สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 399 ตัวละครนำชายผู้นี้ก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่าใด
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 399 ตัวละครนำชายผู้นี้ก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่าใด
บทที่ 399 ตัวละครนำชายผู้นี้ก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่าใด
บทที่ 399 ตัวละครนำชายผู้นี้ก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่าใด
โอวหยางเจี๋ยเหลือบมองลู่อี้ ประกายความเหี้ยมโหดแวบผ่านดวงตาของเขา
“เดิมทีเรื่องการตรวจสอบนี้ข้าน้อยไม่ควรมาเกี่ยวข้อง เพียงแต่ความผิดยี่สิบข้อนี้มีข้อที่ว่าใต้เท้าลู่ฆ่าสหายร่วมงาน รุมประชาทัณฑ์ผู้บัญชาการเจี่ยง เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องเล็กน้อย ข้าน้อยไม่อาจปล่อยผ่านได้”
“นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด” หลู่เหยียนเอ่ยขึ้น “ผู้บัญชาการเจี่ยงเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย เดิมทีเขาควรถูกควบคุมตัวกลับเมืองหลวงเพื่อรับการลงโทษ เพียงแต่เขาหลบหนีไประหว่างทาง ทั้งยังจับหลานสาวของเจียงเก๋อเหล่าเป็นตัวประกัน เพื่อความปลอดภัยของสตรีนางนั้น คนของเขาหลายคนไม่ได้ควบคุมกำลังไปชั่วขณะหนึ่ง สุดท้ายจึงพลาดพลั้งฆ่าเขาไป”
โอวหยางเจี๋ยมองหลู่เหยียน “ใต้เท้าหลู่ตรวจสอบออกมาแน่ชัดแล้วหรือ?”
แต่ไหนแต่ไรมานั้นหลู่เหยียนเป็นคนคร่ำครึ นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดเพื่อลู่อี้
“ตรวจสอบออกมาแน่ชัดแล้ว มีหลายคนเป็นพยานยืนยันได้ แม้กระทั่งเจียงเก๋อเหล่าก็ยืนยันได้” หลู่เหยียนกล่าว “ส่วนความผิดอีกสิบเก้าข้อนั้น อย่างเช่นอกตัญญู… บิดามารดาของใต้เท้าลู่เสียชีวิตไปแล้ว ที่บ้านมีเพียงน้องชาย ภรรยาและบุตร ญาติของเขาในหมู่บ้านนั้น เขาไม่มีภาระที่ต้องกตัญญูต่อพวกเขา”
“ส่วนสกุลเดิมของฮูหยินลู่ ก่อนที่ใต้เท้าลู่จะได้มาเป็นขุนนาง ด้วยเหตุบางประการฮูหยินลู่ได้ตัดขาดจากพวกเขาเนิ่นนานแล้ว ในชนบทก็เป็นเช่นนี้แล ลูกเติบใหญ่แล้ว พวกเขาก็แยกครอบครัวออกไป นับประสาอะไรกับบุตรสาวที่แต่งงานไปแล้ว เรื่องที่เขียนบนหนังสือคำร้องมีแต่วาจาเลอะเทอะไร้สาระ”
“การก่อสร้างลานหรรษาจัดตั้งโดยใต้เท้าลู่และฮูหยินลู่ อีกทั้งยังผ่านการดำเนินการตามกฎหมาย ฮูหยินลู่ยังจ่ายภาษีการค้า นางยังทำหน้าที่หัวหน้ากลุ่มการค้า ชักชวนให้สมาชิกกลุ่มการค้าสร้างสะพานเพื่อปรับปรุงชีวิตของราษฎร”
“เหล่าราษฎรล้วนแล้วแต่กล่าวถึงสิ่งที่พวกเขาสามีภรรยาทำมามากมายนับไม่ถ้วน ในเมื่อองค์ชายเก้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าน้อยมีหนังสือที่อยากขอร้องให้องค์ชายเก้าจัดคนไปส่งในเมืองหลวง เช่นนี้แล้วพระองค์ท่านจะได้รู้ว่ายังมีขุนนางดี ๆ เช่นใต้เท้าลู่ปกครองราษฎรในท้องเช่นนี้”
ฉู่เหยี่ยนพยักหน้า “กล่าวได้ไม่ผิด ข้าองค์ชายผู้นี้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองฮู่เป่ยมานานเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยได้ยินคนท้องถิ่นกล่าวอะไรไม่ดีต่อใต้เท้าลู่เลย นายกองโอวหยาง คนที่ส่งหนังสือร้องเรียนมานี้อยู่ที่ใดหรือ? ต้องโบยสักห้าสิบไม้”
“ใต้เท้าลู่ใช้อำนาจบาตรใหญ่แก้แค้นเอาคืนเรื่องส่วนตน นี่ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือ?” โอวหยางเจี๋ยเอ่ยขึ้น “ทุกคนในตระกูลเจิ้งสามารถเป็นพยานได้ ยังมีตระกูลเจิ้งถูกยึดบ้าน ทรัพย์สินเหล่านั้นไปอยู่ที่ใด?”
“ทรัพย์สินของตระกูลเจิ้งข้าเขียนไว้ทั้งหมดและรายงานต่อผู้บังคับบัญชาข้าแล้ว หรือก็คือใต้เท้าจาง หากนายกองโอวหยางไม่เชื่อ เช่นนั้นท่านก็ไปตรวจสอบกับใต้เท้าจางได้” ลู่อี้เอ่ยเสียงเรียบ “สำหรับความผิดอื่น ข้าน้อยกล่าวได้เพียงประโยคเดียวเท่านั้น นั่นคือ ‘ต้องการใส่ความ’”
“ใต้เท้าลู่กล้ากล่าวหรือว่าไม่ได้เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เป็นผักเป็นปลา?” สายตาของโอวหยางเจี๋ยคมปลาบ
“ใต้เท้าหมกมุ่นกับการตรวจสอบข้าน้อยเช่นนี้เพราะอะไรหรือ? หรือไม่ใช่เพราะความแค้นส่วนตน?” ลู่อี้เอ่ยอย่างเย็นชา “หรือจะกล่าวว่าใต้เท้าถูกผู้อื่นยุยงมา?”
ไม่รอให้โอวหยางเจี๋ยได้เปิดปาก ลู่อี้ก็กล่าวกับหลู่เหยียนว่า “ใต้เท้าหลู่ วันนี้ข้าน้อยมีคดีหนึ่งที่ยากเป็นพิเศษ ในเมื่อองค์ชายและใต้เท้าหลู่อยู่ที่นี่ เช่นนั้นรบกวนท่านทั้งสองตัดสินคดีนี้ให้ข้าน้อยได้หรือไม่?”
“โอ้ มีคดีที่ใต้เท้าลู่อี้จัดการไม่ได้ด้วยหรือ?” หลู่เหยียนเอ่ย “ข้าตรวจสอบออกมาชัดเจนแล้วว่าหลายเดือนมานี้ท่านขุดและสืบเสาะคดีที่ไม่สามารถปิดมาหลายปี ดูจากความสามารถของท่านแล้ว เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าดีกว่าท่าน ข้าอยากจะรู้นักว่าคดีอะไรสามารถทำให้ท่านลำบากได้”
“ไม่นานมานี้ เจ้าของร้านสาวทอผ้าถูกคนลักพาตัวไป คนผู้นั้นเขียนจดหมายข่มขู่มา ให้ฮูหยินของข้านำเงินไปไถ่ตัวคน…”
ลู่อี้อธิบายว่าฟ่านอวี๋ถูกลักพาตัวไปอย่างไร มู่ซืออวี่นำคนไปช่วยเหลือนางอย่างไร ต่อมาเขาพบว่านี่เป็นเรื่องความแค้นส่วนตัว ผู้อยู่เบื้องหลังคนนั้นจ้างวานนักฆ่ามาสังหารคน
เขาเล่าที่มาที่ไปทั้งหมดโดยไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดจึงเอ่ยถึงฟางโจวอวี่
“ฟางโจวอวี่ผู้นี้เป็นจวี่เหริน เจิ้งซินเยว่เป็นอนุของเขา หลังจากก่อกระทำความผิดร้ายแรงเช่นนี้ ข้าน้อยส่งคนไปจับนาง เขายืนกรานว่าตนหย่าร้างกับนางแล้ว ไม่รู้ว่านางอยู่ที่ใด ทว่าเท่าที่ข้ารู้มา สตรีนางนี้หลบซ่อนอยู่ที่เรือนหลังอื่น นอกจากนี้ฟางโจวอวี่ยังกลายมาเป็นคนของนายกองโอวหยาง เช่นนี้ข้าน้อยยิ่งจับคนได้ยากกว่าเดิมแล้ว”
หลู่เหยียนมองโอวหยางเจี๋ย “นายกองโอวหยาง ฟางโจวอวี่เป็นคนของท่านแล้วจริงหรือ?”
สีหน้าของโอวหยางเจี๋ยไม่น่าดูชมขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าฟางโจวอวี่เป็นคนของเขาแล้ว
คนผู้นี้หลบหนีมาอยู่กับเขาได้ไม่นานนัก เนื่องจากเห็นว่าอีกฝ่ายมีความสามารถจึงให้รั้งอยู่
และเป็นเพราะฟางโจวอวี่ผู้นี้ โอวหยางเจี๋ยถึงได้รู้ว่าเมืองฮู่เป่ยแห่งนี้เป็นต้นไม้เขย่าเงิน ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะคว้าต้นไม้เขย่าเงินต้นนี้ไว้อย่างไร เขาก็พบกับองค์ชายเก้าแล้ว
ทว่าเขาไม่รู้ว่าครั้งนี้ฟางโจวอวี่ใช้เขาเป็นเครื่องมือ ประสบการณ์หลายปีมานี้ของโอวหยางเจี๋ยคงสูญเปล่าแล้ว
“ขอรับ”
“เช่นนั้นคงต้องให้นายกองโอวหยางมอบคนออกมาแล้ว ข้าจะไต่สวนเขา”
“ไม่มีปัญหาขอรับ อีกประเดี๋ยวจะส่งเขาไปสอบสวน”
โอวหยางเจี๋ยจากไปด้วยความโมโห
หลู่เหยียนถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยกับฉู่เหยี่ยน “ขอบพระทัยองค์ชาย หากไม่ใช่เพราะองค์ชาย ข้าน้อยคงไม่กล้าแตกหักกับคนผู้นี้”
คนหยิ่งยโสหยาบคายประเภทนี้มักจะไร้เหตุผลเสมอ ครั้งนี้ผลักเขาขณะที่ฮ่องเต้อยู่ไกลออกไป หากตกไปอยู่ในกำมืออีกฝ่ายย่อมไม่มีโอกาสหลุดพ้นแล้ว ทว่าตอนนี้มีองค์ชายเก้า ไม่ว่าโอวหยางเจี๋ยจะกำเริบเสิบสานเพียงใด เขาก็ไม่กล้าทำอะไรองค์ชาย นอกเสียจากว่าเขาคิดจะกบฏ!
“ในที่สุดก็ไปเสียที!” ฉู่เหยี่ยนลุกขึ้น “ใต้เท้าลู่ เมื่อครู่นี้ตัวข้ามีท่าทีเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลู่เหยียนหัวเราะออกมา “องค์ชาย ท่านไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่หรือ?”
“นี่ไม่เหมือนกัน ข้าเชื่อในการปฏิบัติตัวของใต้เท้าลู่ นอกจากนี้แล้ว ฉาวอวี่เป็นสหายของข้า บิดาเขาก็คือท่านลุงของข้า ข้าย่อมไม่อาจให้โอวหยางเจี๋ยเจ้าหมีดำนั่นมารังแก” ฉู่เหยี่ยนกล่าว
“ขอบพระทัยองค์ชาย” ลู่อี้ประกบมือคำนับ
“ไม่ต้องเกรงใจ หากท่านอยากขอบคุณจริง ๆ เช่นนั้นเลี้ยงอาหารข้าสักมื้อได้หรือไม่?” ฉู่เหยี่ยนมองลู่อี้ด้วยสายตาคาดหวัง “ฝีมือของท่านป้าช่างล้ำเลิศจริง ๆ ข้าอยากไปทานอาหารที่บ้านท่าน นี่คงไม่น่าอายใช่หรือไม่!”
“หากองค์ชายชมชอบ เช่นนั้นเชิญมาได้ทุกเมื่อ” ลู่อี้ตอบรับตามมารยาท
สิ่งที่ฉู่เหยี่ยนอยากได้ยินก็คือ ‘คำมั่น’ คำนี้
ส่วนเรื่องมารยาทนั้น… เขาทำเป็นไม่เข้าใจ
อย่างไรเสียเขาก็ถือเป็นเรื่องจริงจังแล้ว
ณ จวนเจียง
เจียงเหล่ากำลังตกปลา คนสนิทเข้ามาหา โน้มตัวมากระซิบข้างหูเขาไม่กี่คำ
ไม้ตกปลาในมือเขากระตุก ปลาที่กำลังจะงับเหยื่อหนีไปแล้ว
“ดูสิ ปลาในมือข้าหลุดลอยไปแล้ว” เจียงเหล่าขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าใจ “หากอดทนหน่อยคงดี”
“ฮูหยินลู่ผู้นั้นช่างเป็นคนที่เยี่ยมยอดจริง ๆ” ชายชราที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เจียงเหล่าเอ่ยขึ้น “หากมีคนที่หาเงินเก่งเช่นนี้อยู่ข้างกายองค์ชายของเรา คงช่วยคลายปัญหาไปได้ไม่น้อย”
“ลู่อี้ผู้นี้ไปข้องเกี่ยวกับองค์ชายเก้าได้อย่างไร?” เจียงเหล่าขมวดคิ้ว “องค์ชายเก้าอาศัยอยู่ในเมืองฮู่เป่ยมานานถึงเพียงนี้ กลับไม่มีผู้ใดพบเห็น ดูเหมือนว่าข้างกายของเขาจะมียอดฝีมือ ไม่เช่นนั้นคนของพวกเราคงพบเขาแล้ว”
“ในเมื่อองค์ชายเก้าปกป้องเขา ลู่อี้ผู้นี้ย่อมไม่ใช่เบี้ยที่ดีแล้ว” ชายชราข้างกายเขาเอ่ยขึ้น