สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 386 ตัวตนของเถ้าแก่เนี้ยฉี
บทที่ 386 ตัวตนของเถ้าแก่เนี้ยฉี
บทที่ 386 ตัวตนของเถ้าแก่เนี้ยฉี
จื่อเยวี่ยนและมู่ซืออวี่ได้ยินเช่นนี้แล้วจะทำอย่างไรได้
ทั้งสองคนรีบหมุนตัววิ่งตามออกไป โดยมีจื่อซูไล่ตามหลังมา
“หยุดนะ!” มู่ซืออวี่ตะโกนออกไป “จับคนผู้นั้นไว้ เขาขโมยถุงเงินข้า”
ครั้นได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็ขวางคนผู้นั้นไว้ทันที บางคนก็ทุบตีและเตะเขา
“เจ้าหัวขโมยน่ารังเกียจ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าขโมยของฮูหยินนายอำเภอ”
“ใช่ ๆ! ลองตัดมือเขาดูดีกว่า ดูซิว่ายังจะกล้าอุกอาจเช่นนี้หรือไม่”
“ช่วยดะ… ด้วย…” คนผู้นั้นยกมือบังหัวของตนเองไว้ พยายามดิ้นรนหลบหนี ทว่าถูกกำแพงมนุษย์กักขังเอาไว้อย่างแน่นหนา
มู่ซืออวี่เห็นดังนี้ จึงบอกให้จื่อซูไปเรียกนักการมา
ฝีเท้าของจื่อซูว่องไวเป็นอย่างยิ่ง ไม่นานก็พาต้าหนิวและคนอื่น ๆ มาถึงจุดเกิดเหตุ
“เจ้าหน้าที่ทางการมาแล้ว! ทุกคนหยุด” จื่อซูตะโกนขึ้น
ทุกคนหยุดมือทันที
มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “หัวหน้าต้าหนิว คนผู้นี้ขโมยถุงเงินข้า”
ต้าหนิวกล่าวว่า “พาตัวไป กลับไปไต่สวนเขาให้ดี”
เขาถือโอกาสนี้คุมตัวคนผู้นั้น มู่ซืออวี่เพิ่งจำได้ว่าชายคนนี้คือคุณชายแซ่จางที่เพิ่งพบในภัตตาคารเมื่อไม่นานมานี้
นางใช้ผ้าเช็ดหน้าอุดปากเขา เพื่อกันไม่ให้เอ่ยอะไรที่จะทำให้หร่วนฉีเสื่อมเสียชื่อเสียงออกมา
“ต้าหนิว คนผู้นี้ไม่ได้ขโมยถุงเงินข้า” มู่ซืออวี่ดึงต้าหนิวหลบออกมายังที่ที่ไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ ๆ จากนั้นจึงเล่าสถานการณ์คร่าว ๆ ให้เขาฟัง “ข้าไม่เห็นหร่วนฉี ไม่รู้ว่านางเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้จับเขาไปขังคุกก่อน ประเดี๋ยวข้าจะกลับไปดูหร่วนฉี รอนางฟื้นแล้ว ข้าจะพานางไปศาลาว่าการ”
“คนประเภทนี้น่ารังเกียจยิ่งกว่าเสียอีก” ต้าหนิวเอ่ยด้วยความโกรธ “ท่านวางใจเถอะ ข้าจะไม่ปล่อยเขาไปแน่นอน”
“ช้าก่อน คนผู้นี้ดูเหมือนจะเป็น… ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นน้องชายของใต้เท้าจาง” มู่ซืออวี่เอ่ย “ตอนนี้อย่าเพิ่งแตะต้องเขาจะดีกว่า ข้าจะไปดูก่อนว่าเถ้าแก่เนี้ยฉีเป็นอย่างไร รอให้ใต้เท้าลู่ของเรากลับมาก่อนค่อยว่ากัน”
ต้าหนิวนำตัวอีกฝ่ายไปแล้ว
มู่ซืออวี่รีบร้อนกลับไปยัง ‘ร้านเพียงหนึ่งเดียว’ พร้อมสาวใช้ทั้งสอง
พวกเขามายังห้องรับรองของหร่วนฉีอีกครั้ง พบว่าอีกฝ่ายนอนพิงผนัง หน้าผากมีรอยฟกช้ำ อีกทั้งสีหน้าของนางยังแดงก่ำผิดปกติ แม้จะยังไม่ได้สติแต่ดูเหมือนว่านางจะเจ็บปวดมาก
“รีบเชิญท่านอาจูมาที่นี่”
จื่อซูรีบไปเชิญท่านหมอจูมาทันที
เมื่อท่านหมอจูมาถึงก็คลำชีพจรเขาเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงเอ่ยกับมู่ซืออวี่ “เจ้าออกไปก่อน”
“ให้ข้าอยู่ช่วยเถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ย “ถึงแม้ท่านจะเป็นท่านหมอ แต่ก็เป็นบุรุษ นางเป็นสตรีที่ไม่เคยออกเรือนผู้หนึ่ง…”
“ผู้ใดกล่าวว่าเขาเป็นสตรี?” ท่านหมอจูเหลือบมองนาง “หากเป็นสตรี ข้าคงไม่ให้เจ้าออกไปหรอก แต่เขาไม่ใช่ ข้าให้เจ้าออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหา “เขาถูกยาพิษหู่หลางจือ*[1] ข้าจะฝังเข็มให้เขา”
มู่ซืออวี่และสาวใช้สองคนนิ่งงันไปแล้ว
หร่วนฉีไม่ใช่สตรี หรือเขาจะเป็นบุรุษ?
จะเป็นไปได้อย่างไร?
“ข้าได้ยินผิดไปหรือ?” มู่ซืออวี่ถามสาวใช้ทั้งสอง “พวกเจ้าได้ยินหรือไม่?”
ทั้งคู่พยักหน้าซ้ำ ๆ
“ถึงแม้หร่วนฉีจะมีรูปร่างองอาจ อกผายไหล่ผึ่งสักหน่อย และเปิดเผยตรงไปตรงมากว่าสตรีทั่วไป แต่นางจะไม่ใช่สตรีได้อย่างไร? ท่านเคยเห็นบุรุษใดงดงามเช่นนี้หรือ?” ไม่ใช่ว่ามู่ซืออวี่ไม่เชื่อท่านหมอจู ทว่านางยังคงสับสนอยู่
“บุรุษงดงามเช่นนี้จริงอยู่ว่ามีน้อยยิ่ง ทว่าไม่ใช่ว่าไม่มีเลย เอาล่ะ ๆ นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือข้าต้องกำจัดพิษในร่างเขา พวกเจ้ารีบออกไปก่อน” ท่านหมอจูเอ่ยเร่ง
มู่ซืออวี่และสาวใช้ทั้งสองออกไป
กระทั่งออกจากประตูมาแล้ว มู่ซืออวี่ก็ยังคงงุนงง
แต่ก่อนตอนเห็นสตรีปลอมตัวเป็นบุรุษ บุรุษปลอมตัวเป็นสตรีในละครย้อนยุคที่ฉายทางทีวี นางยังคิดว่าโง่งมนัก ทว่าเมื่อมีบุรุษปรากฏกายในชุดสตรีขึ้นมาจริง ๆ นางกลับมองไม่ออกแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่านางจะโง่ยิ่งกว่า
“เถ้าแก่เนี้ยฉีจะเป็นบุรุษไปได้อย่างไร? เห็น ๆ อยู่ว่านางหน้าตาสะสวยถึงเพียงนั้น” จื่อซูเอ่ย “แต่ว่านางไม่ได้อ่อนโยนเหมือนสตรีทั่วไปจริง ๆ”
มู่ซืออวี่เหลือบมองจื่อซู “สตรีทั่วไปอ่อนโยนอย่างไร? เจ้าอ่อนโยนหรือ? ข้าอ่อนโยนหรือ?
จื่อซูเงียบปากลงทันควัน
นางถึงขนาดกินข้าวได้เจ็ดถ้วยในมื้อเดียว ทั้งยังฆ่าหมูป่าได้เพียงแค่เหวี่ยงหมัดออกไปหนึ่งครั้ง นี่ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย แต่อย่างไรเสียนางก็เกิดเป็นสตรี บอกไปแล้วจะหยาบคายเกินไปหรือไม่?
ส่วนมู่ซืออวี่ ต้องบอกว่ายามอ่อนโยนก็อ่อนโยน ทว่ายามเดือดก็สามารถต้มคนจนสุกได้ คนที่มีปัญหากับนางตอนนี้ ไม่รู้ว่าถูกนางเล่นเล่ห์เพทุบายใส่กี่คราแล้ว แต่ก็ยังต้องมานับเงินให้นาง นางไม่ใช่คนที่จะถูกนิยามว่าอ่อนโยนได้เลย
“เหตุใดท่านอาจูยังไม่ออกมาอีก? หร่วนฉีมีปัญหาอะไรกันแน่? ดูจากสภาพของเขาเมื่อครู่ ไม่รู้ว่ายานั่นมีฤทธิ์รุนแรงเพียงใดกัน!” มู่ซืออวี่พึมพำ
“มีเพียงข้าคนเดียวที่อยากรู้หรอกหรือว่า… เจ้าคนแซ่จางผู้นั้นทำสำเร็จหรือไม่?” จื่อซูเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนแรง
มู่ซืออวี่ “…”
พวกเขาเป็นบุรุษทั้งคู่ เช่นนั้นเจ้าคนแซ่จางคง…
ทำไม่สำเร็จกระมัง?
จื่อเยวี่ยนหน้าแดงก่ำขณะเอ่ย “น่าจะยังไม่ได้ทำสิ่งใดหรอก ไม่เช่นนั้นยาในร่างกายของเขาคงไม่รุนแรงเพียงนั้น อีกทั้ง… หน้าผากเขาก็ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? ข้าคิดว่าเขาทำร้ายตนเอง เพื่อให้มีสติตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา”
“มีเหตุผล” ทั้งจื่อซูและมู่ซืออวี่เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้
เป็นจังหวะเดียวกับที่ท่านหมอจูเดินออกมา
“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“เขาฟื้นแล้ว” ท่านหมอจูมีเหงื่อไหลออกมาจำนวนมาก “แต่สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก อารมณ์ก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน ตอนนี้พวกเจ้าเข้าไปคงไม่ค่อยเหมาะ เหตุใดไม่หลบเลี่ยงก่อนเล่า?”
“เขาไม่มีคนรู้จักอยู่ที่นี่ อีกทั้งยังไม่มีคนต้มยาให้สักคน พวกเราจะไม่ไปรบกวนเขา ขอเพียงแค่ต้มยาให้เขาดื่มเท่านั้น ส่วนเรื่องครั้งนี้ พวกเราก็จะไม่เอ่ยถึง” มู่ซืออวี่ตอบ
“เช่นนั้นก็ได้”
จื่อซูตามท่านหมอจูไปเอายา ต้มยาที่โรงหมอถงตั๋วแล้วจึงนำมาส่ง
เมื่อมู่ซืออวี่เข้าไป เปลือกตาของหร่วนฉีปิดอยู่
มู่ซืออวี่ส่งสัญญาณให้จื่อเยวี่ยนเงียบ
จื่อเยวี่ยนพยักหน้าเบา ๆ เมื่อเห็นเขาลืมตาขึ้น นางก็แข็งค้างไป
จื่อเยวี่ยนชี้ไปทางเตียงหลังใหญ่
มู่ซืออวี่หันหน้าไปสบสายตากับหร่วนฉีเข้าพอดี
“ทำให้เจ้าตื่นแล้วหรือ? เช่นนั้นพวกเราออกไปก่อน” มู่ซืออวี่หมุนตัวเตรียมจะออกไป
“ขอบคุณ” หร่วนฉีเอ่ยขึ้น “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าช่วยข้าไว้”
มู่ซืออวี่เห็นเขาสงบนิ่งเช่นนี้ นางจึงหมุนตัวเปลี่ยนทิศทาง เดินเข้าไปหาเขา “เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ อีกประเดี๋ยวยาก็มาแล้ว ถ้าดื่มยาไปสักถ้วย อีกไม่นานก็คงดีขึ้น”
“เจ้าไม่มีอะไรจะถามหรือ?” หร่วนฉีมองนาง “ข้ารู้ว่าเจ้ารู้ตัวตนของข้าแล้ว”
เรื่องนี้เขามั่นใจ
หากนางไม่รู้คงไม่หลบเลี่ยง นางต้องพุ่งเข้ามาหาแล้วถามเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง ราวกับเป็นห่วงพี่สาวน้องสาวที่ถูกรังแก แทนที่จะมีสายตาแปลกแยกเช่นนี้
“ท่านหมอจูรู้ความลับของเจ้าตอนที่เขาคลำชีพจร จึงได้บอกข้า” มู่ซืออวี่นั่งลงไม่ไกลนัก “ข้าเข้าใจได้ ทุกคนมีความลำบากของตนเอง เจ้าทำเช่นนี้ คงต้อง…”
“เพื่อการเดิมพันหนึ่ง” หร่วนฉีเอ่ย “ข้าเดิมพันกับคนที่บ้าน ข้าแพ้การเดิมพันจึงต้องรับปากว่าจะใส่เสื้อผ้าสตรีเป็นเวลาหนึ่งปี หนึ่งปีนี้ไม่อาจให้ผู้อื่นรู้ตัวตน หากมีคนรู้ว่าแสร้งทำเป็นสตรีคงรังแต่จะก่อให้เกิดปัญหา”
ขณะที่หร่วนฉีเอ่ย ความโกรธพลันแวบผ่านแววตาของเขา
มู่ซืออวี่ “…”
นางพยายามนึกถึงแผนการต่าง ๆ นานา ทว่าคิดไม่ถึงว่าจะเป็น ‘แผนการที่ราบเรียบ’ เช่นนี้
“เช่นนั้น เจ้าต้องรักษาสัญญาของเจ้า” มู่ซืออวี่ไม่มีอะไรจะกล่าวแล้ว
ในฐานะคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย นางไม่เข้าใจความคิดของหนุ่มสาวแม้แต่น้อย
“เช่นนั้นเมื่อครู่เจ้า… ไม่เป็นไรกระมัง?”
เห็นเขาสงบเช่นนี้ คงเป็นอย่างที่จื่อเยวี่ยนเอ่ย นั่นคืออีกฝ่ายทำไม่สำเร็จ
[1] พิษหู่หลางจือ เป็นยาฤทธิ์รุนแรงที่ผู้ป่วยไม่อาจต้านได้