สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 390 คนเปลี่ยนไปแล้ว
บทที่ 390 คนเปลี่ยนไปแล้ว
บทที่ 390 คนเปลี่ยนไปแล้ว
เย่อิงเกอจากไปด้วยความผิดหวัง
จื่อซูเป็นคนตรงไปตรงมา ข้องใจสิ่งใดล้วนถามออกมาทั้งสิ้น
“เหตุใดฮูหยินไม่รับปากเล่าเจ้าคะ? ฟังดูแล้วนี่เป็นการลงทุนน้อยได้กำไรมหาศาลนะเจ้าคะ!”
ก่อนที่มู่ซืออวี่จะได้กล่าวสิ่งใด จื่อเยวี่ยนก็ตอบเสียก่อน “ลงทุนน้อยกำไรมหาศาลรึ? หากขาดทุน เช่นนั้นผู้ใดจะรับผิดชอบ?”
“ยิ่งไม่ต้องเอ่ยว่าจะขาดทุนหรือไม่ แค่กล่าวก่อนว่าการค้าครั้งนี้หากข้ารับมา จะมีผลดีอะไรต่อข้า” มู่ซืออวี่กล่าว “ตอนนี้ข้ายุ่งหรือไม่?”
“ยุ่งเจ้าค่ะ! ฮูหยิน อีกไม่นานก็จะยุ่งเท่านายท่านแล้ว”
“ข้ายุ่งถึงเพียงนี้ งานที่มีอยู่ในมือยังไม่เสร็จสิ้น เหตุใดข้าต้องรับความวุ่นวายนี้มาด้วย?”
“หากทำเงินได้ ฮูหยินเพียงแค่ลงแรงเล็กน้อยก็ได้รับเงินก้อนโตมา เช่นนี้ไม่ดีมากหรือเจ้าคะ?”
“ถึงแม้ร้านเครื่องประทินโฉมที่นางเปิดจะมีรายได้มหาศาลทุกวัน อย่างไรข้าก็ไม่ตอบรับ ตอนนี้ข้ากำลังว่าง ข้าจะทดสอบพวกเจ้าดู พวกเจ้าคิดว่าเหตุใดนางจึงเลือกข้าเป็นหุ้นส่วนการค้า?”
จื่อเยวี่ยนเอ่ยว่า “ทุกคนล้วนเป็นสตรี ฮูหยินเคยช่วยนางไว้ นางจึงพลอยไว้เนื้อเชื่อใจท่านไปโดยปริยาย”
จื่อซูลองคาดเดาบ้าง “ตอนนี้นางเป็นแม่ม่าย คนจากตระกูลโหยวต่างคอยจับจ้องนาง ขอแค่เพียงนางทำอะไรผิดพลาดแม้เพียงน้อยนิด ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกไปอยู่ในมือของบ้านรอง นางจึงคิดจะให้ฮูหยินหนุนหลังนาง”
มู่ซืออวี่มองจื่อซูด้วยสายตาประหลาดใจ “ไม่พบสามวันกลายเป็นอื่น คงต้องมองเจ้าใหม่แล้วจริง ๆ เจ้ากลับคิดได้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้แล้ว”
จื่อเยวี่ยนเองยังต้องยกนิ้วให้จื่อซู
จื่อซูหัวเราะคิกคัก
มู่ซืออวี่เอ่ยถึงหัวข้อเมื่อครู่นี้ต่อไป “ข้าเป็นฮูหยินนายอำเภอ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้า หากข้าเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการร้านของนาง มีข้าคนนี้เป็นป้ายรับรองเช่นนี้ เจ้าคิดว่ากิจการของนางจะย่ำแย่หรือ?”
ทั้งจื่อซูและจื่อเยวี่ยนพลันกระจ่างขึ้นมาทันที
“แต่ก่อนเคยคิดว่านางเป็นคนเรียบง่าย นึกไม่ถึงว่านางจะเฉลียวฉลาดเช่นนี้”
“ไม่ว่าคนผู้หนึ่งจะไร้เดียงสาเพียงใด เมื่อผ่านเรื่องราวมามากมาย เพื่อตนเองและลูกแล้ว ย่อมต้องหาวิธีการที่จะอยู่รอดในโลกใบนี้ต่อไป”
“ในเมื่อฮูหยินเข้าอกเข้าใจนางถึงเพียงนี้ ไม่เช่นนั้นช่วยมอบเส้นทางให้นางดีหรือไม่เจ้าคะ?” จื่อซูกล่าว
มู่ซืออวี่ส่ายศีรษะ “ประการแรกข้าไม่รู้ว่านางคิดถึงขั้นใด นางต้องการเปิดร้านอย่างจริงจังหรือเพื่อหาความสนุก แล้ววางแผนเพื่อทั้งร้านอย่างไร หากนางพร้อมจริง ๆ นางก็ควรเตรียมแผนการมาเมื่อมาพบข้าในวันนี้ ถึงแม้นางไม่มีแผนการเช่นนั้น นางก็ควรบอกความคิดของนางให้ข้าฟัง เช่นนี้ข้ายังพอมีโอกาสจะตอบตกลง อย่างไรก็ตามหลังจากข้าปฏิเสธนาง นางก็ถอดใจไปอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่านางไม่ได้เตรียมการมาแม้แต่น้อย”
“นอกจากนี้ ข้ามักจะรู้สึกแปลก ๆ กับนาง ถึงแม้พี่ชายของนางและน้องสามีข้าจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันและนับว่าเป็นสหายกัน ทว่าตอนนี้ทั้งสองคนมีสถานะเช่นนี้ นางควรหลบเลี่ยงข้อครหา ทว่าทุกครั้งที่นางเผชิญความลำบาก นางมักจะทำให้น้องสามีเข้าไปยุ่งเสมอ สิ่งที่แปลกที่สุดคือนางไม่ได้เป็นฝ่ายที่ขอให้เขาไป น้องสามีข้าได้ยินเรื่องของนางทีไรก็รีบบึ่งไปช่วยทุกครั้ง”
“ฮูหยินหมายถึงนางจงใจใช้อุบายกับนายท่านรองหรือเจ้าคะ?” จื่อเยวี่ยนถาม
“ไม่มีหลักฐาน ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าข้าคิดไปเองหรือไม่ ทว่าสัญชาตญาณของสตรีเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด โดยเฉพาะสตรีที่ทำการค้าเช่นข้า เป็นผู้ที่ต้องระแวดระวังมากกว่าผู้อื่น”
“ได้ยินฮูหยินกล่าวเช่นนี้แล้ว บ่าวก็รู้สึกเช่นกันว่านางไม่ธรรมดา หากนายท่านรองกลับมาแล้ว ฮูหยินควรเตือนนายท่านรองสักหน่อยนะเจ้าคะ นายท่านรองจะได้ไม่ตกหลุมพราง”
“นายท่านรองเตรียมตัวสอบอยู่เมืองหลวง บอกว่านายท่านรองจะกลับมา เจ้ากล่าวเช่นนี้จะให้นายท่านรองสอบไม่ผ่านหรือ?” จื่อเยวี่ยนเอ่ยด้วยความโมโห “หากนายท่านรองสอบผ่านแล้ว เขายังต้องรอจัดสรรตำแหน่งขุนนางอยู่นะ”
งานเลี้ยงของตระกูลโจวจัดขึ้นในบ้านใหม่ของพวกเขา
ผู้ที่มีเกียรติและมีชื่อเสียงในเมืองฮู่เป่ยล้วนเข้าร่วมทั้งสิ้น
มู่ซืออวี่ในฐานะตัวแทนของสตรี อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าของกลุ่มการค้า ถูกเหล่าฮูหยินของตระกูลต่าง ๆ เข้ามารายล้อม การแสดงพิธีรีตองมารยาทอันดีต่าง ๆ ล้วนปรากฏต่อหน้านาง ไม่มีผู้ใดแสดงท่าทีไม่พอใจนางแม้แต่คนเดียว
“อาจารย์ฟ่าน ท่านดื่มมากเกินไปหน่อยหรือไม่?”
บนโต๊ะสุรา ฟ่านอวี๋นอนฟุบอยู่ตรงนั้น ฮูหยินข้าง ๆ เขย่าตัวนาง
มู่ซืออวี่เห็นเหตุการณ์นี้ จึงกล่าวว่า “อาจารย์ฟ่านคออ่อน นางได้พาผู้ใดมาด้วยหรือไม่? หากนางไม่ได้พาคนมา ข้าจะได้จัดเตรียมคนไปส่งนาง”
“ไม่เช่นนั้นจัดการให้เถ้าแก่เนี้ยฟ่านไปพักผ่อนในห้องปีกข้างก่อนเป็นอย่างไร?” เฝิงซื่อ ฮูหยินของโจวฟู่กุ้ยเอ่ยขึ้น
“นางดื่มจนเป็นเช่นนี้แล้ว ให้นางกลับไปก่อนเถอะ!” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าพาผู้คุ้มกันมาหลายคน เรื่องไปส่งอาจารย์ฟ่านมอบให้พวกเขาก็พอแล้ว”
ตอนที่ฟ่านอวี๋มา นางก็มารถม้าของมู่ซืออวี่ บัดนี้มู่ซืออวี่จัดคนส่งนางกลับไป ถึงตอนที่ตนจะกลับค่อยมารับยังไม่สาย
เดิมทีการจัดการเช่นนี้ย่อมไม่มีปัญหา ทว่าไม่นานนัก ผู้คุ้มกันที่ไปส่งฟ่านอวี๋ก็กลับมาแจ้งมู่ซืออวี่ว่า พวกเขาพบคนสวมหน้ากากระหว่างทาง คนผู้นั้นลักพาตัวอาจารย์ฟ่านไปแล้ว
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?” ทุกคนในงานเลี้ยงพลันตื่นตระหนกขึ้นมา
“แจ้งทางการแล้วหรือยัง?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“แจ้งแล้วขอรับ” ผู้คุ้มกันตอบ “ข้าน้อยส่งคนไปแจ้งทางการแล้วขอรับ”
งานเลี้ยงจึงจบลงเช่นนี้
หลังจากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไม่มีผู้ใดมีกะจิตกะใจจะกินดื่มอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น สตรีผู้หนึ่งถูกลักพาตัวไปแล้ว สตรีคนอื่น ๆ ย่อมอดที่จะตื่นตระหนกขึ้นมาไม่ได้ รีบกลับบ้านยังดีกว่า!
ลู่อี้ไม่อยู่ เซี่ยคุนและนักการเกาก็ติดตามไปด้วย คนที่อยู่ในเมืองฮู่เป่ยมีเพียงเวินเหวินซงที่มีตำแหน่งสูงสุด
เดิมทีเวินเหวินซงกำลังพักผ่อน ทว่าผู้ที่อยู่ในหน้าที่รุดมาที่บ้าน ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา เมื่อได้ยินว่าเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับมู่ซืออวี่ เขาก็ตื่นตระหนกจนหายง่วงงุนเป็นปลิดทิ้ง
เขารีบค้นหาผู้หลบหนีทันที
“ฮูหยิน ท่านหมายความว่าคนผู้นั้นมาเพราะท่าน เขาคิดว่าอาจารย์ฟ่านคือท่านจึงลักพาตัวนางไปหรือ?” เวินเหวินซงถาม
“รถม้าเป็นของบ้านข้า ผู้คุ้มกันก็เป็นข้าที่จัดเตรียม ข้าไม่เชื่อว่าไม่ได้มาเพราะข้า ผู้คุ้มกันที่ข้าเตรียมมามีฝีมือไม่เลว แต่เขายังบอกว่าวิชาตัวเบาของคนผู้นั้นดีมาก ราวกับสายลมหอบหนึ่ง หายไปในพริบตาเดียว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ คนผู้นี้ย่อมยังอยู่ในเมืองเป็นแน่ ท่านจัดการคดีมามากมาย มีวิธีล่อคนผู้นั้นออกมาหรือไม่?”
“หากเขามาเพราะฮูหยิน เขาต้องหลบซ่อนอยู่ในเงามืด คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของศาลาว่าการเป็นแน่ ท่านคิดดูสิ หากเขาต้องการฆ่าคนจริง ๆ เขาคงฆ่าตั้งแต่อยู่ในรถม้า เหตุใดต้องยุ่งยากลักพาตัวไป?”
“กล่าวได้ว่าระหว่างนี้ อาจารย์ฟ่านยังคงปลอดภัย ตอนนี้ขอเพียงแค่อีกฝ่ายพบว่าคนที่ลักพาตัวไปไม่ใช่ฮูหยิน และฮูหยินยังคงปลอดภัยดีอยู่ข้างนอก เขาจะต้องจับตาดูฮูหยินอีกครั้ง… ถึงตอนนั้นฮูหยินอาจจะตกอยู่ในอันตราย”
“ข้าไม่กลัวอันตราย เพียงแค่อยากล่องูออกจากรัง ช่วยอาจารย์ฟ่านออกมาเถอะ นางเดือดร้อนเพราะข้า ข้าไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรกับนาง”
ในวัดร้างแห่งหนึ่ง คนผู้หนึ่งโยนสตรีที่อยู่บนบ่าลงกับพื้นอย่างแรง จากนั้นนำวัชพืชที่อยู่แถวนั้นมาก่อกองไฟ
เดิมทีฟ่านอวี๋เมามาย ทว่าเมื่อได้รับความหวาดกลัวถึงเพียงนี้ สติของนางจึงกลับมาหลายส่วน
นางถอยหลังไปขดตัวอยู่ในมุมหนึ่ง ก่อนจะจ้องมองชายร่างกายแข็งแรงกำยำหน้าตาถมึงทึงผู้นั้น…