสถานการณ์ที่นั่น แต่คนจำนวนมากก็เห็นว่าไอ้หมูสกปรกนั่นรังแกนางก่อน นางไม่น่าจะต้องโทษใด”
“ท่านคิดว่าเมืองซูโจวเป็นเมืองฮู่เป่ยหรือ?”
เจ้าหน้าที่ของที่นี่ดูเหมือนจะไม่ทำเรื่องดีสักเท่าไหร่
“ไม่หรอก หากมากินอาหารเช้าได้ ก็แน่ใจได้ว่านางไม่เป็นอะไร” เจิ้งซูอวี้ชี้ไปด้านหน้า
มู่ซืออวี่หันไปมอง เห็นว่าหร่วนฉีกำลังเดินมากินอาหารเช้า
“แต่ข้ามีอีกเรื่องที่จะบอกท่าน” มู่ซืออวี่อธิบายเรื่องสมุดบัญชี
“ช่วงนี้เราจ้างคนใหม่มามากเกินไป หากไม่จัดการคนให้ดีจะเจอเรื่องแปลก ๆ ข้าเคยเจอเรื่องเช่นนี้มามาก ตอนที่ข้าเคยบริหารร้าน ตอนแรกคนงานก็เป็นคนซื่อสัตย์และไว้ใจได้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านยุ่งเกินกว่าจะดูแล ก็เริ่มใช้กลโกงทุกวิถีทาง” เจิ้งซูอวี้กล่าว “มาแอบตรวจสอบกันเถิด อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นจะดีกว่า”
…
เจี่ยงจงออกมาจากห้องตำราด้วยสีหน้ากังวล
“พี่เจี่ยง มีอันใดหรือ?”
เจี่ยงจงมองไปยังคนรอบกาย แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์บอกให้ข้าซื้อของจำนวนหนึ่ง แต่ข้ามีงานยุ่งที่ต้องทำ ข้าไม่อาจปลีกตัวออกไปได้ มีคนใดว่างไปแทนบ้าง?
“เราไม่ได้ซื้อสินค้าส่วนใหญ่จากตระกูลฉินหรอกหรือ? เพียงแค่บอกพวกเขา พวกเขาก็จะจัดส่งให้ถึงหน้าประตู”
“ครั้งนี้แตกต่างออกไป” เจี่ยงจงกล่าว “สินค้าเกือบทั้งหมดของตระกูลฉินถูกขายให้เราหมดแล้ว ไม่เหลืออยู่ในคลังอีก พวกเขาต้องใช้เวลาสองสามวันในการจัดเตรียม สินค้าชุดนี้เป็นของที่ต้องการเร่งด่วน จำเป็นต้องเอามาจากเมืองข้างเคียง”
ชายสองคนในฝูงชนหันมามองหน้ากัน
“พี่เจี่ยง เถ้าแก่เนี้ยบอกว่าราคาเท่าไหร่?”
“ราคาก็พอ ๆ กันนั่นแหละ ไม่ได้มีข้อกำหนดพิเศษอะไร” เจี่ยงจงกล่าว “สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องรีบ ภายในสามวันจะต้องได้สินค้าชุดนี้”
“ข้าจะไปเอง” คนงานคนหนึ่งยกมือขึ้น “ช่วงนี้ทุกคนยุ่งมาก ข้าเพิ่งเข้ามาใหม่ ทักษะของข้ายังไม่ดีเท่าทุกคน การทำธุระนี้ให้อาจถือว่าเป็นการคลายความกังวลให้ทุกคน”
เจี่ยงจงตบไหล่ชายคนนั้น “เช่นนั้นเจ้าคงต้องเหนื่อยสักหน่อย มีใครอีกบ้างที่เต็มใจไป?”
เวลานี้มู่ซืออวี่และเจิ้งซูอวี้ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง คอยดูเหตุการณ์ด้านล่าง…
[1] หวงฮวาหลี เป็นไม้ขนาดเบา ไม่ปริแตกง่าย ๆ คนจีนยุคโบราณมักเอามาทำเครื่องประดับ