สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 347 คนทุจริต
บทที่ 347 คนทุจริต
บทที่ 347 คนทุจริต
“คนเยอะเรื่องแยะจริง ๆ” มู่ซืออวี่กล่าว “คนงานในเมืองฮู่เป่ยซื่อสัตย์มาก พวกเขาอุทิศตนเพื่อข้า ส่วนคนงานที่นี่ ดูเหมือนจะมีคนไม่น่าไว้ใจอยู่สองสามคน”
“ท่านคิดว่าคนหายใจออกมาเป็นตั๋วเงินหรือ ทุกคนต้องอุทิศตนให้ท่านหรือไร คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร จิตใจมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่อาจควบคุมได้ วันนี้คือเพื่อนสนิท วันหน้าอาจเป็นศัตรู”
มู่ซืออวี่โอบไหล่ของเจิ้งซูอวี้ “เราคงไม่ได้ไปไกลกันถึงเพียงนั้น ไม่อย่างนั้นข้าจะเสียใจมากเพียงใดนะ”
“ท่านช่วยให้ข้าร่ำรวย ข้าจะไม่ทรยศท่านแน่นอน สิ่งเดียวที่ทำให้ข้ามีความสุขในโลกนี้คือเงิน” เจิ้งซูอวี้กำมือพลางทำท่าทางเหมือนคนตระหนี่
ชายอ้วนคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน เขามองหาคนที่คุ้นเคยในฝูงชน เมื่อเขาเห็นบุคคลนั้นก็ร้องเรียก “พี่ฟาง”
เมื่อชายแซ่ฟางได้ยินเสียงเรียก ดวงตาของเขาพลันเป็นประกาย รีบเดินไปหาทันที
“ท่านเจี่ยง ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
“ข้ามาเสนอ” ท่านเจี่ยงคนนั้นเอ่ยอย่างมีความนัย “คราวนี้เยอะกว่านั้นมาก เอาตามกฎเดิม…”
ท่านเจี่ยงเคยพาคนมาซื้อของ เตียงราคาเดิมคือ 520 ตำลึงเงิน ชายแซ่ฟางรายงานราคาต่ำสุดคือ 500 แต่ความจริงแล้วขายให้คนผู้นั้นไปในราคา 515 ตำลึง จากนั้นส่วนต่าง 15 ตำลึงก็เอาไปแบ่งปันกันในหมู่พวกเขา
“เฮ้ พี่ฟาง พี่จง ข้าพาคนมาเพิ่มให้เจ้า มาสร้างโชคลาภด้วยกันเถิด!”
‘คนงานจง’ เป็นคนดูแลเรื่องเก็บเงิน
ครั้งนี้พวกเขาขายสินค้าได้ส่วนต่างมาเป็นเงิน 15 ตำลึง ทั้งสามคนจึงแบ่งกันคนละ 5 ตำลึง
พวกเขาใช้ประโยชน์จากช่วงที่ไม่มีลูกค้า แอบเข้าไปแบ่งเงินกันในตรอก
5 ตำลึงไม่ใช่เงินเล็กน้อยสำหรับพวกเขา มันเพียงพอสำหรับใช้เป็นเวลาหลายเดือน พวกเขาทำเรื่องเช่นนี้มาหลายครั้ง ช่วงนี้จึงโกยเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
“ตกลงกันพอหรือยัง? หากยัง ก็ไปแบ่งกันต่อในคุก” เสียงของเจี่ยงจงดังขึ้น
จู่ ๆ เจี่ยงจงและเซี่ยคุนก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม ทุกคนได้แต่หันไปมองด้วยความสยดสยอง
ทุกคนรู้ดีว่าเซี่ยคุนเป็นคนคอยกำจัดสิ่งโสมมสกปรก
แม้ว่าเขาจะไม่มีตำแหน่งใหญ่โต แต่ไม่มีใครในเรือนกรุ่นฝันที่ไม่รู้จักเขา
ไม่กี่วันที่ผ่านมามีคนเข้ามาสร้างปัญหา เขาโดนเซี่ยคุนเตะกระเด็นออกไป อีกทั้งยังสูญเสียฟันไปหลายซี่ ช่วงนี้จึงมีลูกค้าน้อยลงมาก
ณ เรือนกรุ่นฝัน
มู่ซืออวี่และเจิ้งซูอวี้นั่งอยู่เคียงข้างกัน บัดนี้ชายสองคนที่ถูกจับได้ยืนอยู่ตรงข้ามกับเจี่ยงจง ส่วนคนอื่น ๆ ยืนล้อมวงเอาไว้ บางคนรู้สึกหวาดกลัวมาก
“บอกมาว่ากี่ครั้งแล้ว?” เจิ้งซูอวี้ถาม
“ครั้งเดียวขอรับ” คนงานฟางตัวสั่นสะท้าน
“ครั้งเดียวหรือ?” มู่ซืออวี่ยิ้มอ่อน “หากตอนนี้เจ้ายอมสารภาพตามตรง เจ้าจะได้รับโทษที่เบาลง ไม่เช่นนั้น ต่อให้คืนเงินก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะข้าจะรายงานต่อทางการแล้วยื่นฟ้องคดี”
“เมื่อเจ้าเข้าไปในคุกแล้ว แม้ว่าเจ้าจะถูกคุมขังเพียงไม่กี่วันและถูกปล่อยตัว แต่ก็จะมีประวัติอาชญากรรมติดตัวไป ตามกฎหมายของราชสำนัก ลูกชายของเจ้าจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมสอบขุนนาง ในเมื่อพวกเจ้าคิดว่ามันไม่สำคัญ ข้าก็จะไม่สนใจแล้ว”
“สามครั้ง สามครั้งจริง ๆ ขอรับ” คนงานจงกล่าว
“มีใครทำเรื่องเช่นนี้อีกบ้าง หากบอกมาทั้งหมด ก็พอจะชดเชยความผิดได้บ้าง” เจิ้งซูอวี้กล่าว “รวมถึงพวกเจ้าด้วย หากพวกเจ้ารู้อะไรก็บอกได้เลย หากไปพบทีหลัง จะไม่ใช่แค่ยึดเงินหรอกนะ”
“อันที่จริงหากต้องการตรวจสอบ ก็ตรวจสอบได้ง่าย ๆ เพียงแค่ไปหาลูกค้าของเราตามที่บันทึกไว้ แล้วถามพวกเขาว่าซื้อมาเท่าไหร่ จากนั้นก็ตรวจสอบว่าตรงกันหรือไม่”
“ข้าแค่ไม่อยากทำให้ต้องลำบาก หากยอมรับสารภาพเอง ข้าก็พอจะช่วยแก้ปัญหาได้ ไม่เช่นนั้น… หากข้ารู้จำนวนเงินที่เสียไปแล้ว ข้าจะไม่ใช่แค่ให้เจ้าจ่ายเงินคืน แต่จะแจ้งความโทษฐานทุจริตลักทรัพย์ แล้วให้ทางการมาดูแลแทน” มู่ซืออวี่วางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง
กึง!
เสียงถ้วยน้ำชากระแทกโต๊ะทำให้เหล่าคนทุจริตหน้าซีดเผือด
“ส่วนคนที่รายงานเบาะแสถือว่าทำความดี คนผู้นั้นจะได้รับรางวัลเป็นเงิน 1 ตำลึง หากเป็นการกล่าวหาเท็จ ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในร้านของเราต่อไป เราไม่อาจปล่อยคนเช่นนั้นไว้ในร้านได้” เจิ้งซูอวี้เอ่ยอย่างเด็ดขาด
“ข้าขอรายงานเฉินเจี่ย”
“ข้ารายงานเจี่ยงซง”
“ข้ารายงานเก๋อหู่ แต่เก๋อหู่ไม่อยู่ที่นี่”
รางวัลล่อใจ บวกกับความจริงที่ว่าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงแล้ว พวกคนทุจริตย่อมไม่อาจปกปิดต่อไปได้ หลายคนจึงยินดีขอความดีความชอบ
เก๋อหู่ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ผลจากการเดินหมากครั้งใหญ่กำลังรอเขาอยู่
คนอื่น ๆ ยักยอกเงินเข้ากระเป๋าของตัวเอง แต่โทษของเก๋อหู่นั้นร้ายแรงกว่ามาก เขาใช้หน้าที่ในการนำเข้าและส่งออกสินค้าแตะต้องบัญชี สิ่งที่เขายักยอกไปไม่ใช่เงินเพียงไม่กี่ตำลึง แต่เป็น 10 ตำลึงหรือแม้แต่หลายร้อยตำลึง
“คืนเงินที่พวกเจ้ายักยอกมาตามความจริง แล้วออกไปจากเรือนกรุ่นฝัน เราจะไม่แจ้งทางการ” มู่ซืออวี่ลงโทษคนเหล่านี้
ส่วนเก๋อหู่และคนที่มีโทษร้ายแรงจะถูกส่งตัวไปให้ทางการตัดสินว่าทุจริต
…
ณ ห้องตำรา เหวินอี้มอบสมุดบัญชีที่แก้ใหม่ให้มู่ซืออวี่ตรวจสอบ
“คนในที่ทุจริตถูกกวาดล้างหมดแล้ว ใครก็ตามที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่จะต้องชั่งใจ แต่เรายังต้องเตรียมตัวสำหรับงานจัดแสดงสินค้า คนงานน้อยลงเช่นนี้จะทันเวลาหรือขอรับ?”
“ความจริงแล้วของดีมีไม่มาก หากใครอยากครอบครองจริง ๆ ก็ต้องยอมเสียเวลารอ แต่ขาดสินค้ามากเกินไปไม่ดี เราอาจไม่มีอะไรขาย การค้าการขายจะมัวชักช้าไม่ได้”
“ข้าคิดว่าแทนที่จะจ้างคนใหม่มาฝึกฝนใหม่ หากเรายอมจ่ายราคาสูง จ้างช่างไม้ หรือไม่ก็ช่างไม้ที่ทำงานได้ แต่บริหารกิจการได้ไม่ดีมาคงจะดีกว่า” เหวินอี้กล่าว “วิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้มาก แก้ปัญหาความจำเป็นเร่งด่วนได้ด้วย”
“เช่นนั้นหน้าที่หาคนก็เป็นของเจ้าแล้ว” มู่ซืออวี่ยืนขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ข้ายังต้องไปตรวจสอบความคืบหน้าในการทำงานของทุกคน”