สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 359 ท่านแม่ นี่เป็นเรื่องมงคล
บทที่ 359 ท่านแม่ นี่เป็นเรื่องมงคล
บทที่ 359 ท่านแม่ นี่เป็นเรื่องมงคล
“อวิ๋นเอ๋อร์เยี่ยมยอดจริง ๆ เจ้าเลือกผักได้ด้วย” ฉูเหยี่ยนย่อตัวลงลงข้างลู่จื่ออวิ๋นและเอื้อมมือออกไปหมายจะจับผัก
ทว่าลู่จื่ออวิ๋นปัดมือเขาออก “ท่านเป็นแขก ไปเล่นกับพี่ชายข้าเถอะ ที่นี่ไม่ต้องการท่าน”
“เจ้าสอนข้าสิ ข้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ข้าอยากเรียนรู้” ฉูเหยี่ยนกล่าว
“ฉูเหยี่ยน” ลู่ฉาวอวี่เห็นว่าตนเดินจากไปได้เพียงครู่เดียว ฉูเหยี่ยนก็มาตามติดลู่จืออวิ๋นแล้ว ทั้งที่อายุยังน้อยแต่เจ้าตัวกลับขมวดคิ้วมุ่นราวกับเป็นลู่อี้ฉบับย่อส่วน “เจ้าอยากดูตำราที่ท่านพ่อข้าสะสมไว้ไม่ใช่หรือ? ไปเถอะ!”
“ข้าบอกตั้งแต่เมื่อไหร่…”
ฉูเหยี่ยนกำลังจะเอ่ยท้วง แต่กลับโดนลู่ฉาวอวี่ลากออกไปแล้ว
“ข้าว่านะฉาวอวี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องป้องกันข้าราวกับเป็นขโมยก็ได้ ข้าแค่คิดว่าน้องสาวเจ้าน่ารักจึงอยากนับนางเป็นน้องเท่านั้น” ฉูเหยี่ยนแทบจะร้องไห้ออกมา
“อ้อ” ลู่ฉาวอวี่รับคำอย่างขอไปที
น้องสาวของเขาน่ารัก แต่หลีกเลี่ยงชายต่างแซ่ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ผู้นี้ไว้หน่อยจะดีกว่า
ลู่อี้รู้ว่าวันนี้จะมีงานเลี้ยงในครอบครัว หลังจากสะสางงานเร่งด่วนเรียบร้อยแล้วจึงรีบกลับมา เมื่อเห็นฉูเหยี่ยน เขาก็หยุดคุยกับอีกฝ่ายสักพัก
เมื่ออยู่ต่อหน้าลู่อี้ ฉูเหยี่ยนดูจริงใจและว่าง่ายมาก เด็กหนุ่มไม่กล้าแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์ออกมา หากไม่ทราบฐานันดรคงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงคุณชายจากตระกูลผู้มั่งมีคนหนึ่ง เขาไม่วางมาดเลยแม้แต่น้อย
ในเมื่อเป็นงานเลี้ยงครอบครัว ทุกคนล้วนทำตัวตามสบาย
ทันทีที่รินสุราเต็มแก้ว มู่ซืออวี่ก็เอ่ยขึ้น “ทุกคน ข้าขอเวลาสักครู่ ท่านอาจูมีข่าวจะประกาศ”
ทุกคนหันไปมองท่านหมอจู
ท่านหมอจูมองถงซื่อ ผู้ที่นั่งหน้าย้อมสีชมพูอยู่ข้าง ๆ
“ฮูหยินตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว ข้ากำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว”
ทุกคนหันไปมองท้องถงซื่ออย่างตกตะลึง
อันอวี้ปิดปากตนเองด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ส่วนเซี่ยคุนยิ้มบาง ๆ “ยินดีด้วยขอรับ”
“ขอบคุณ ๆ” ท่านหมอจูมีความสุขเสียจนล้นออกมาจากอก
ถึงแม้จะผ่านไปหลายชั่วยามแล้ว เขาก็ยังคงรู้สึกราวกับฝันไป
สายตาของลู่อี้เต็มไปด้วยความอิจฉา
เขามองไปที่ท้องของมู่ซืออวี่ มู่ซืออวี่จึงบีบมือเขาอยู่ใต้โต๊ะ พลางจ้องมองสามีอย่างขุ่นเคือง
ท่านมองอะไรน่ะ?
เมื่อเห็นสายตาอิจฉาของเขา หากไม่รู้คงคิดว่าสมองอีกฝ่ายกระทบกระเทือน มีลูกสองคนแล้วยังต้องการอะไรอีก?
“ลูกที่ท่านยายคลอด จะเป็นน้าชายหรือน้าหญิงเจ้าคะ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม
ฉูเหยี่ยนเอ่ยขึ้น “นั่นสิ”
“ข้าจะปกป้องเขา” ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มอย่างมีความสุข
ลู่ฉาวอวี่กล่าวว่า “ยินดีกับท่านยาย ยินดีกับท่านตาจู”
มู่ซืออวี่ลองสังเกตท่าทีของมู่เจิ้งหาน
มู่เจิ้งหานยังคงนิ่งเงียบ ทว่าสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ที่สุดก็คือท่าทีของเขา
ถงซื่อมองลูกชายอย่างเป็นกังวล
“หานเอ๋อร์…”
มู่เจิ้งหานยกถ้วยน้ำชาขึ้นแล้วกล่าวว่า “ท่านอาจู ตอนนี้ข้ายังดื่มสุราไม่ได้ อีกสักสองสามปีข้าจะดื่มกับท่าน วันนี้ข้าขอใช้ชาแสดงความยินดีต่อท่านและท่านแม่แทน ท่านแม่ นี่เป็นเรื่องมงคล ข้ามีความสุขมาก”
“เสี่ยวหาน สิ่งที่แม่เจ้ากังวลที่สุดคือกลัวว่าเจ้าจะไม่ชอบใจ เจ้าคิดเช่นนี้พวกเราก็ดีใจมากแล้ว” ท่านหมอจูเอ่ย
“ข้าจะไม่ชอบใจได้อย่างไร? พี่สาวของข้าแต่งงานแล้ว ข้าก็กำลังเล่าเรียน อย่างไรเสียระหว่างท่านและท่านแม่ของข้ายังมีบางส่วนที่ขาดหายไป เด็กคนนี้เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนตั้งตารอคอย”
“ใช่ พวกเราต่างก็รอคอยเด็กคนนี้” มู่ซืออวี่กล่าว “วันนี้เป็นวันที่น่ายินดี ทุกคนทานให้มากหน่อย ส่วนท่านอาจู ท่านต้องดื่มน้อย ๆ ท่านยังต้องคอยดูแลท่านแม่ของข้าอีกนะ!”
“วันนี้ข้าจะดื่มชา เลิกดื่มสุราแล้ว”
เมื่อคำนั้นกล่าวออกมา บรรยากาศยิ่งกลมเกลียวขึ้นมากกว่าเดิม
ถงซื่อไม่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อน
หากเป็นหนึ่งปีก่อน นางต้องการเพียงแค่นอนอุ่น กินอิ่ม และลูก ๆ ไม่ต้องถูกรังแกเท่านั้น เคยคิดเสียที่ไหนกันว่าวันหนึ่งจะสามารถมีชีวิตอย่างมีความสุขแบบที่วาดฝันไว้?
เซี่ยคุนหยิบปีกไก่ชิ้นหนึ่งส่งให้อันอวี้
อันอวี้เอ่ยขอบคุณอย่างเอียงอาย
นางทานปีกไก่ชิ้นนั้น พลางลอบชำเลืองมองเขา
เซี่ยคุนสังเกตเห็นสีหน้าของนาง จึงเอ่ยขึ้นว่า “อยากกินอะไรอีกหรือ?”
“ข้าเปล่า” แก้มของอันอวี้แดงก่ำยิ่งกว่าเดิม
นางก้มหน้าลงซ่อนความผิดหวัง
นางและเขา…
จะมีลูกเช่นกันหรือไม่?
ฮูหยินใหญ่จูมีเรื่องน่ายินดี ทั้งร่างกายและรูปร่างดูราวกับอ่อนเยาว์ลงไปหลายปี
บุรุษไม่กี่คนที่อยู่ที่นี่ยกเว้นเด็กน้อยต่างก็พากันอิจฉาตั้งแต่แรกเริ่มและลอบกัดฟันในภายหลัง
ตกกลางคืน เซี่ยคุนเพิ่งกลับมาหลังจากอาบน้ำ
อันอวี้นั่งซ่อมผ้าอยู่ตรงหน้าต่าง
เขาออกกำลังกายทุกวัน บางครั้งก็ต้องต่อสู้ เสื้อผ้าจะขาดก็เป็นเรื่องปกติ ทว่าตราบใดที่มันผ่านมือนาง ตำแหน่งที่เสียหายมักจะกลับมาอยู่ในสภาพเดิมเสมอ อีกทั้งยังสวยกว่าที่เคยเป็นเสียอีก
“ไม่ต้องทำแล้ว มันจะทำร้ายสายตาเจ้า” เซี่ยคุนเดินเข้าไปบอก
เมื่ออันอวี้ได้ยินเสียงเขา นางก็ตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น “เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
เซี่ยคุนจับมือของนางไว้ จากนั้นจึงคว้าเอาของในมือออก “เจ้าทำเสื้อผ้าให้ข้าหลายชุดแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะใส่ชุดอื่น ตัวนี้เย็บทีหลังก็ได้”
“ไม่รีบร้อน นี่ยังไม่ดึกมากนัก…” อันอวี้ก้มหน้าลง
“เจ้ารู้สึกไม่ดีหรือ?” เซี่ยคุนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของนาง
“ไม่ใช่ ข้าเพียงรู้สึกว่าเรื่องวันนั้นข้าทำได้ไม่ดีนัก” อันอวี้เอ่ยแล้วเม้มริมฝีปากตนเอง “อย่าบังไฟข้า”
เซี่ยคุนกอบกุมใบหน้าของนาง คิ้วขมวดมุ่น “ยังปฏิเสธอยู่อีก ดูสิตาแดงหมดแล้ว”
“เมื่อครู่นี้ข้าขยี้ตา” แก้มของอันอวี้แดงเรื่อ นางปัดมือเขาออก “ท่านไปนอนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องทำงาน”
ข้างกายของลู่อี้ไม่อาจขาดเซี่ยคุน
ถึงแม้สตรีจะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำสิ่งใด แต่ก็รู้ว่าต้องเป็นเรื่องยุ่งยากมากปัญหาอย่างแน่นอน
“อันอวี้”
เซี่ยคุนไม่ผละจากไป ทว่ายังคงยืนอยู่ตรงนั้นนิ่ง ๆ
“ข้าก็ไม่ใช่บุรุษที่มีประสบการณ์”
อันอวี้สั่นเทิ้ม
“ท่านพูดอะไรน่ะ? รีบไปนอนเถอะ!” อันอวี้ลุกขึ้น แล้วผลักเซี่ยคุนไปข้าง ๆ เตียง
เซี่ยคุนหมุนตัวไปกอดนาง
อันอวี้ชะงักค้างไปแล้ว
นางไม่กล้าขยับเขยื้อน
“เจ้ายินดีคลอดลูกให้ข้าหรือไม่?” เสียงทุ้มต่ำของเซี่ยคุนดังชัดเจนเป็นพิเศษในค่ำคืนนี้
ดวงตาของอันอวี้เบิกกว้าง
อันอวี้เงยหน้าขึ้น มองชายตรงหน้าที่มั่นคงไม่อาจสั่นคลอนราวกับภูผาในสายตานาง
“ท่านกล่าวสิ่งใด?”
“ข้าบอกว่า…” เซี่ยคุนกระซิบข้างหูนาง “เจ้ายินดีเป็นภรรยาของข้าหรือไม่?”
เขามอบโอกาสให้นางเลือกอีกครั้ง
หากนางลังเลแม้เพียงนิด ถึงแม้นางไม่มั่นใจ เขาก็จะไม่แตะต้องนาง
“ข้าคิดว่า… ท่านรู้” อันอวี้บีบฝ่ามือของตน “วันนั้นในรถม้า ข้าคิดว่า… ข้าตอบท่านแล้ว”
นางจูบเขาแล้วไม่ใช่หรือไร?
หากนางไม่ยินดี แล้วจะจูบเขาได้อย่างไร?
ชายผู้นี้ดูเหมือนฉลาดมาก เหตุใดบางครั้งถึงโง่เขลาเช่นนี้?
เซี่ยคุนพอคาดเดาได้แล้ว แต่เขาไม่ได้ยินคำตอบของนางจึงยังไม่วางใจ
เขากังวลว่าตนจะบังคับฝืนใจนาง
“เจ้ารู้หรือไม่ ข้าอายุมากกว่าเจ้ากี่ปี” เซี่ยคุนกระชับอ้อมแขนกอดอันอวี้ “ดังนั้น ข้าไม่อยากให้เจ้าฝืนใจแม้แต่น้อย”
อันอวี้ซุกอยู่ในอ้อมอกเขา
“ข้าไม่ได้ฝืนใจ…”
การได้เป็นภรรยาของเขาคือสิ่งที่นางเฝ้ารอที่สุดในตอนนี้
ม่านปกคลุมลงมา สองร่างกอดก่ายซึ่งกันและกัน
เสียงเบา ๆ ที่ดังขึ้นสอดผสานกับเสียงหรีดหริ่งเรไรยามค่ำคืน เกิดเป็นท่วงทำนองแห่งรักในจังหวะเนิบนาบยากที่จะพรรณนา
ค่ำคืนนี้ เรื่องน่ายินดีสร้างความอบอุ่นให้หัวใจของใครหลายคน มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้น