สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 350 กอดปลอบเขา
บทที่ 350 กอดปลอบเขา
บทที่ 350 กอดปลอบเขา
“ฉาวอวี่” เหวินอวี่เซวียนเดินเข้าไปหาฉาวอวี่ “ไม่มีอะไรแล้ว เจ้ามาหาอาจารย์เถอะ”
ลู่ฉาวอวี่เอื้อมมือออกไปหาเหวินอวี่เซวียน สีหน้าดูตื่นกลัวเป็นอย่างยิ่ง
เหวินอวี่เซวียนอุ้มเขาขึ้นมา
“ตอนที่ข้าตื่นขึ้นมา งูพวกนี้…”
“ไม่ต้องกลัว” เหวินอวี่เซวียนกอดลู่ฉาวอวี่ไว้ในอ้อมแขน ตบหลังเขาเบา ๆ “ข้าจะต้องตรวจสอบ คืนความเป็นธรรมให้เจ้า”
เหล่าอาจารย์สำนักบัณฑิตซูโจวพลันตื่นตระหนก
ลู่ฉาวอวี่เป็นศิษย์รักของเหวินอวี่เซวียน และเขาก็ควรค่าแก่การที่เหวินอวี่เซวียนให้ความสำคัญจริง ๆ พรสวรรค์ล้ำเลิศ ก้าวข้ามทุกคนตั้งแต่อายุยังน้อย
นึกไม่ถึงว่าจะมีคนทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้กับเขา
ไม่ว่าลู่ฉาวอวี่จะชาญฉลาดเกินวัยเพียงใด เขาก็ยังเป็นเพียงเด็กอายุไม่ถึงสิบปีเท่านั้น ลงมือทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้ต่อเขาได้อย่างไรกัน
“งูเหล่านี้… ไม่มีเขี้ยว” อาจารย์หนึ่งในนั้นรวบรวมความกล้าเข้าไปดูแล้วเอ่ยขึ้น “บางทีคนผู้นี้อาจไม่ได้ตั้งใจทำร้ายฉาวอวี่จริง ๆ เพียงแค่อยากขู่ให้เขาหวาดกลัวเท่านั้น”
“เพียงแค่ ข่มขู่ให้เขาหวาดกลัวเท่านั้นหรือ?” เหวินอวี่เซวียนปรายตามองอาจารย์คนนั้นนิ่ง ๆ “จิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้ ในสำนักบัณฑิตของท่านถือเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นหรือ?”
“ไม่ขอรับ ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น”
“เช่นนั้นจงทวงคืนความยุติธรรมให้พวกเรา” เหวินอวี่เซวียนแค่นยิ้มเย็นเยือก
“พวกเราจำต้องแจ้งให้ท่านเจ้าสำนักรับทราบ”
“นี่เป็นเรื่องภายในของพวกท่าน ข้าไม่สนใจขั้นตอน เพียงแค่รอคำตอบของพวกท่านเท่านั้น” เหวินอวี่เซวียนดึงตัวลู่ฉาวอวี่มา “พวกเราคงไม่อยู่ที่นี่ต่อแล้ว”
เหวินอวี่เซวียนพาเหล่าลูกศิษย์ทั้งหมดจากไป เขาเช่าบ้านหลังหนึ่งให้เหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายได้อยู่อาศัย
ส่วนทางด้านสำนักบัณฑิตซูโจว
หลังจากได้ยินสิ่งที่เหล่าอาจารย์รายงาน เจ้าสำนักก็เอ่ยด้วยท่าทีนิ่งขรึม “หาตัวคนทำออกมา จัดการตามกฎของสำนักบัณฑิตเรา”
“ท่านเจ้าสำนัก ข้าไม่เข้าใจ เหวินอวี่เซวียนผู้นี้เป็นเพียงอาจารย์สอนหนังสือตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เหตุใดท่านจึงดูหวาดกลัวเขานัก?”
“เดิมทีเขาเป็นสหายร่วมเรียนขององค์รัชทายาท” เจ้าสำนักกล่าว “ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ที่สามารถเป็นสหายร่วมเรียนขององค์รัชทายาทได้เป็นผู้ใด?”
ทุกคนนิ่งงัน
สหายร่วมเรียนองค์รัชทายาท เป็นเพียงสหายร่วมเรียนธรรมดาทั่วไปหรือ?
นั่นเป็นถึงมือขวาขององค์รัชทายาทเชียวนะ
เหวินอวี่เซวียนสามารถเป็นสหายร่วมเรียนขององค์รัชทายาทได้ นั่นหมายความว่าเขาย่อมมีพื้นเพไม่ธรรมดา
“เช่นนั้นเหตุใดเขาจึงมาเป็นเพียงอาจารย์สอนหนังสือในสถานที่คับแคบเช่นนี้เล่าขอรับ?”
“ไม่ว่าด้วยเหตุใด อย่างไรก็ไม่ใช่ผู้ที่เราควรล่วงเกิน” เจ้าสำนักเอ่ย “ตรวจสอบออกมาได้หรือไม่ว่าเป็นผู้ใดทำ?”
“เป็นเด็กตระกูลหงคนนั้นขอรับ ปกติมักจะวางก้ามไปเรื่อย ลู่ฉาวอวี่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา จึงเกิดอยากแก้แค้นขึ้นมาขอรับ เขี้ยวของงูถูกถอดออกหมดแล้ว คิดว่าเขาคงไม่กล้าทำเรื่องราวใหญ่โตขอรับ”
“นี่ยังไม่ใหญ่อีกรึ เอาล่ะ ให้เขาไปขอขมาลาโทษ ทางนั้นจะได้พอใจ”
ศิษย์ของสำนักศึกษาเหวินชางไม่ได้ไปสำนักบัณฑิตซูโจว แต่เหวินอวี่เซวียนไม่ได้ละเลยการเรียนของพวกเขา
“ท่านอาจารย์ คุณชายน้อยท่านนี้ขอเข้าพบขอรับ” บ่าวรับใช้รายงานเหวินอวี่เซวียน
เหวินอวี่เซวียนหันหน้าไป เมื่อเห็นคนเข้ามาแล้วก็เอ่ยว่า “เจ้ามีเรื่องอะไร?”
ฉูเหยี่ยนคำนับแล้วเอ่ยด้วยท่าทีเคารพนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง “อันที่จริงข้ามาส่งสารตามคำสั่งพี่ชายของข้า”
“คุณชายเก้าจำเป็นต้องมาถ่ายทอดคำพูดตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“เอาเถอะ พี่ใหญ่ต้องการเชิญให้ท่านกลับไปยังเมืองหลวง” ฉูเหยี่ยนกล่าว “ท่านเหวิน พี่ใหญ่มักจะเอ่ยถึงท่านอยู่เสมอ ท่านอยากเป็นเพียงอาจารย์สอนหนังสือจริงหรือ?”
“ร่างกายของข้าไม่ค่อยแข็งแรง เพียงแค่อยากหาสถานที่เงียบสงบพักฟื้นร่างกายเท่านั้น ตอนนี้ไม่เหมาะที่ข้าจะกลับราชสำนักในเมืองหลวง เมื่อคุณชายเก้ากลับไปแล้ว รบกวนช่วยถ่ายทอดคำพูดให้ข้าสักหน่อย” เหวินอวี่เซวียนกล่าว “หากไม่มีเรื่องอะไร…”
“ท่านเหวินจะไม่กลับไปงั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็จะเล่าเรียนหนังสืออยู่กับท่านเหวินที่นี่” ฉูเหยี่ยนกล่าว “สำนักบัณฑิตซูโจวไม่มีอะไรให้เรียนรู้ เล่าเรียนกับท่านเหวินสิจึงจะมีความหมาย”
มู่ซืออวี่พบฉูเหยี่ยนอีกครั้งก็สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว
เมื่อได้ยินว่าฉูเหยี่ยนติดตามเหวินอวี่เซวียนมา และกลายเป็นสหายร่วมชั้นเรียนกับลู่ฉาวอวี่ นางก็เกรงว่าเขาจะได้ใช้เวลากับลู่ฉาวอวี่มากขึ้นกว่าเดิม
มู่ซืออวี่ลอบถอนหายใจ ปรมาจารย์เขียนบทผู้นี้ร้ายกาจอย่างที่คิดไว้ ยังสามารถดึงโครงเรื่องกลับมาที่เดิมได้อีก
วันงานแสดงสินค้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ช่วงเวลานี้ผู้คนหลั่งไหลเขามาในเมืองซูโจว ส่วนใหญ่ล้วนมาเพราะงานแสดงสินค้าเป็นที่เล่าลือไปไกล
เหวินอี้เป็นผู้ประสานงานด้านสถานที่จัดงาน เรื่องสำคัญเช่นนี้จะสำเร็จได้นั้นมีเพียงให้จงอ๋องพยักหน้าเห็นชอบเท่านั้น แท้จริงแล้วก็ต้องเริ่มจากฝั่งจงอ๋อง จะได้ไม่สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับขุนนางท้องถิ่น เพียงเท่านี้ก็หลีกเลี่ยงปัญหาที่ตามมาได้
วันที่งานแสดงสินค้าเปิดงานอย่างเป็นทางการ ทั่วทั้งลานก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คน
พื้นที่ขายของของ ‘ร้านเพียงหนึ่งเดียว’ และ ‘ร้านเรือนกรุ่นฝัน’ บังเอิญอยู่ตรงข้ามกันพอดี
หร่วนฉีเดินไปดูร้านเรือนกรุ่นฝัน สิ่งที่เขามองเห็นเป็นอันดับแรกคือชิงช้ารังนก ดอกไม้แห้งบนเก้าอี้หวายนั้นราวกับยังมีชีวิต จึงกระจายกลิ่นหอมออกมาให้ได้สัมผัส เก้าอี้หวายบนชิงช้ากำลังแกว่งไกวไปมา เมื่อมีหมอนเล็ก ๆ น่ารักวางอยู่ ก็ไม่มีสตรีคนไหนต้านทานแรงดึงดูดใจนี้ไปได้
ถัดจากนั้นมีทั้งเก้าอี้บุนวม ที่นอน โต๊ะเก้าอี้ และเครื่องเรือนอื่น ๆ
ตอนที่อยู่เมืองฮู่เป่ย เก้าอี้บุนวมของเรือนกรุ่นฝันมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เพียงแต่ขั้นตอนในการทำยุ่งยากเล็กน้อย อีกทั้งกำลังคนไม่พอ และยังต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก จึงทำได้เพียงสองสามชุดเท่านั้น แต่ตอนนี้นางไม่เพียงแต่มีเงินทุน ทว่ายังสามารถหาวัตถุดิบได้ ยุคของที่นอน เก้าอี้บุนวม และเตียงสองชั้นจึงได้เริ่มขึ้นแล้ว
มู่ซืออวี่เห็นหร่วนฉียืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน จึงเดินเข้าไปถาม “เถ้าแก่เนี้ยฉี นี่เจ้า…”
“ของที่ท่านทำช่างแตกต่างจริง ๆ” หร่วนฉีเอ่ยกับมู่ซืออวี่ “ของเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าที่คิดออกมาหรือ?”
มู่ซืออวี่พยักหน้าอย่างภูมิใจ
หากไม่บอกเช่นนั้น ย่อมต้องมีคำถามตามมามากมาย มิสู้ตอบรับไปจะดีเสียกว่า
นอกจากเครื่องเรือนอย่างเก้าอี้บุนวมแล้ว ก็มีเครื่องเรือนไม้ที่ทำอย่างประณีตอีกมาก ครั้งนี้นางทำไว้เป็นจำนวนมาก หากไม่พอก็ให้ลูกค้าทิ้งข้อมูลในการติดต่อไว้ ถ้ามีของเมื่อไหร่ค่อยแจ้งให้พวกเขาทราบ
“เจ้านาย…” ผู้จัดการหูแทรกตัวเข้ามา ก่อนจะเอ่ยด้วยความลำบากใจ “เรามีลูกค้าจำนวนมาก ท่านรีบกลับไปช่วยโดยเร็วเถอะขอรับ! ยิ่งไปกว่านั้นที่ร้านของเถ้าแก่เนี้ยมู่ก็มีลูกค้าเยอะ ท่านอย่าทำให้ผู้อื่นเขาล่าช้าเลยขอรับ”
งานจัดแสดงสินค้ายุ่งวุ่นวายตาลาย เหล่าพ่อค้าแม่ค้าในร้านอื่น ๆ ล้วนตื่นเต้นเมื่อได้เห็นลูกค้าจำนวนมาก พวกเขาตะโกนอย่างสุดเสียง หวังว่าสินค้าของพวกเขาจะขายหมด
หากจะเอ่ยถึงสถานที่ที่มีคนคับคั่งมากที่สุด แน่นอนว่าย่อมเป็นร้านเพียงหนึ่งเดียวและร้านเรือนกรุ่นฝัน
“โอ๊ย เหตุใดบนเตียงของร้านพวกเจ้าถึงได้มีตะปูเล่า?” เสียงแหลมปรี๊ดดังขึ้นมา
มู่ซืออวี่ที่กำลังทักทายลูกค้าได้ยินเสียงนั้นจึงหันไปทันที
ผู้ที่เอ่ยขึ้นมาเป็นสตรีท่าทางเฉลียวฉลาด หน้าตาเอาเรื่องไม่น้อย
“ข้าได้รับบาดเจ็บแล้ว พวกเจ้าต้องจ่ายค่าชดเชยมา” สตรีนางนั้นเอ่ยขึ้น
ก่อนที่มู่ซืออวี่จะได้ขยับเขยื้อน คนคุ้มกันผู้หนึ่งก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าสตรีนางนั้น “ท่านต้องการค่าชดเชยใช่หรือไม่? เชิญทางนี้”
สตรีนางนั้นเห็นบุรุษตัวโตเช่นนี้ก็พลันไม่กล้าขยับเขยื้อน
“ร้านโกโรโกโสนี่มันอะไรกัน มีตะปูอยู่บนสินค้าที่จัดแสดงด้วย โชคดีที่ข้าไม่ได้นั่งลงไป มิเช่นนั้นจะไม่ถูกทิ่มเอาหรือ ไม่ซื้อแล้ว ๆ”
“ช้าก่อน” มู่ซืออวี่ขวางสตรีนางนั้นไว้ ก่อนจะเหลือบมอง ‘ตะปู’ ที่อีกฝ่ายเอ่ยถึง “ฮูหยินท่านนี้จงใจทำลายทรัพย์สินของข้า ข้าจะแจ้งทางการ”
“ว่าอย่างไรนะ!” ดวงตาของสตรีนางนั้นเบิกกว้าง “ข้าทำลายทรัพย์สินของเจ้าเมื่อไหร่กัน?”
“เห็นได้ชัดว่าตะปูนี้เพิ่งถูกยัดเข้าไป ข้าสงสัยว่าทรัพย์สินของข้าจะถูกท่านจงใจใช้ตะปูทำให้เสียหาย ถ้าท่านไม่ซื้อเตียงนี้ เช่นนั้นข้าก็จะแจ้งทางการ”
สตรีนางนั้นไร้ความมั่นใจ แน่นอนว่าย่อมไม่กล้าให้แจ้งทางการ นางจึงต้องซื้อเตียงหลังนั้นไป
เดิมทีนางอยากใช้วิธีนี้ซื้อเตียงในราคาย่อมเยา นึกไม่ถึงว่าลูกไม้เล็ก ๆ นี้จะถูกเปิดโปง
เมื่อลูกค้าคนอื่นเห็นดังนั้นก็เปลี่ยนมาทำตัวดี ๆ ที่นี่มีผู้คุ้มกันมากมายรายล้อม พวกเขาไม่กล้าทำเรื่องโง่เขลาอีก
และแล้วยอดขายของเรือนกรุ่นฝันก็ทะลุเป้า