สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 380 พ่อบ้านรอง
บทที่ 380 พ่อบ้านรอง
บทที่ 380 พ่อบ้านรอง
ณ จวนเจียงเหล่า เฉียนฟู่กุ้ยกำลังนับตั๋วเงิน สายตาเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
เพราะเป็นคนพื้นที่ เขาจึงสามารถเข้ามาเป็นพ่อบ้านรองของจวนเจียงเหล่าได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เขามีวิธีเอาตัวรอดจนได้เลื่อนขั้นเป็นถึงพ่อบ้านรองของจวนอย่างรวดเร็ว
เขาเก็บตั๋วเงินไว้ครึ่งหนึ่งและนำตั๋วเงินที่เหลือไปหาพ่อบ้านใหญ่ เฉียนฟู่กุ้ยมอบมันให้กับอีกฝ่ายด้วยความนอบน้อมและสำนึกบุญคุณ
คราแรกพ่อบ้านใหญ่บ่ายเบี่ยงอยู่สองสามครั้ง จากนั้นจึง ‘จำยอม’ รับมาและยิ้มจนหน้าบาน
“พวกเราพี่น้องไม่จำเป็นต้องเกรงใจ แต่เจ้าก็รู้ดีว่าครอบครัวข้าค่อนข้างลำบาก ถือว่าข้ายืมเงินเจ้าก่อนนะ เอาไว้จะคืนให้ภายหลัง” พ่อบ้านใหญ่เอ่ย ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม
“พี่ใหญ่แค่ใช้มันก็พอ หากไม่พอ น้องชายจะไปหามาให้เพิ่ม” พ่อบ้านรองถือโอกาสนับพ่อบ้านใหญ่เป็นญาติขึ้นมาทันที
“พ่อบ้านรอง ข้างนอกมีคนมาหาขอรับ” บ่าวรับใช้เข้ามารายงาน
“พี่ใหญ่ ข้าคงต้องไปดูเสียหน่อย” พ่อบ้านรองเอ่ยลาพ่อบ้านใหญ่ และตามบ่าวรับใช้ไปยังสวนด้านหลัง
ที่นั่นเวินเหวินซงแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบปลัดอำเภอ พ่อบ้านรองมองแวบเดียวก็รู้ถึงสถานะของอีกฝ่าย เมื่อคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน แววตาของเขาพลันวูบไหว ทว่าก็ยังเอ่ยทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เมื่อเวินเหวินซงออกไปพ้นจวนเจียงเหล่า รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านรองก็ค่อย ๆ เลือนหายไป
เฉินหู่ เจ้าโง่นั่นโดนทางการจับไปแล้ว ทว่ายังดีที่เจ้าคนแซ่เวินคนนี้เป็นคนเฉลียวฉลาด หากเฉินหู่ตกไปอยู่ในมือเขาย่อมไม่พบจุดจบที่ดี
พ่อบ้านรองยอมเสียหน้า เงินก็ได้แล้ว ถือเป็นการกำจัดเฉินหู่ที่ระคายตาผู้นี้เสียเลย
ณ เรือนด้านหลังศาลาว่าการ ฮูหยินเฉินกอดขานักการเอาไว้แล้วร้องลั่น “อย่าจับสามีของข้าเลยนะเจ้าคะ ร่างกายเขายังบาดเจ็บ พวกท่านคิดจะทำอะไร! สวรรค์ นี่ท่านพยายามจะฆ่าพวกเราหรือ”
เวินเหวินซงแกว่งสมุดบัญชีในมือ “เฉินหู่กอบโกยความร่ำรวยให้ตนเอง หลอกลวงศาลาว่าการ ทั้งยังรับสินบน เขาต้องถูกเพิ่มโทษอีกขั้นหนึ่ง นักการ จับเขาไปขังคุก รอใต้เท้ากลับมาค่อยตัดสิน”
เฉินหู่รู้ว่าตนจบเห่แล้ว
เขาขอให้ภรรยาไปหาเฉียนฟู่กุ้ย ทว่าอีกฝ่ายกลับหลบหน้าไม่ยอมมาพบ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาถูกตัดหางปล่อยวัดโดยสมบูรณ์
“ข้ามีเรื่องจะแจ้ง”
“เอาไว้เจ้าเข้าคุกแล้วค่อยพูดเถอะ!”
นายช่างผิงและคนของเขามาถึงเมืองฮู่เป่ยในตอนบ่าย
ทันทีที่พวกเขามาถึงก็มีคนไปแจ้งมู่ซืออวี่ทันที
มู่ซืออวี่พาคนมาต้อนรับเหล่านายช่างด้วยตนเอง
“นายช่างผิง”
“เถ้าแก่เนี้ยมู่”
นายช่างผิงมองนางด้วยสีหน้าซับซ้อน
ครั้งก่อนพวกเขาจากกันไม่ดีนัก เดิมทีคิดว่าคงไม่มีโอกาสติดต่อกันอีก นึกไม่ถึงว่าจะได้จดหมายจากนาง อีกทั้งถ้อยคำในจดหมายยังเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ เพียงเพราะอยากให้เขารับคำสั่งซื้อใหญ่จากเมืองฮู่เป่ย
เขาไม่เคยฝันถึงคำสั่งซื้อใหญ่เช่นนี้มาก่อน หากมีโอกาส เขาคงอยากแย่งชิงมันมาสักตั้ง ทว่าเมืองฮู่เป่ยอยู่ไกลจากเมืองซูโจวมาก คำสั่งซื้อใหญ่เช่นนี้อยู่ไกลเกินจะไขว่คว้า เขาจึงไม่คิดที่จะชิงมันมาตั้งแต่แรก
ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งจะมีเรื่องดี ๆ หล่นลงมาจากฟ้าอย่างนี้
“พวกท่านรอนแรมมาไกล เหนื่อยล้ามากแล้ว หาที่ทานอาหารก่อนเถอะ รายละเอียดค่อยคุยกันอีกทีหลังจากพักผ่อนให้หายเหนื่อย” มู่ซืออวี่กล่าว
“หากพวกเราปฏิเสธคงเสียมารยาทแล้ว”
มู่ซืออวี่จัดเตรียมที่พักไว้ให้พวกเขาเรียบร้อย
ครั้งนี้คนงานออกไปถึงหนึ่งร้อยคนจึงมีที่ว่างมากมาย นางให้โจวเฉิงเฉวียนจัดที่ว่างเหล่านั้นใหม่และจัดสรรที่พักชั่วคราวไว้สำรอง
เมื่อโจวเฉิงเฉวียนรู้ว่ามู่ซืออวี่เชิญนายช่างกลุ่มใหม่มา แน่นอนว่านั่นทำให้เขาไม่พอใจนัก อย่างไรก็ตาม แผนการต่อไปของนางทำให้เขาข่มความไม่เต็มใจเอาไว้ได้
ถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นหัวหน้านายช่าง แต่เขาก็ได้เป็นถึงรองหัวหน้า มู่ซืออวี่บอกสถานะของนายช่างผิงในแวดวงนี้ให้เขาฟังแล้ว หากเขาได้ทำงานกับนายช่างระดับนี้ สิ่งที่ได้เรียนรู้ย่อมมีความหมายมากกว่าเงินทอง
“อาจารย์…” ลูกศิษย์นามวังหยางรั้งนายช่างผิงที่เตรียมตัวจะไปบ้วนปากล้างหน้าไว้ “อาจารย์ นึกไม่ถึงว่าเถ้าแก่เนี้ยมู่จะเป็นฮูหยินนายอำเภอ”
นายช่างผิงผงะไปชั่วครู่
เขาพอมองออกว่าเถ้าแก่เนี้ยมู่มีบุคลิกที่โดดเด่น อีกทั้งยังใจกว้างเป็นอย่างมาก แต่นึกไม่ถึงว่านางจะเป็นฮูหยินของขุนนาง
“ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดคราแรกจงอ๋องถึงมองนางอย่างชื่นชม ทั้งยังมีคนเล่าลือว่านางและจงอ๋อง… ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น จงอ๋องคงถูกใจสามีของนาง”
“เรื่องเหลวไหลพรรค์นี้ต่อไปอย่าได้เอ่ยถึงอีก นางมอบหมายงานสำคัญให้เรา มองเห็นความสามารถของเรา แต่ก่อนเราเข้าใจนางผิด ภายหน้าเราต้องขอบคุณความหวังดีของนางให้มาก” นายช่างผิงเอ่ย
“อาจารย์โปรดวางใจ ศิษย์ไม่ใช่คนเลอะเลือน ตอนนั้นพวกเรากลัวว่าจงอ๋องจะคลั่งขึ้นมา ตอนนี้พวกเรารอดมาได้อย่างปลอดภัย หลังจากนี้คงไม่มีอะไรแล้ว” วังหยางเอ่ย
เมื่อนายช่างผิงพักผ่อนจนหายเหนื่อย เขาก็เดินทางไปหามู่ซืออวี่เป็นการส่วนตัว
มู่ซืออวี่อยู่ที่เรือนกรุ่นฝัน เมื่อได้ยินว่านายช่างผิงมาพบจึงเชิญเข้ามา
“ห้องข้ารกเหลือเกิน” มู่ซืออวี่เอ่ยกับนายช่างผิง “ต้องขออภัยด้วย เชิญนั่งลงเถอะ!”
นายช่างผิงมองกระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อน ๆ วางเกลื่อนอยู่บนพื้น บนโต๊ะของนางมีภาพแบบร่างมากมายวางอยู่ เขารู้ได้ทันทีว่าเถ้าแก่เนี้ยมู่ง่วนอยู่กับการออกแบบอีกแล้ว
“ฮูหยินให้ความสำคัญกับข้าน้อยเพียงนี้ ข้าน้อยซาบซึ้งใจยิ่งนัก นี่เป็นคำสั่งซื้อที่ข้าไม่เคยพบเจอมาก่อน ข้าได้เห็นภาพแบบร่างแล้ว ช่างออกแบบได้ประณีตจริง ๆ ทว่าข้ามีคำถามหลายข้อ ไม่รู้ว่าจะขอคำแนะนำจากฮูหยินได้หรือไม่?”
“หากท่านมีสิ่งใดไม่เข้าใจขอเพียงเอ่ยปาก” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าบอกคนของข้าไว้แล้ว หากท่านมาและข้าไม่ได้ยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ ข้าจะสละเวลามาช่วยเหลือท่านอย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นก็ดียิ่ง ขอบคุณฮูหยิน”
“ข้าคิดว่านายช่างผิงคงรู้สถานะของข้าแล้ว โครงการขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้ ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของข้าฝ่ายเดียว แต่เป็นไปเพื่อพัฒนาเมืองฮู่เป่ยด้วย เรื่องนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากท่านอีกมาก”
“แน่นอนว่าหากทุกอย่างสำเร็จด้วยดี ภายหน้าย่อมมีงานเช่นนี้ส่งให้นายช่างผิงอีกมาก อย่างน้อยก่อนที่สามีของข้าจะไปจากเมืองนี้ การพัฒนาเมืองฮู่เป่ยก็ถือเป็นความรับผิดชอบของเราสองสามีภรรยา”
“ข้าน้อยมีเรื่องบางอย่างอยากร้องขอ ไม่รู้ว่าฮูหยินจะรับปากได้หรือไม่?”
“เชิญกล่าวมา”
“ข้าน้อยอยากขอความช่วยเหลือเพื่อลูกศิษย์” นายช่างผิงเอ่ย “พวกเราอยากย้ายมาเมืองฮู่เป่ย มาเป็นครัวเรือนในเมืองนี้”
มู่ซืออวี่มองนายช่างผิงด้วยความประหลาดใจ “นายช่างผิง การย้ายถิ่นไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ท่านต้องคิดให้ถี่ถ้วน”
“กล่าวอย่างไม่ปิดบัง จริง ๆ ข้าได้ไปเยี่ยมชมลานหรรษามาแล้ว” นายช่างผิงเอ่ย “จากประสบการณ์หลายปีของข้า มองเห็นว่าอนาคตของเมืองฮู่เป่ยนั้นไร้ขีดจำกัด หากรุ่งเรืองขึ้นมาแล้ว ราคาบ้านย่อมขึ้นสูงอย่างแน่นอน หากมันขึ้นราคา ถึงตอนนั้นพวกเราคงไม่สามารถซื้อได้”
มู่ซืออวี่หัวเราะออกมา
ในยุคสมัยใหม่คนชอบลงทุนกับบ้าน นึกไม่ถึงว่าคนยุคโบราณก็ชอบลงทุนกับบ้านเช่นกัน
ทว่าถูกต้องแล้ว ไม่ว่าจะยุคสมัยใด บ้านก็คืออสังหาริมทรัพย์ที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุด
“ข้ารับปากพวกท่าน”
“ขอบคุณฮูหยิน”
นายช่างผิงเห็นว่านางเจรจาได้ง่ายก็พลอยรู้สึกโล่งใจ
นายช่างผิงรับผิดชอบตำแหน่งหัวหน้าช่าง โดยมีโจวเฉิงเฉวียนเป็นผู้ช่วย
บางทีอาจเป็นเพราะโจวเฉิงเฉวียนกระตือรือร้นที่จะแสดงความสามารถของตน จึงให้ความร่วมมือกับนายช่างผิงเป็นอย่างดี กอปรกับคนที่เคยก่อความวุ่นวายถูกไล่ออกไปแล้ว หลังจากนั้นจึงไม่มีเหตุการณ์ใหญ่โตเกิดขึ้นอีก
“ปลัดอำเภอเวิน” มู่ซืออวี่เรียกเวินเหวินซงไว้ “ระยะนี้ยังไม่มีข่าวจากใต้เท้าลู่ของเราอีกหรือ?”
“ใต้เท้าลู่ไม่ได้ส่งข่าวใด ๆ มา แต่ข้าส่งคนไปสอบถามแล้วขอรับ ได้ข่าวว่าพวกเขานำผู้ป่วยโรคฝีดาษทั้งหมดไปรักษาในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง และตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวจากที่นั่นขอรับ” เวินเหวินซงกล่าว