สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 416 ฉู่หนิงจูเปิดเผยตัวตน
บทที่ 416 ฉู่หนิงจูเปิดเผยตัวตน
บทที่ 416 ฉู่หนิงจูเปิดเผยตัวตน
“สถานที่ที่ควรไปเที่ยวก็ไปเกือบหมดแล้ว ส่วนที่เหลือก็ค่อยไปทีหลัง โอกาสสุดท้ายก่อนกลับนี้ ข้าอยากจะชวนสหายสองคนมาเป็นแขกที่บ้าน และถือโอกาสนี้จัดการปัญหาบางอย่างด้วย”
หลังจากที่มู่ซืออวี่พูดจบ นางก็เรียกจื่อซูและจื่อเยวี่ยนให้ตามนางไปซื้อของ
ลู่อี้มองเซี่ยคุนแล้วถามว่า “นางอยู่ที่นี่มานานเพียงใดกัน แล้วนางมีสหายได้อย่างไร ผู้ใดบ้างที่ติดต่อกับฮูหยินในช่วงนี้?”
“ใต้เท้าลู่ ฮูหยินเป็นคนเข้าสังคมเก่ง การมีสหายเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ” เซี่ยคุนพูด “ท่านยุ่งกับธุระทั้งวันยังไม่พอ ท่านยังจะกังวลเรื่องสหายของฮูหยินอีกรึ?”
“ผู้คนในเมืองหลวงจิตใจซับซ้อน”
“ท่านประเมินฮูหยินต่ำไป ไม่เพียงแต่ผู้คนในเมืองหลวงจะมีจิตใจซับซ้อนเท่านั้น ผู้คนในเมืองฮู่เป่ยก็ซับซ้อนเช่นกัน หากฮูหยินเข้ากับคนในเมืองฮู่เป่ยได้ดี นางก็สามารถทำเช่นเดียวกันในเมืองหลวงได้”
“หากท่านกังวล ก็รอจนกว่านางจะชวนสหายมาที่นี่ ท่านจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร หากมีอะไรผิดปกติ พวกเราก็คอยแอบจับตาดูได้ อีกทั้งฉานอีและคนอีกสองสามคนก็คอยปกป้องฮูหยินอยู่ เรื่องความปลอดภัยของฮูหยินยังคงเคร่งครัดเช่นเดิม”
สิ่งแรกที่มู่ซืออวี่ซื้อก็คือบ้าน
เนื่องจากลู่อี้ต้องมาประจำที่เมืองหลวง สิ่งแรกที่ขาดไม่ได้ก็คือบ้านของเขาเอง บ้านหลังปัจจุบันเป็นของลู่เซวียน และลู่เซวียนจะต้องอาศัยอยู่ในอนาคต ไม่เช่นนั้นหากขุนนางสองคนอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพี่น้องกัน ก็เป็นเรื่องง่ายที่คนอื่นจะเข้ามายุ่งได้ อีกทั้งเมื่อลู่เซวียนถึงวัยที่สามารถแต่งงานได้ แม้ว่าเขาจะไม่รีบร้อน แต่เขาก็ต้องเตรียมตัวสำหรับการแต่งงานภายในช่วงสองปีข้างหน้า แยกบ้านกันเสียตอนนี้ดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการย้ายบ้านในอนาคต
เรื่องใหญ่เช่นนี้ไม่อาจตัดสินใจได้ด้วยตัวคนเดียว อันดับแรก นางเขียนรายละเอียดการวิเคราะห์บ้านหลายหลังที่นางเห็นว่าดีแล้วมอบให้ลู่อี้
“แล้วแต่ฮูหยินจะตัดสินใจ”
แต่เขาพูดเพียงประโยคสั้น ๆ เช่นนี้ มู่ซืออวี่เกือบจะหยิกเนื้อนุ่ม ๆ ที่เอวเขาแล้ว
ทว่านางไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เนื่องจากลู่อี้ฟังนาง นางจึงตัดสินใจเลือกบ้านหลังใหญ่ตามความคิดของตัวเอง
หลังจากเลือกบ้านได้แล้ว มู่ซืออวี่ก็ไม่รีบร้อนที่จะซื้อเครื่องเรือนเข้าบ้าน อย่างไรเสีย นางก็กำลังจะเปิดร้านในเมืองหลวงอยู่แล้ว นางต้องการจะพาคนงานมาดูสถานที่ทั้งภายในและภายนอกเสียก่อน
หลังจากที่มู่ซืออวี่ซื้อบ้านแล้ว นางก็เชิญซูจือหลิ่วและฉู่หนิงจูมาเป็นแขก
“พี่สาว ลู่เซวียนยังไม่กลับมาอีกหรือ?” ฉู่หนิงจูถาม
มู่ซืออวี่ส่ายหน้าเบา ๆ
ซูจือหลิ่วมองนางด้วยความสงสัย “เหตุใดเจ้าถึงได้ดูประหม่านัก?”
“ข้าดูประหม่าหรือ?” ฉู่หนิงจูถาม
“หน้าเจ้าซีดถึงเพียงนี้ ยังจะบอกว่าเจ้าไม่ประหม่าอีกหรือ” ซูจือหลิ่วพูดจบก็มองไปที่มู่ซืออวี่ “ลู่เซวียนคือผู้ใด เห็นนางประหม่ามากเช่นนี้ อาจมีอะไรบางอย่างก็…”
“น้องชายของสามีข้าเอง” ก่อนที่ซูจือหลิ่วจะพูดบางอย่างชวนประหม่ากว่านี้ มู่ซืออวี่ก็ชิงอธิบายตัวตนของลู่เซวียนก่อน
“ตอนที่หนิงจูไปเมืองฮู่เป่ย นางปลอมตัวเป็นผู้ชาย เมื่อพบกับน้องชายสามีของข้า นางก็ยังปลอมเป็นผู้ชายอยู่ น้องชายของสามีข้ายังไม่รู้ว่านางยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของนาง วันนี้ต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง นางกังวลว่าน้องชายของสามีข้าจะไม่พอใจน่ะสิ จะเป็นแบบนี้ก็ไม่แปลก”
ซูจือหลิ่วมองไปฉู่หนิงจูด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “เป็นเรื่องปกติเช่นนั้นหรือเจ้าคะ?”
ปกติตรงไหนกัน?
แม้ว่าฉู่หนิงจูจะดูอ่อนโยนและอ่อนแอ แต่แท้จริงแล้วนางเป็นคนทะนงตัว ตอนที่นางเห็นคู่หมั้นเดินโอบไหล่สตรีไปรอบ ๆ หอคณิกา นางเดินจากไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ไม่มีจวินอ๋องอยู่ในสายตาสักนิด
ตอนนี้นางสนใจผู้ชายคนหนึ่งมาก เห็นได้ชัดว่าในหัวใจของนาง เขาน่าจะเป็นสหายที่สำคัญมาก
มู่ซืออวี่เชิญสหายมาเป็นแขก ในฐานะผู้ชาย ลู่อี้ เซี่ยคุน และคนอื่น ๆ จึงไม่จำเป็นต้องปรากฏตัว
เมื่อลู่เซวียนกลับมา มู่ซืออวี่ก็พาฉู่หนิงจูไปยังลานบ้านของลู่เซวียนเพียงลำพัง จากนั้นบอกให้สาวใช้สองคนพาซูจือหลิ่วไปนั่งในห้องน้ำชาสักพัก
เมื่อลู่เซวียนได้ยินว่ามู่ซืออวี่พาสหายมาพบก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หลังจากเก็บของเสร็จ เขาจึงออกมาพบ
“พี่สะใภ้…” ลู่เซวียนทักทายนางด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่ามีแขก… หญิงสาวผู้นี้ช่างคุ้นตานัก”
เมื่อเห็นฉู่หนิงจู ลู่เซวียนก็ตกตะลึง เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดเช่นนั้น
“นี่คือแม่นางฉู่” มู่ซืออวี่กล่าว “พวกเจ้าน่าจะมีอะไรที่ต้องการพูดกันตามลำพัง ดังนั้นข้าจะไปหาคุณหนูซูก่อน”
ซูจือหลิ่วไม่มีอะไรทำในห้องชงชา เมื่อเห็นมู่ซืออวี่กลับมาจึงถามว่า “น้องชายของสามีท่านตกใจหรือไม่?”
“เมื่อเขาเห็นหนิงจูก็นิ่งอึ้งไป แต่เขาไม่ใช่คนอวดรู้ เขาจึงไม่น่าจะโกรธ อย่างน้อยที่สุดก็คงจะกระอักกระอ่วนใจ” มู่ซืออวี่กล่าว “อย่างไรเสีย พวกเขาก็เป็นสหายร่วมชั้นกันมานานแล้ว”
ตอนที่ฉู่หนิงจูศึกษาอยู่ในสำนัก นางต้องพบปะบุรุษมากมายทุกวัน แต่ไม่มีผู้ใดรู้ตัวตนของนางเลย สาเหตุแรกเป็นเพราะนางไม่ได้คบหากับคนอื่น เจ้าสำนักเองก็ต้องการปกป้องนาง สาเหตุสุดท้ายเป็นเพราะลู่เซวียนรู้ว่านางไม่ชอบคบค้าสมาคมกับผู้คน จึงพานางไปด้วยทุกที่ที่เขาไป ทว่าเดิมทีนี่เป็นเพียงความรักแบบสหายร่วมชั้น แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าสหายร่วมชั้นเป็นสตรีปลอมตัวมา ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจหรือไม่
“เหตุใดเจ้าถึงได้กลับมาแล้ว?” ซูจือหลิ่วมองไปข้างหลังมู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่หันไปมอง เมื่อเห็นฉู่หนิงจูจึงถามด้วยความสงสัย “พวกเจ้า… พูดคุยกันจบแล้วหรือ?”
จะออกมาเร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร!
“เขามีบางอย่างต้องทำ จึงถูกเรียกตัวไป” ฉู่หนิงจูไม่ค่อยพอใจ “ข้ายังไม่ได้บอก”
“เจ้าไม่กล้าบอก ดังนั้น…” ซูจือหลิ่วพูด
“ข้าไม่กล้า แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะปกปิดต่อไป แต่ในขณะที่ข้ากำลังจะบอก เขาก็ถูกเรียกตัวไปเสียก่อน” ฉู่หนิงจูกล่าว “อีกทั้งดูเหมือนว่า เขาจะไม่ต้องการอยู่กับข้าสองต่อสอง”
“เพราะในสายตาของเขา เจ้าคือแม่นางฉู่ ไม่ใช่ฉู่หลิง สหายร่วมชั้นของเขา น้องชายของสามีข้าไม่มีประสบการณ์คบหากับผู้หญิง หากจู่ ๆ ถูกขอให้คบกับผู้หญิง เขาก็คงจะรู้สึกอึดอัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” มู่ซืออวี่เดา “เขาคงไม่คิดว่าข้าเชิญเจ้ามาที่นี่เพื่อให้เจ้าคุยกับเขา แล้วสานสัมพันธ์รักระหว่างเจ้ากับเขาใช่หรือไม่?”
“เป็นไปได้มาก” ยามนี้ซูจือหลิ่วมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
“อีกไม่กี่วันพวกเราก็ต้องจากกันแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะพึ่งพาตัวเองได้ หวังว่าปัญหาของเจ้าจะได้รับการแก้ไขเมื่อข้ากลับมานะ” มู่ซืออวี่ยื่นขนมให้ฉู่หนิงจู “ลองดูสิ”
ฉู่หนิงจูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ตอนแรกอุตส่าห์รวบรวมความกล้ามากมายเพื่อสารภาพในวันนี้ แต่ความกล้าที่เพิ่งรวบรวมมาได้กลับถูกขัดจังหวะ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีความกล้าอีกในครั้งหน้า โดยเฉพาะเมื่อมู่ซืออวี่ไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ นางไม่มีความกล้าพอที่จะทำเช่นนั้นหรอก
เซี่ยคุนและลู่อี้ได้รู้เรื่องแขกวันนี้จากคำบอกเล่าของฉานอีแล้ว
เซี่ยคุนกล่าวว่า “ดูทักษะการสื่อสารของฮูหยินสิ สมแล้วที่เป็นเจ้าแห่งการค้าอันดับหนึ่งแห่งเมืองฮู่เป่ย”
“ตระกูลซู…” ลู่อี้พูด “เป็นตระกูลซูที่มีอำนาจทางทหารใช่หรือไม่?”
“คุณหนูฉู่เป็นลูกสาวของฉู่กั๋วกง นอกจากคนตระกูลซูแล้ว มีผู้ใดอีกบ้างที่สามารถเป็นสหายกับนางได้? แม้ว่าฉู่กั๋วกงจะไม่ได้กุมอำนาจที่แท้จริง แต่ก็มีคนตระกูลฉู่เป็นกุ้ยเฟยอยู่ในวัง และกุ้ยเฟยองค์นี้ก็ให้กำเนิดโอรสด้วย องค์ชายห้าที่อยู่เมืองฮู่เป่ยเป็นโอรสของกุ้ยเฟยองค์นี้ โชคชะตาของท่านกับคนตระกูลฉู่คงผูกพันกันลึกซึ้งยิ่งนัก”
“ตราบใดที่ไม่คิดร้ายกับฮูหยิน” ลู่อี้พูดขึ้น “ข้าก็ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดแล้ว”