สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 451 เป็นคนโง่คนหนึ่ง
บทที่ 451 เป็นคนโง่คนหนึ่ง
บทที่ 451 เป็นคนโง่คนหนึ่ง
หนึ่งชั่วโมงต่อมา มู่ซืออวี่ก็ออกมาจากร้านหยก
เจ้าของร้านหยกเอ่ยประจบประแจงนาง “หากมีสินค้าใหม่มา ไม่รู้ว่าจะหาท่านได้จากที่ใด?”
“ท่านไปที่โรงเตี๊ยมลืมกังวล บอกคนดูแลว่ามาหาฮูหยินถง เขาจะรู้ว่าเป็นผู้ใดเอง” มู่ซืออวี่ตอบ
“ได้เลยขอรับ” เถ้าแก่ยิ้มแย้ม “เช่นนั้นท่านกลับดี ๆ นะขอรับ”
มู่ซืออวี่พาสาวใช้ทั้งสองกลับไปยังโรงเตี๊ยม
เวลานี้ลู่อี้ยังไม่กลับมา
สาวใช้ทั้งสองจึงเรียกคนงานในโรงเตี๊ยมให้ยกน้ำอุ่นมาให้
ฮูหยินลู่แช่อยู่ในถังอาบน้ำโดยมีจื่อซูขัดหลังให้ ส่วนจื่อเยวี่ยนกำลังเตรียมเสื้อผ้าสำหรับวันพรุ่งนี้
“ฮูหยิน เมื่อครู่นี้ท่านทำตัวอย่างกับบุตรที่ล้างผลาญเลยเจ้าค่ะ” สีหน้าจื่อซูเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ห้าพันตำลึงเงินเชียวนะเจ้าคะ ท่านบอกอยากขายก็ให้เอามาดู ทั้งยังบอกให้พวกเขานำสินค้าชุดใหม่มาอีก ห้าพันตำลึงเงิน ท่านซื้อหินเหม็น ๆ นี่มาหนึ่งชุด หินที่ไม่มีหยกออกมาแม้เพียงชิ้นเดียว ป่านนี้เถ้าแก่นั่นคงยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งแล้ว เกรงว่าเขาจะเอ่ยคำว่า ‘เจ้าคนโง่’ อยู่ในใจ”
“เจ้าน่ะสิเป็นคนโง่” จื่อเยวี่ยนเอ่ย “ฮูหยินทำเช่นนี้เพราะมีเหตุผล หากเจ้ายังมองออก เช่นนั้นฮูหยินจะโง่หรือ?”
“ฮูหยินอยากให้พวกเขาติดกับอย่างนั้นหรือ? ข้าว่าเป็นฮูหยินติดกับดักมากกว่ากระมัง?” จื่อซูเอ่ย “ห้าพันตำลึงเงินเชียวนะ! เหตุใดหินเหม็น ๆ กองหนึ่งถึงได้แพงปานนี้?”
“หากเจ้าคิดว่าคนที่ซื้อหินพวกนี้เป็นคนโง่ เช่นนั้นคงมีคนโง่อยู่เต็มโลกเชียวล่ะ เมื่อครู่เจ้าก็เห็น คนที่ไปเดิมพันกับหินไม่ได้มีเพียงพวกเรา ยังมีคนอีกมากมาย” มู่ซืออวี่เอ่ย
“ฮูหยิน ท่านไปร้านนั้นเพราะเถ้าแก่เฉียนทำกิจการเกี่ยวกับหยกหรือเจ้าคะ ท่านเลยตัดสินใจเข้าหาเถ้าแก่หนิงที่ขายหยกเหมือนกัน” จื่อเยวี่ยนเอ่ย
“การค้าหยกก็ไม่ต่างจากกิจการอื่น ๆ หากไม่มีเส้นสายก็ไม่สามารถหาแหล่งที่มาของสินค้าได้ เมื่อครู่พวกเจ้าก็เห็น เถ้าแก่หนิงมีสินค้าอยู่ในร้านจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าการจัดหาสินค้าของเขาไม่เลว เถ้าแก่เฉียนบอกว่าพอได้รับสินค้าชุดใหม่มา สหายของเขาก็แนะนำลูกค้ารายใหญ่ให้พอดี จากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น นี่มันบังเอิญจนเกินไป”
“แล้วอย่างไรต่อหรือเจ้าคะ?” จือซูไม่เข้าใจ
“แล้วฮูหยินของเจ้าก็อยากไปล่อเหยื่อน่ะสิ” ลู่อี้เปิดประตูแล้วเดินเข้ามา
“ในที่สุดก็ยอมกลับมาหาข้าแล้วหรือ?” มู่ซืออวี่นอนอยู่ในถังอาบน้ำ มองเนื้อตัวลู่อี้ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นสุรา นางย่นจมูกทำทีรังเกียจ “เหม็นจะตายแล้ว”
ลู่อี้เอ่ยกับสาวใช้ทั้งสองคนว่า “พวกเจ้าไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว”
สาวใช้ทั้งสองถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่
“ท่านไล่พวกนางไปแล้ว ใครจะขัดหลังให้ข้า?” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยท่าทีเกียจคร้าน
“สามีจะถูให้เจ้าเอง” ลู่อี้เดินเข้ามา
“ท่านตัวเหม็นเกินไป ข้าไม่ต้องการ” คนเป็นภรรยาแค่นเสียงเอ่ยอย่างเย็นชา
“เช่นนั้น สามีจะอาบน้ำด้วยกันกับเจ้า” ลู่อี้ยืนอยู่ข้างหลังนาง มองไปในถังอาบน้ำแล้วเอ่ยขึ้น “ถังอาบน้ำนี้ใหญ่นัก อย่าว่าแต่สองคนเลย แม้แต่สามคนยังรองรับได้”
เดิมทีมู่ซืออวี่เพียงแค่จงใจแกล้งเขา ผู้ใดใช้ให้เขาไปหอหยกงามโดยไม่มีนางเล่า? ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นเพราะหน้าที่ นางก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี สุดท้ายตอนนี้กลับกลายเป็นนางที่ถูกรังแกเสียเอง
เมื่อทั้งสองคนอาบน้ำเสร็จ น้ำก็สาดกระจายเปียกเต็มพื้น ราวกับมีคนเคยต่อสู้กันอยู่ที่นี่มาก่อน
อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่บ้านจึงไม่กล้าส่งเสียงดังมากนัก หลังจากอ้อยอิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ทั้งคู่ก็ไปที่เตียง ดึงผ้าห่มขึ้นคลุม ก่อนจะเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเบาะแสที่พบในวันนี้
“ข้าอยู่ข้างนอกใช้ชื่อว่าฮูหยินถง อย่างไรเสียฮูหยินลู่ก็โด่งดังเกินไป เถ้าแก่เนี้ยมู่ยิ่งไม่เหมาะ ต้องใช้ชื่อฮูหยินถงที่ไม่มีใครรู้จักเท่านั้น พวกเขาจึงจะติดกับ”
“ฮูหยินฉลาดยิ่ง” ลู่อี้เอ่ย “อยู่ที่นั่นข้าก็ตรวจพบปัญหาแล้วเช่นกัน”
“ที่ใด?”
“ฮูหยินก็รู้”
“แม่นางที่นั่นเป็นอย่างไร? สวยหรือไม่?”
“ไม่สวยเท่าฮูหยินของข้า”
มู่ซืออวี่แค่นเสียงอยู่ในจมูก แล้วกล่าวต่อไปว่า “ท่านให้คนไปจัดการเรื่องตัวตนนี้ให้ข้าเสีย หากตัวตนนี้ไม่สร้างความกังขาให้กับพวกเขาแม้เพียงนิดจะเป็นการดี ปลาจะได้รีบติดเบ็ด”
“ข้าเชื่อฮูหยิน”
หลายวันถัดจากนั้น มู่ซืออวี่สวมบทบาท ‘บุตรจอมล้างผลาญ’ ได้อย่างสมจริงไม่มีที่ติ
ในที่สุด เถ้าแก่หนิงก็ตัดสินใจยอมรับนางเป็นลูกค้ารายใหญ่
เมื่อเห็นมู่ซืออวี่ใช้เงินก้อนใหญ่ซื้อขยะอีกกองหนึ่งกลับไป เถ้าแก่หนิงจึงเป็นฝ่ายเข้ามาพูดคุยกับนาง
“ฮูหยินถง ท่านจ่ายเงินไปไม่น้อยแล้ว แต่ท่านกลับไม่ได้ซื้อของดีอะไรเลย นี่มัน… ถึงแม้ข้าจะเป็นเถ้าแก่ แต่ก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง”
“เป็นข้าที่โชคไม่ดีเอง” มู่ซืออวี่ราวกับไม่สะทกสะท้าน “เงินเล็กน้อยเท่านี้ไม่นับเป็นอะไร เถ้าแก่หนิงไม่จำเป็นต้องเก็บไปใส่ใจ ผู้ใดใช้ให้ข้ามีชีวิตดีเล่า ข้ามีเงินมากมายนับไม่ถ้วนให้ใช้สอยตั้งแต่เกิด หลังจากนั้นพ่อแม่ก็หาสามีดี ๆ ให้ข้า แถมตระกูลสามีของข้ายังมีดอกไม้เงินนับไม่ถ้วนอีก ท่านดูชีวิตของข้าสิ… อีกครึ่งชีวิตที่เหลือไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใดแล้ว แต่ละวันข้าเอาแต่กลัดกลุ้มว่าจะใช้เงินอย่างไรดี”
จื่อซู จื่อเยวี่ยน “…”
ฮูหยิน นั่นจะเกินจริงไปหน่อยแล้ว
สาวใช้ทั้งสองรู้สึกตาพร่าเล็กน้อย
แม้แต่จื่อซูผู้ที่ไร้สมองยังรู้สึกว่าหากเถ้าแก่หนิงถูกการแสดงเกินพอดีนี้หลอกเอาได้ บางทีอีกฝ่ายอาจโง่งมยิ่งกว่านาง
ทั้งสองคนลอบมองเถ้าแก่หนิงผู้นั้น
พวกนางเห็นเพียงความโลภในแววตาของเขา
เขาคิดว่าตนปิดบังได้ดีแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าหลายวันมานี้เขาถูกจับสังเกตมาโดยตลอด พวกนางจึงมองสีหน้าท่าทีเจ้าของร้านหยกออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“ฮูหยิน หากท่านอยากใช้เงิน นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายมากเลยหรอกหรือ?” เถ้าแก่หนิงลดเสียงลง แล้วเอ่ยด้วยท่าทีมีลับลมคมใน “ข้ามีสินค้าคุณภาพดีชุดหนึ่ง ดีเยี่ยมทีเดียว ผลงานชั้นยอดเชียวนะขอรับ”
“ผลงานชั้นยอดอันใดกัน?” มู่ซืออวี่ดูไร้ท่าทีว่าจะสนใจ “ข้าไม่ได้เห็นสิ่งใดแล้วล้วนชมชอบไปเสียทุกอย่าง อย่าพยายามหลอกเอาเงินของข้าด้วยของธรรมดาสามัญ ถึงแม้ข้าจะมีเงินนับไม่ถ้วน แต่ไม่ใช่ว่าเห็นอะไรก็จะยินดีใช้จ่ายไปเสียหมด ท่านคิดว่าข้าโง่หรือ จึงคิดจะฉวยโอกาสเอาได้ง่าย ๆ?”
เถ้าแก่หนิงเห็น ‘ฮูหยินถง’ กล่าวเช่นนั้นก็พลันโล่งใจ
คนที่เอ่ยออกมาซื่อ ๆ เช่นนี้ได้ หากไม่ถูกฉวยโอกาสเองก็คงไม่มีผู้ใดถูกฉวยโอกาสแล้ว
“ฮูหยินวางใจเถิด จะต้องเป็นหยกคุณภาพชั้นเลิศอย่างแน่นอน มันคือหยกเหอเทียนขนาดใหญ่โตเท่าศีรษะฮูหยินเลยนะขอรับ!” เถ้าแก่หนิงกล่าว
มู่ซืออวี่ยกมือขึ้นลูบ ๆ คลำ ๆ หัวของตนเอง
การกระทำเช่นนี้ดูโง่งมเล็กน้อย
เถ้าแก่หนิงเห็นเช่นนั้นก็สบายใจยิ่งกว่าเดิม
หลอกลวงสตรีโง่เขลาเช่นนี้ ไม่มีความกดดันแม้แต่น้อย
“ไม่สู้… ไปถามนายท่านก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ!” จื่อเยวี่ยนเอ่ยขึ้นจากข้าง ๆ อย่างเหมาะเจาะ
“เขาน่ะหรือ? เขาเอาแต่ไปหอหยกงามและมีช่วงเวลาดี ๆ อยู่ทุกวี่ทุกวัน ถามเขาแล้วจะได้อะไรขึ้นมา?” มู่ซืออวี่นึกเคืองสามีขึ้นมาดื้อ ๆ นางเอ่ยกับเถ้าแก่หนิงว่า “ได้ ข้าจะไปกับท่าน”
เถ้าแก่หนิงเอ่ยอย่างมีลับลมคมใน “ตอนนี้มันไม่อยู่กับข้า ฮูหยิน เช่นนั้นคืนนี้ท่านมาที่นี่และนำตั๋วเงินมาด้วย ถึงตอนนั้นก็ยื่นหมูยื่นแมวกัน”
“เหตุใดการซื้อขายใหญ่โตเช่นนี้ต้องทำกลางคืน? หยกชิ้นนั้นของท่านคงไม่ใช่ว่าได้มาโดยไม่ชอบกระมัง?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“หยกชิ้นนั้นล้ำค่ายิ่ง หากมีคนพบว่าท่านซื้อไปกลางวันแสก ๆ จะทำอย่างไร?” เถ้าแก่หนิงเอ่ย “ข้าจะแขวนโคมไฟไว้บนประตูตอนกลางคืน ถึงตอนนั้นฮูหยินค่อยมา”
มู่ซืออวี่กลับไปยังโรงเตี๊ยมและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลู่อี้ฟัง
“ดูเหมือนปลาจะฮุบเหยื่อแล้ว”
“ทางหอหยกงามเป็นอย่างไร?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ข้าพบว่าเจ้าของหอหยกงามกับเจ้าของร้านหยกเป็นคนเดียวกัน” ลู่อี้เอ่ย “ข้าลอบตรวจสอบแล้ว ทว่าจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่สามารถตรวจสอบตัวตนของคนผู้นั้นได้”