สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 407 สร้างคุณงามความดีอีกเรื่องหนึ่ง
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 407 สร้างคุณงามความดีอีกเรื่องหนึ่ง
บทที่ 407 สร้างคุณงามความดีอีกเรื่องหนึ่ง
บทที่ 407 สร้างคุณงามความดีอีกเรื่องหนึ่ง
หลายวันต่อมา เรื่องที่ลู่อี้และคนอื่น ๆ ช่วยเหลือเด็กที่ถูกลักพาตัวหลายร้อยคนก็ได้แพร่สะพัดออกไป
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ คนมากมายที่สูญเสียลูกของตนไปเดินทางมายังเมืองฮู่เป่ยเพื่อตามหา ถึงแม้จะเป็นผู้ที่สูญเสียลูกหลานไปนานแล้วก็ยังมาสอบถามข่าวคราวจากศาลาว่าการ
นับวันลู่อี้ยิ่งยุ่งวุ่นวายมากกว่าเดิม
มู่ซืออวี่เห็นว่าเขายุ่งเสียจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเป็นเวลาครึ่งเดือนจึงทำอาหารอร่อย ๆ ไปส่งให้ทุกวัน บางครั้งก็ได้พบเขา บางครั้งก็ไม่ได้พบ
หลังจากยุ่งจนเท้าแทบไม่ได้แตะพื้นเป็นเวลาสองเดือน ในที่สุดการจัดการเรื่องขบวนการลักพาตัวเด็กก็สิ้นสุดลง
แน่นอนว่ามีคนมีความสุข ย่อมมีคนเศร้าโศก
อย่างไรเสีย เด็กบางคนก็สูญหายไปเป็นเวลานานแล้ว ร่องรอยไม่เหลือ ย่อมหาพวกเขาได้ไม่ง่าย เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นเทพเซียนเท่านั้น
“ฮูหยิน ใต้เท้ากลับมาแล้วขอรับ” บ่าวรับใช้เห็นมู่ซืออวี่กลับมา จึงแจ้งว่าลู่อี้กลับมาแล้ว
“วันนี้กลับมาเร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ?” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “จื่อซู เจ้าไปหั่นแตงโมที่ข้าเอาแช่ไว้ในบ่อน้ำมา”
“เจ้าค่ะ”
มู่ซืออวี่เข้ามาในห้องก็เห็นลู่อี้นั่งอยู่ตรงหน้าต่างกำลังอ่านหนังสือในมือ นางจึงโน้มตัวเข้าไปนวดไหล่เขา “ใต้เท้าลู่ วันนี้ช่างหาได้ยากเสียจริง นึกไม่ถึงว่าจะกลับมาเร็วเพียงนี้”
“ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า” เขาคว้ามือของนางมากุม ลูบเบา ๆ จากนั้นจึงบอกให้นั่งลง “เจ้าก็พักสักหน่อยเถิด”
“ข้านึกแล้วว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่าง ไม่เช่นนั้นท่านคงไม่กลับมาเร็วเช่นนี้” มู่ซืออวี่เอ่ย “อย่าได้มองว่าเรือนหน้าและเรือนหลังไม่ห่างกันเชียว สำหรับข้ามันเหมือนมีภูเขาคั่นกลางเอาไว้ ไม่อาจเดินข้ามมาได้ภายในไม่กี่ชั่วยาม”
“ฮูหยินเจ้าโกรธแล้วหรือ?”
“ท่านยุ่งกับงาน ข้าจะโกรธไปไย? แล้ววันนี้มีเรื่องอะไรจะบอกข้าหรือ?”
“ข้าจะต้องเข้าไปในเมืองหลวงสักเที่ยว ระหว่างนี้ลำบากเจ้าดูแลครอบครัวแล้ว” ลู่อี้เอ่ย
“เหตุใดจู่ ๆ ก็ต้องเข้าเมืองหลวงเล่า?”
“มีเรื่องบางอย่างจำเป็นต้องจัดการ”
“เช่นนั้นข้าจะไปกับท่าน”
“การเดินทางครั้งนี้เหน็ดเหนื่อย จัดการเรื่องนั้นเสร็จแล้วยังต้องรีบกลับมา มันลำบากเกินไป เจ้าอยู่ที่นี่คอยดูแลคนที่บ้านเถอะ ข้าจะกลับมาโดยเร็ว”
“ไม่ถูก ท่านเป็นขุนนางท้องถิ่น หากไม่มีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการย่อมไม่อาจเข้าเมืองหลวง บอกข้ามาตามตรงเถอะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” มู่ซืออวี่มองเขา “เกิดปัญหาอะไรขึ้นใช่หรือไม่?”
ลู่อี้เห็นนางตัดสินใจแน่วแน่ที่จะถามจึงไม่คิดจะปิดบัง เขาเผยความกังวลใจของตนออกมา
เขาไปยังเมืองหลวงครั้งนี้เพราะได้รับหนังสือเรียกตัวให้เข้าไปรายงานผลงานของตน ฮ่องเต้อยากพบเขา ทว่าเขาเป็นขุนนางท้องถิ่น ย่อมไม่มีความสามารถพอให้ฮ่องเต้คำนึงถึง ดังนั้นจะต้องมีคนเอ่ยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเขาต่อหน้าฮ่องเต้เป็นแน่
คนผู้นี้เป็นใคร มีเป้าหมายอะไร ดีหรือร้าย เขาคิดไม่ออกทั้งสิ้น
“ข้าจะไปกับท่าน”
“ไม่ได้”
ลู่อี้ไม่เห็นด้วย
มู่ซืออวี่กอดแขนเขาเอาไว้ “หากข้ายังอยู่ที่เมืองฮู่เป่ยจะต้องเป็นกังวลเรื่องท่านทุกวันเป็นแน่ ไม่สู้ข้าตามไปด้วย มีเรื่องอะไรจะได้ทราบอย่างทันท่วงที”
“ฮูหยิน…”
“ท่านทำคุณงามความดีไว้มากมายเพียงนี้ การที่ฮ่องเต้เรียกตัวท่านเป็นไปได้ว่าจะเลื่อนขั้นให้ หากเป็นเช่นนั้น แน่นอนว่าต้องดีอกดีใจกันทุกคน แต่หากไม่ใช่ ข้าก็จะช่วยคิดหาวิธี”
จงอ๋องอยู่ในเมืองหลวงไม่ไช่หรือ? หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นสามารถไปขอความช่วยเหลือจากจงอ๋องได้ หากจงอ๋องไม่ยินยอมก็ยังมีเหวินอี้ นางเชื่อว่าเหวินอี้จะไม่เมินเฉยต่อมิตรภาพที่เคยมีต่อกัน
ลู่อี้รู้สึกลังเล
มู่ซืออวี่ดื้อรั้นเพียงใดเขาเข้าใจดี หากเขาไม่เห็นด้วย นางอาจจะแอบตามไป และนั่นคงอันตรายยิ่งกว่าเดิม
“จากที่นี่ไปถึงเมืองหลวง ถ้าพวกเราไปทางบก จากนั้นต่อเรือไปทางน้ำ และสุดท้ายขึ้นฝั่งเดินทางต่ออีกหน่อยก็จะย่นระยะเวลาได้ถึงครึ่งเดือน กล่าวคือ ใช้เวลาทั้งหมดหนึ่งเดือนครึ่งจึงจะถึงเมืองหลวง” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้ายังไม่เคยไปเมืองหลวง ท่านควรเที่ยวเล่นเป็นเพื่อนข้าเสียหน่อย”
“ถ้าพวกเราล้วนไปกันหมด แล้วเด็ก ๆ จะทำอย่างไรเล่า?” ลู่อี้กังวลขึ้นมา
เรื่องในศาลาว่าการมีเวินเหวินซงและนักการเกาอยู่แล้ว เขาเพียงแค่พาเซี่ยคุนไปด้วย
ทว่าที่บ้านยังมีเด็ก ๆ อยู่ และมู่ซืออวี่ก็ยังมีกิจการอีกมากมาย หากนางไป เรื่องเหล่านี้จะจัดการอย่างไร?
“ข้าจะเรียกซูอวี้กลับมา สาขาย่อยในซูโจวควรส่งต่อให้ลูกน้องจัดการได้แล้ว นางมีความสามารถเพียงนี้ หากให้รั้งอยู่ในเมืองซูโจวคอยจัดการร้านเล็ก ๆ เช่นนั้นไม่คู่ควรกับความสามารถของนาง”
ปัจจุบันนี้ลานหรรษาให้ผลตอบแทนดีที่สุด ถึงแม้รายได้ครึ่งหนึ่งจะต้องมอบให้ทางการ ทว่ารายได้อีกครึ่งที่เหลือก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขากินอยู่ได้อย่างสุขสบาย
นอกจากนั้น บัดนี้นางเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าแล้ว ปกติมีเรื่องให้ต้องกังวลมากมาย หากเจิ้งซูอวี้ย้ายกลับมาก็จะช่วยประหยัดเวลาได้มาก
“ได้ เช่นนั้นก็จัดการตามนี้”
ส่วนเด็ก ๆ อันที่จริงแล้วง่ายมาก
ลู่จื่ออวิ๋นมีอาจารย์ฟ่านคอยดูแล ส่วนลู่ฉาวอวี่ก็มีท่านอาจารย์เหวินคอยดูแล สองสามีภรรยาเพียงแค่ไปรายงานตามหน้าที่ที่เมืองหลวง อีกไม่กี่เดือนก็กลับมา ย่อมไม่มีปัญหาอะไร
วันถัดมา เมื่อลู่จื่ออวิ๋นและลู่ฉาวอวี่รู้เรื่องนี้ ทั้งสองคนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ข้าตามไปไม่ได้หรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม
“เช่นนั้นเจ้าไปถามอาจารย์ฟ่านดูว่านางให้เจ้าไปหรือไม่?” มู่ซืออวี่ลูบศีรษะลูกสาว
ลู่ฉาวอวี่ไม่กล่าวสิ่งใด เพียงแค่สัญญาว่าจะดูแลน้องสาวให้ดี แต่ก็เห็นได้ชัดจากแววตาว่าอันที่จริงเขาไม่เต็มใจนัก
หลังจากเจิ้งซูอวี้มาถึง มู่ซืออวี่ก็ส่งต่องานในมือให้นางจัดการ
“ข้ารู้สึกเสียดายขึ้นมาแล้ว” เจิ้งซูอวี้มองมู่ซืออวี่ด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ข้าอยู่เมืองซูโจวเป็นผู้ดูแลสุขสบาย ตอนนี้มารับช่วงความวุ่นวายต่อจากมือเจ้า ชีวิตในวันข้างหน้าของข้าคงไม่สงบสุขอีก”
“ไม่หรอก ภายหน้าเจ้าจะพบว่าการนั่งนับเงินเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุด เอ้า นี่เป็นสัญญาที่แสดงว่าข้าจ้างเจ้าเป็นผู้ดูแลสกุลมู่ ไม่เพียงแต่มีเงินเดือนเดือนละ 1,000 ตำลึงเท่านั้น แต่ยังมีเงินปันผลทุกปี” มู่ซืออวี่เอ่ย “อิงจากกิจการที่เรามีตอนนี้ หากแต่ละปีเจ้าได้รับปันผล 100,000 ตำลึงก็คงไม่เกินไปนัก”
“ฮ่า ๆ” เจิ้งซูอวี้ได้ยินดังนี้ก็ไม่ขัดข้องอีก
ลู่อี้กำชับงานกับเวินเหวินซงหลายคำ
เวินเหวินซงเอ่ยว่า “เจ้าคนแซ่โจวเริ่มไม่ซื่อสัตย์แล้ว รอท่านกลับมาจากเมืองหลวงแล้วเราค่อยจัดการเขา”
“เบาะแสที่ข้าต้องการยังตามหาไม่พบ” ลู่อี้เอ่ย “ระหว่างนี้อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่นจนกว่าข้าจะกลับมา”
“วางใจเถอะ ข้าจะจัดการพวกเขาต่อเอง นอกจากนี้ ข้าได้ข่าวเรื่องผู้ดูแลร้านที่เคยช่วยพ่อท่านทำกิจการในปีนั้นมา คนผู้นั้นอยู่กับพ่อของท่านหลายปี เขาเป็นคนที่พ่อของท่านเชื่อใจที่สุด”
“เจ้าช่วยข้าจับตาดูไปก่อน เพื่อให้เจ้าคนแซ่โจวตายใจ เรามอบโอกาสงาม ๆ ให้กับพวกเขาบ้างเป็นครั้งคราวก็ได้ ขอเพียงไม่กระทบกับภาพรวมก็พอ”
“เจ้าคนแซ่โจวนั้นข้าไม่กลัว คนที่ทำให้ข้าไม่วางใจ จริง ๆ เป็นเจียงเหล่าผู้นั้น ทุกครั้งล้วนแต่เป็นท่านที่จัดการเขา ตอนนี้ท่านไม่อยู่ ข้ารับมือไม่ไหวแน่!”
“อีกประเดี๋ยวข้าจะไปหาเจียงเหล่าสักเที่ยวและบอกเรื่องที่ข้าต้องไปเมืองหลวง เขาคงไม่สร้างความลำบากใจให้เจ้าไปสักพัก อย่างไรเสีย เขาก็ต้องรอฟังว่าเกิดอะไรขึ้นที่เมืองหลวง”
“สิ่งที่เขาทำล้วนไม่อาจนำออกมาสู่แสงตะวันได้ ท่านช่วยเขาทำเรื่องเหล่านั้นมาโดยตลอด เท่ากับต้องเป็นพวกเดียวกับฝ่ายเขา ท่านไม่กลัวว่า…”