สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 4 ด่าทอในที่สาธารณะ
บทที่ 4 ด่าทอในที่สาธารณะ
บทที่ 4 ด่าทอในที่สาธารณะ
“หากพูดเช่นนี้ สองสามวันก่อนหลี่เอ้อร์โก่วหยิบไข่ไก่บ้านเมิ่งไป ป้าเมิ่งก็ควรตีเขาจนตายแทนที่จะรับไข่คืนจากเอ้อร์โก่วใช่หรือไม่?”
มู่ซืออวี่มองชาวบ้านคนนั้นด้วยสายตาเย็นเยียบ
“ปีที่แล้วลูกสาวเจ้าก็มาเหยียบกล้าข้าวบ้านข้าจนตาย ลู่อี้ไม่แม้แต่จะให้พวกเจ้าชดใช้ค่าเสียหาย หรือว่าอยาก…”
มู่ซืออวี่เอาความผิดพลาดของเด็กในหมู่บ้านออกมาพูดอีกครั้ง ผู้ที่พยายามไกล่เกลี่ยจึงหมดคำพูดขึ้นมาทันใด
“แม่นางมู่ เจ้าถูกอาคมแล้วรึ เหตุใดถึงด่าคนคล่องปากเพียงนี้?”
“จริง ๆ แล้วก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ปกติไม่เห็นจะเคยสนใจไยดีเด็กสองคนนั้น วันที่อากาศหนาวสุดขั้วหัวใจ นางจับเด็กทั้งสองเปลื้องผ้า เหลือเพียงเสื้อผ้าธรรมดาแล้วออกไปหาของกิน หากไม่มีท่านพ่อของพวกเขาดูแล เด็กสองคนนั้นหากไม่หนาวตายก็หิวตายไปแล้ว”
“วันนี้ดูเหมือนจะสนใจเสี่ยวอวิ๋นเป็นพิเศษ หรือสัญชาตญาณความเป็นแม่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว”
มู่ซืออวี่เห็นว่าหวังซื่อยังไม่ออกมาจึงถีบประตูลานบ้านเข้าไปอย่างโหดเหี้ยม
หวังซื่อเห็นเช่นนั้นก็กระวนกระวาย ประตูลานโดนถีบจนพังไปแล้ว ซ่อมไปน่าจะไม่ดีดังเดิม คงจะกลับไปพังได้อีกง่าย ๆ แต่ที่น่ากังวลกว่านั้นคือถ้าวันนี้นางเอาหัวมู่ซืออวี่ออกมาไม่ได้ นางจะมีหน้าอยู่ในหมู่บ้านได้อย่างไร
“มู่พ่าง! ข้าบอกให้หยุด!”
ทันทีที่ประตูเปิดออก หวังซื่อก็ตรงปรี่ไปผลักมู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่ยังคงประคองร่างกายให้ยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง นางเท้าสะเอวแล้วโต้กลับ “เมื่อครู่พวกเราไปหาท่านหมอมาแล้ว จ่ายเงินไปแล้วก็ไม่น้อย ค่ารักษาในครั้งนี้เจ้าต้องเป็นคนจ่าย ท่านหมอบอกว่าเครื่องในของเสี่ยวอวิ๋นได้รับบาดเจ็บ ต้องกินอาหารดี ๆ เพื่อบำรุงร่างกายไปอีกสองสามเดือน ทั้งหมดนี้เจ้าต้องจ่าย”
เหล่าชาวบ้านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันที
“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ารีบไปโต้เถียงกับหวังซื่อ เจ้าไม่เคยสนใจเด็ก ๆ เพียงแต่ต้องการรีดไถเอาเงินเท่านั้นสินะ”
“บนโลกนี้มีแม่แบบนี้ที่ไหนกัน นึกว่าจะคิดได้แล้วเสียอีก สันดานหมาจะไม่กลับไปกินขี้ได้อย่างไร อีกนานเท่าไหร่ลู่อี้ถึงจะกลับมา รีบกลับมาจัดการกับเมียที่ไร้หัวใจคนนี้หน่อยเถิด”
หวังซื่อหัวเราะอย่างเย็นชา “ขอเงินข้ารึ? ฝันกลางวันอยู่หรืออย่างไร?”
“จะไม่ให้ใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่เดินตรงไปเข้าไปด้านใน
หวังซื่อรีบวิ่งเข้ามาขัดขวาง “ข้าไม่อนุญาตให้เข้าไป นี่คือบ้านของข้า หากเจ้าเข้ามายุ่งอีก ข้าจะขอให้หัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนตัดสิน”
“เชิญ! กลัวว่าเจ้าจะไม่กล้าเชิญมามากกว่า ข้าจะถามหัวหน้าหมู่บ้านว่าคิดอย่างไรเรื่องที่เจ้าทำร้ายเสี่ยวอวิ๋น เสี่ยวอวิ๋นเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง เจ้าทำกับนางเช่นนั้นได้อย่างไร?!” ดวงตาของมู่ซืออวี่แดงก่ำ
ภาพที่ปรากฏในหัวของหวังซื่อคือภาพที่ลู่จื่ออวิ๋นอ้วกออกมาเป็นเลือดสีแดงสด ในใจพลันสั่นสะท้าน รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของนางไม่ดีเอง ข้าก็ไม่ได้ใช้กำลังอะไร เหตุใดจึงได้รับบาดเจ็บขนาดนี้เล่า เจ้าอยากให้ข้ามีมลทินรึ หรือบางทีอาจจะเป็นเจ้าเองที่ทำร้ายนาง คิดจะโบ้ยความผิดให้ข้าน่ะสิ”
“ข้าคร้านจะเปลืองคำพูดกับเจ้าแล้ว ข้ายังต้องกลับไปดูแลเสี่ยวอวิ๋น เอาอย่างนี้ เจ้าให้ไก่ข้าสามตัว เรื่องนี้ก็จะจบลง ไม่อย่างนั้นวันนี้ข้าก็จะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน”
เมื่อชาวบ้านได้ยินเสียงของความเคลื่อนไหวจากด้านในก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
ไก่เพียงแค่สามตัวเอง หวังซื่อจะขี้เหนียวอะไรขนาดนั้น เหตุใดจึงไม่ยินยอม
แต่ถ้าคำนวณตามราคาตลาด ไก่หนึ่งตัวห้าสิบหกสิบอีแปะ ไก่สามตัวก็ร้อยกว่าอีแปะ นั่นไม่ใช่ครึ่งหนึ่งของชีวิตหวังซื่อแล้วรึ
“ไม่เอาหรอก!” แน่นอนว่าหวังซื่อย่อมปฏิเสธ “ข้าไม่ยอมเด็ดขาด”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าคงต้องทำเองแล้วสินะ” มู่ซืออวี่พูดพลางมองไปรอบ ๆ ลานบ้าน และแล้วสายตาก็จับจ้องไปที่แม่ไก่ในเล้า
นางวิ่งไปที่เล้าไก่ทันใด
“อย่าแตะต้องมัน!” หวังซื่อยืนขวางอยู่หน้าเล้าไก่ “มู่พ่าง เจ้าไสหัวออกไปซะ! เจ้าข้าเอ๊ย! นังอ้วนมู่บุกรุกเข้าบ้านของข้า!”
ชายหนุ่มสองสามคนเกาะผนังดูการต่อสู้ที่เยี่ยมยอดด้านในกันอย่างครึกครื้น
ใช่แล้ว เรียกว่าการต่อสู้นั้นถูกแล้ว
มู่ซืออวี่กระชากผมของหวังซื่อเอาไว้ หวังซื่อเองก็อยากดึงผมของมู่ซืออวี่ แต่เจ้าตัวใช้ผ้าคลุมผมไว้จนแน่นสนิทจึงไม่สามารถดึงผมของนางได้เลย
“อ๊ะ!” หวังซื่อร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “เจ้าปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไก่สามตัว” มู่ซืออวี่เอ่ยเสียงนิ่งราวกับเป็นเครื่องจักรกล
จุดประสงค์ที่นางมาที่นี่คือต้องการให้หวังซื่อจ่ายค่าเสียหาย
“ไม่มีทาง” หวังซื่อกัดฟันไม่ปล่อย
“หยุด!” ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งวิ่งเข้ามาพลางโยนจอบที่อยู่ในมือทิ้งไป เขาจับทั้งสองคนแยกออกจากกันด้วยมือเพียงข้างเดียว
แต่เขาประเมินน้ำหนักของมู่ซืออวี่ต่ำไป
เมื่อร่างของมู่ซืออวี่กดทับเขา เขาก็เป็นเพียงก้อนเนื้อ พยายามลุกอย่างไรก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้
“นางเวรนี่!” หวังซื่อดึงมู่ซืออวี่ให้ลุกขึ้นมา “เจ้ารีบลุกขึ้นมาเร็ว หากเกิดอะไรกับผัวข้า ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่”
“แม่ฉาวอวี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เหตุใดจึงไม่คุยกันดี ๆ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เจ้ารีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” ชายคนนั้นหอบหายใจพร้อมทั้งขอให้ยกโทษให้อย่างลวก ๆ
“ลูกสาวข้าถูกนางทำร้าย ตอนนี้หมดสติไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าต้องการให้นางชดใช้ด้วยไก่สามตัว แต่ให้ตายนางก็ไม่ยอม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะไม่ให้นางชดใช้ด้วยไก่แล้ว ข้าจะให้คนอื่นทุบตีนางจนอ้วกออกมาเป็นเลือดแบบลูกสาวข้าก่อนถึงจะยอม”
“เมียข้า” ชายผู้นั้นถามด้วยอารมณ์โกรธ “จริงอย่างที่ว่าหรือ?!”
“มารดาเจ้าสิ! อย่าโทษข้าเลย ใครสั่งให้พวกมันมาถอนต้นกล้าของข้ากันเล่า ข้าลากพวกมันไปหาหญิงอ้วนผู้นี้เพื่อเจรจา ข้าถีบเด็กนั่นไปหนึ่งครั้งเอง คาดไม่ถึงว่าจะอ้วกออกมาเป็นเลือดเช่นนั้น ไม่ใช่เพราะนังเลวนี่ทรมานพวกมันมาตลอดหรือ เรื่องนี้จะเป็นความผิดของข้าได้อย่างไร?”
“เด็กควรถูกลงโทษที่ทำผิด แต่การลงโทษของเจ้ามันไม่ถูก เจ้าอยากทุบตีเสี่ยวอวิ๋นให้ตายเพราะนางทำผิดเพียงครั้งเดียวหรือ? มีเด็กสักกี่คนในหมู่บ้านนี้ที่ไม่เคยทำผิด” มู่ซืออวี่เอ่ยต่อไปว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว แบบนี้สิถึงจะยุติธรรม”
“แม่ฉาวอวี่ เรื่องนี้ภรรยาข้าทำไม่ถูก ข้าจะไม่สนใจว่าเสี่ยวอวิ๋นจะอายุเพียงแค่ห้าหนาวหรือเอาเรื่องที่นางไม่รู้ผิดถูกก็แล้วกัน เอาอย่างนี้ ข้าจะให้ไก่สามตัวตามที่ท่านพูด ข้าวสารอีกหนึ่งชั่งด้วย เจ้าต้องต้มข้าวต้มให้ลูกเพื่อบำรุงร่างกาย ส่วนอย่างอื่นข้าให้ไม่ได้จริง ๆ ท่านก็รู้ว่าบ้านของเรายังมีลูกอีกสามคนที่ต้องเลี้ยงดู”
ผู้ชายคนนี้ยอมรับความผิดพลาด แสดงความจริงใจออกมาเต็มที่
หวังซื่อโกรธมาก แต่นางไม่กล้าพูดอะไรในเวลานี้ สามีของนางมักจะอารมณ์ดี แต่เมื่อเขาโกรธ เขาก็จะเหมือนวัวกระทิงที่ดื้อรั้นไม่มีผิด
“ตกลง” มู่ซืออวี่ลุกขึ้นแล้วปล่อยสามีหวังซื่อไป
คนที่เพิ่งเป็นอิสระลูบหน้าอกที่ปวดปลาบไปมา
ร่างของมู่ซืออวี่ที่กดทับร่างของเขาหนักราวกับว่าหน้าอกของเขากำลังถูกทุบด้วยก้อนหินหนักเลยทีเดียว ชั่วครู่นี้เขาคิดว่าตนจะตายไปแล้วเสียอีก
“เจ้ามัวยืนงงอะไรอยู่อีก! ไก่สามตัว ข้าวสารหนึ่งชั่ง รีบไปเอามาให้แม่ของฉาวอวี่สิ” ชายคนนั้นเร่งหวังซื่อ
หวังซื่อโกรธจัดจนดวงตาแดงก่ำ เดิมทีใบหน้านางก็ร้ายกาจและขมขื่นมากพอแล้ว ตอนนี้มันยิ่งดุร้ายราวกับใบหน้าของปีศาจสาวเสียอีก
มู่ซืออวี่เอ่ยอย่างเย็นชา “ภาวนาให้เสี่ยวอวิ๋นของเราไม่เป็นอะไรก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นของแค่นี้ไม่พอแน่นอน ข้าจะร้องเรียนกับทางราชการให้จับเข้าคุกสักสิบปียี่สิบปี”
“นี่เจ้าขู่ใครกัน!” หวังซื่อแค่นหัวเราะเย็นชา “คนที่ต้องเข้าไปนั่งในคุกจริง ๆ แล้วคือเจ้าต่างหากเล่า”
“พอแล้ว! รีบไปเอาของให้แม่ฉาวอวี่ได้แล้ว” ชายคนนั้นกำชับ “ต่อไปเจ้าก็อย่าใจร้ายกับเด็ก ๆ แบบนี้อีก”