สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 382 ลู่เซวียนเข้าเมืองหลวงแล้ว
บทที่ 382 ลู่เซวียนเข้าเมืองหลวงแล้ว
บทที่ 382 ลู่เซวียนเข้าเมืองหลวงแล้ว
ราษฎรไม่น้อยมารวมตัวกันสองข้างทางของเมืองฮู่เป่ย
ชาวบ้านเหล่านี้เมื่อได้ยินว่าลู่อี้และคนอื่น ๆ กลับมายังเมืองแล้วจึงมาจากสถานที่ต่าง ๆ แตกต่างกันไป
ฟิ้ว
มีคนโยนถุงเงินใบหนึ่งใส่ลู่อี้
ผู้ใต้บังคับบัญชาข้างหลังเขาล้วนหัวเราะคิกคัก
ถึงแม้จะเป็นคนเคร่งขึมอย่างเซี่ยคุน ในตอนนี้ยังมีสีหน้าเจ้าเล่ห์ขึ้นมาแล้วเช่นกัน
ลู่อี้โยนถุงเงินนั้นกลับคืนให้เด็กสาวที่กำลังเอียงอายผู้นั้น
“ข้ากลัวภรรยา แม่นางได้โปรดอย่าทำร้ายข้า มิเช่นนั้นกลับไปข้าคงถูกภรรยาลงทัณฑ์แล้ว” ลู่อี้ประกบมือ เอ่ยกับผู้คนที่อยู่รอบ ๆ
“ใต้เท้า ท่านวางใจเถอะ พวกเราไม่บอกฮูหยินเป็นแน่!” คนในฝูงชนตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
“ใช่ ๆ เพียงแค่ถุงเงินใบหนึ่ง พวกเราไม่บอกฮูหยินหรอก”
ลู่อี้ “…”
เสียงตะโกนอึกทึกครึกโครมปานนี้ ได้ยินไปหลายตรอกซอกซอย จะไม่เป็นการบอกนางอีกได้อย่างไร
ที่นี่ยังไม่วุ่นวายมากพอหรอกหรือ?
“ไม่บอกอะไรข้า?” มู่ซืออวี่โผล่หน้าออกมาจากรถม้า
ทุกคนล้วนเงียบเป็นเป่าสาก
มู่ซืออวี่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ จึงมองลู่อี้ด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ใต้เท้าลู่ช่างน่าเกรงขามจริง ๆ!”
ลู่อี้ลงจากหลังม้าแล้วตรงปรี่เข้าไปในรถม้าของมู่ซืออวี่
จื่อซูและจื่อเยวี่ยนเห็นพ้องต้องกันจึงลงจากรถม้าทันที จะได้ให้พื้นที่กับสามีและภรรยาที่ไม่ได้พบกันนาน
“ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงใต้เท้าลู่ของพวกเรา ตอนนี้เขากลับมาแล้ว ทุกคนไปทำงานของตนเถอะ อย่าได้ทำให้งานของพวกท่านล่าช้าเพราะเขาเลย” มู่ซืออวี่เอ่ยกับทุกคน
หลังจากกลับมายังศาลาว่าการแล้ว มู่ซืออวี่ใช้น้ำร้อนผสมอ้ายเฉ่า*[1] ที่เตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ อาบน้ำให้ลู่อี้
ลู่อี้นอนอยู่ในอ่างอาบน้ำ ปิดตาลงเพลิดเพลินกับการปรนนิบัติดูแลของมู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่ใช้ใยขัดตัวที่ทำขึ้นมาเองขัดถูให้ลู่อี้
“ผอมลงไปมากแล้ว ท่านไม่ได้ทานอาหารให้เพียงพอหรือ?”
“จำนวนคนไข้โรคฝีดาษในเมืองเตียนอวี้มีมากกว่าเมืองฮู่เป่ยของเราเป็นสิบเท่า ยามนั้นจิตใจข้าไม่เคยสงบเลยสักวัน จะยังมีความอยากอาหารได้อย่างไร?” ลู่อี้เอ่ยเบา ๆ “ทุกวันมัวแต่ขโมยคนจากท่านพญายมราช”
“ท้ายที่สุดก็หมดเรื่องหมดราวแล้ว”
“อืม” ลู่อี้หันกลับมาคว้ามือของมู่ซืออวี่ “ข้าได้ยินจากนักการหวังแล้ว ช่วงเวลานี้ลำบากเจ้าแล้ว”
“หากคิดว่าข้าลำบากมากแล้วจริง ๆ เช่นนั้นก็รักษาร่างกายให้แข็งแรง” มู่ซืออวี่ขัดถูแผ่นอกให้เขา “ดูรอยคล้ำใต้ตาท่านสิ อาบน้ำแล้วก็ไปนอนหลับพักผ่อนเสีย ข้าจะไปจัดหาที่ทางให้คนอื่น ๆ”
เพราะมีท่านหมอจูคอยแนะนำ ทุกคนจึงเผาเสื้อผ้าทิ้ง พร้อมอาบน้ำให้สะอาดตั้งแต่ตอนที่ออกมาจากเมืองเตียนอวี้แล้ว
เมื่อกลับมาถึงเมืองฮู่เป่ย มู่ซืออวี่ก็สั่งให้ทุกคนอาบน้ำด้วยอ้ายเฉ่า
ทั่วทั้งศาลาว่าการล้วนยุ่งอยู่กับเรื่องนี้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ จึงปล่อยไว้ชั่วคราว
“จริงสิ ทุกคนที่ติดตามไปในครั้งนี้ จะได้รับรางวัลคนละ 10 ตำลึงเงิน จากนั้นจะได้รับวันหยุดห้าวัน” มู่ซืออวี่กล่าว “จื่อเยวี่ยน เจ้าไปหาคนทำบัญชี เบิกเงินออกมาแล้วนำไปมอบให้พวกเขา”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
ท่านหมอจูและลู่เซวียนเดินเข้ามา
ลู่เซวียนยิ้มตาหยีแล้วเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ ข้าจะได้หรือไม่?”
“ได้สิ เจ้าได้ตั๋วเงิน 500 ตำลึง” มู่ซืออวี่ยิ้มแย้ม
ลู่เซวียนนั้นเดิมทีแค่เพียงล้อเล่นขบขันเท่านั้น ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของมู่ซืออวี่จึงอึ้งไป
เขาลูบหัวของตน เอ่ยด้วยความสับสน “นี่มากเกินไปหน่อยหรือไม่ ข้าต้องการเพียงแค่ 10 ตำลึง”
“อะไรของเจ้า ข้าว่าครั้งนี้เจ้าล่าช้าไปมาก หากเจ้าไม่รีบรุดไปเมืองหลวงอีก เกรงว่าจะไม่ทันการ” มู่ซืออวี่กล่าว
“จริงสิ เจ้าหนุ่มเซวียน เจ้ายังต้องสอบขุนนางอีกนะ!” ท่านหมอจูเอ่ย “พวกเราก็ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องนี้จนลืมไปเสียสิ้น”
“โชคดีที่ยังมีพี่สะใภ้ที่พึ่งพาได้เช่นข้า เรื่องสำคัญเช่นนี้เหตุใดจึงลืมได้เล่า?” มู่ซืออวี่กล่าว “สองวันนี้พักผ่อนเสียก่อน ข้าจะไปสอบถามกับกองคาราวานอีกครั้ง เจ้ากับคุณชายอันติดตามกองคาราวานเข้าเมืองไปเถอะ!”
“ขอบคุณพี่สะใภ้”
เรื่องที่ลู่เซวียนจะไปยังเมืองหลวงจึงลงตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขาจะออกเดินทางห้าวันให้หลัง กองคาราวานที่พวกเขาจะติดตามไปก็เป็นคนคุ้นเคยกัน นั่นคือกองคาราวานของตระกูลฉิน ไม่เพียงเท่านั้น ฉินเหวินหานยังเป็นผู้นำขบวนครั้งนี้ด้วยตนเอง
ลู่อี้ไม่เคยสอบขุนนาง เขาจึงจัดงานน้ำชาขึ้นมาเป็นพิเศษ จากนั้นเชิญจวี่เหรินในท้องที่มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์
บางทีจวี่เหรินเหล่านี้หลังจากผ่านการสอบหลายครั้งหลายคราก็สอบไม่ได้จิ้นซื่อ จึงไม่ได้สอบแย่งชิงตำแหน่งขุนนางเพื่อตนเอง ทว่าอย่างน้อยพวกเขาก็มีประสบการณ์ในการสอบขุนนาง ซึ่งอาจช่วยลู่เซวียนและอันอี้หางได้เป็นอย่างมาก
สิบคนในหมู่จวี่เหรินจะเข้าไปสอบในเมืองหลวง ลู่เซวียนที่ได้รับสัญญาณบอกใบ้จากมู่ซืออวี่ จึงเป็นฝ่ายชวนพวกเขาเดินทางไปด้วยกัน ทั้งยังเอ่ยถึงเรื่องที่จะไปกับตระกูลฉินด้วย
คนเหล่านี้ย่อมยินดียอมรับน้ำใจของลู่เซวียน พวกเขาเต็มใจติดตามไปเพื่อสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับลู่เซวียนไม่ว่าจะสอบผ่านหรือไม่ ลู่อี้ก็เป็นขุนนางท้องถิ่นแล้ว อีกทั้งยังเป็นที่รักของราษฎร การเป็นสหายกับเขาย่อมได้แต่ผลประโยชน์
ลู่อี้ไปจวนตระกูลเจียงเพื่อหาเจียงเหล่าโดยเฉพาะ
ในเมื่อเจียงเหล่าใช้เขา เขาก็จะใช้เส้นสายของเจียงเหล่า นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
ตกดึก มู่ซืออวี่นั่งอยู่หน้าโต๊ะแต่งตัว ลู่อี้กำลังเช็ดผมให้นาง
“ท่านยังกล้าให้น้องชายผูกสัมพันธ์กับเจียงเก๋อเหล่าอีก” มู่ซืออวี่เอ่ย “จิ้งจอกเฒ่าเช่นนี้มีแต่ได้ หากน้องชายของท่านสอบผ่าน ไม่กลัวหรือว่าเขาจะถูกจิ้งจอกเฒ่าแทะจนถึงกระดูก?”
“เจียงเก๋อเหล่าอยู่ในเมืองฮู่เป่ย น้องเซวียนเป็นน้องชายของข้า เจ้าคิดว่าหากน้องเซวียนสอบผ่าน เขาจะหลุดรอดสายตาจิ้งจอกเฒ่าได้หรือ จิ้นซื่อทั่วไป สองสามปีแรกหากไม่ถูกส่งไปเป็นขุนนางข้างนอก ก็ต้องอยู่ในเมืองหลวงในฐานะขุนนางตัวเล็ก ๆ ไร้อำนาจที่แท้จริง ยามนั้นสำหรับเขาแล้วกล่าวได้ว่าไร้ประโยชน์ รอให้ลู่เซวียนผ่านพ้นไปสักสองสามปี ข้าก็ไปที่เมืองหลวงแล้ว แน่นอนว่าข้าย่อมไม่ปล่อยให้ผู้อื่นรังแกเขาได้”
“ท่านมั่นใจถึงเพียงนั้นเลยหรือ? นายอำเภอเล็ก ๆ ผู้หนึ่งจะได้เป็นขุนนางเมืองหลวง นั่นมิง่ายดายเลย ถึงแม้ท่านจะมีความทะเยอทะยานนี้ แต่ก็ต้องมีโอกาสเช่นกัน”
“ฮูหยิน… ไม่ได้กำลังหาโอกาสให้ข้าหรือ?” ลู่อี้โน้มหน้าลง จุมพิตใบหูของนาง “เจ้าสร้างโอกาสมากมายให้ข้า หากข้ายังไม่รู้จักคว้าเอาไว้ จะไม่ผิดต่อน้ำใจเจ้าหรือ?”
มู่ซืออวี่อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ที่แท้เขาก็ล้วนรู้ทุกสิ่ง
“ท่านคิดว่าน้องชายท่านจะสอบผ่านหรือไม่?”
“ถึงจะสอบผ่าน อันดับที่ได้คงไม่ดีนัก” ลู่อี้กล่าว “อย่างไรก็ตาม นี่ก็ดีเช่นกัน จะได้ไม่ไปยุ่งเกี่ยวในราชสำนัก”
มู่ซืออวี่ไม่เข้าใจเรื่องในราชสำนัก แต่ลู่อี้กล่าวเช่นนี้ แน่นอนว่านางย่อมเชื่อเขา
“ฮูหยิน…”
“หืม?”
“ระยะนี้ข้าค่อนข้างว่าง” ลู่อี้ก้มลงจูบริมฝีปากแดงเรื่อของนาง “พวกเรามาให้กำเนิดลูกอีกสักคนเถอะ!”
มู่ซืออวี่ “…”
…
สองสามวันต่อมา ลู่เซวียนและขบวนก็ออกเดินทางไปยังเมืองหลวง
ฉินเหวินหานเอ่ยว่า “ใต้เท้าลู่ ฮูหยินลู่ วางใจได้ ข้ามีเรือนอีกแห่งในเมืองหลวง ถึงเวลานั้นคุณชายรองลู่สามารถอ่านตำราอยู่ที่นั่นอย่างเงียบสงบ ไม่มีผู้ใดรบกวนเขาได้”
“ขอบคุณคุณชายฉิน” มู่ซืออวี่เอ่ย “รอท่านกลับมาจากเมืองหลวงแล้ว ข้าจะเชิญท่านมาเลี้ยงอาหาร”
“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว ผู้ดูแลเจิ้งกล่าวถึงฝีมือของฮูหยินอยู่ทุกวัน หากข้าโชคดีพอที่จะได้ชิมมัน ข้าย่อมไม่เกรงใจท่านแน่นอน” ฉินเหวินหานประกบมือคำนับแล้วเข้าไปในรถม้า
ลู่เซวียนมีผู้ติดตามตัวน้อยอยู่ข้าง ๆ เซี่ยคุนเป็นคนหามาให้ ทุกคนอายุยังน้อยทว่ากลับมีใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชา ราวกับถอดแบบเซี่ยคุนออกมาอย่างไรอย่างนั้น
“พี่ใหญ่คุน เด็กคนนี้คงไม่ใช่ลูกนอกสมรสของท่านใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่จงใจเย้าแหย่เซี่ยคุน
เซี่ยคุนขมวดคิ้วแล้วหันกลับไปมองอันอวี้ “อย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลของนาง”
[1] อ้ายเฉ่า คือสมุนไพรเสริมบำรุงร่างกาย มีสรรพคุณช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคและป้องกันโรค