สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 458 หากไม่เชื่อใจ เช่นนั้นก็ไปตรวจสอบ
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 458 หากไม่เชื่อใจ เช่นนั้นก็ไปตรวจสอบ
บทที่ 458 หากไม่เชื่อใจ เช่นนั้นก็ไปตรวจสอบ
บทที่ 458 หากไม่เชื่อใจ เช่นนั้นก็ไปตรวจสอบ
ฟ่านซือโยวสั่นศีรษะ “ไม่ ข้าเชื่อใจเขา”
“เช่นนั้นไยต้องบอกข้า เหตุใดวันนี้ท่านจึงมาขอความช่วยเหลือจากข้า?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามอีกครั้ง
“ข้าจะ…”
“ได้ เช่นนั้นข้าไปละ” ขณะที่เอ่ย มู่ซืออวี่ก็ลุกขึ้น
“พี่หญิงมู่” ฟ่านซือโยวรั้งนางไว้ “ข้ายอมรับ ข้าเริ่มกลัวแล้ว จึงอยากขอความช่วยเหลือจากท่าน ท่านอย่าเพิ่งไปเลย”
มู่ซืออวี่นั่งลงอีกครั้ง
“เดิมทีทุกอย่างก็ดี แต่เขากลับเสนอให้ใช้ศพที่เหมือนกันกับข้าแกล้งตาย ข้ารู้สึกราวกับร่างทั้งร่างจมลงไปในน้ำเย็น ตัวชาไปหมด ข้าสงสัยว่าเขาเป็นใคร เหตุใดจึงสามารถหาศพสตรีที่เหมือนกับข้ามาได้ ไม่รู้ว่าเรื่องนี้เขาวางแผนไว้นานเพียงใดแล้ว… หากเขาร้อนใจอยากอยู่กับข้าถึงเพียงนั้น เหตุใดจึงไม่มีความกล้ามาสู่ขอ? เขาคิดว่าครอบครัวของข้าจะไม่ยินยอมทั้งที่ยังไม่แม้แต่จะลองพยายามด้วยซ้ำ ถึงแม้ความคิดเห็นจะไม่ตรงกัน อย่างไรก็ควรต้องลองดูก่อน!”
“ข้าคิดมากมายหลายอย่าง ก่อนหน้านี้ราวกับมีหมอกบดบังดวงตาข้า ทันทีที่เขาแนะเช่นนั้น หมอกนี้พลันสลายไป และหลายสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจมาก่อนก็กระจ่างขึ้นมาทันที เขาเป็นผู้มากพรสวรรค์ที่มีชื่อเสียง หากเขาต้องการเกียรติยศ จะสอบเป็นขุนนางก็ไม่มีปัญหา พวกเรารู้จักกันมาถึงสามปี เขากลับไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าเมืองหลวงไปสอบขุนนางเลย”
มู่ซืออวี่ไม่เอ่ยสิ่งใด
ไม่ว่านางจะไม่ชอบชายผู้นั้นเพียงใด นางในฐานะคนนอกก็ไม่ควรเอ่ยปาก ฟ่านซือโยวต้องคิดได้เองเท่านั้นจึงจะคลายเงื่อนตายนี้ได้
“ถึงอย่างไรข้าก็เป็นเพียงคนนอก เรื่องเหล่านี้ไม่ควรให้ข้าแนะนำท่าน กล่าวอย่างไม่ปิดบัง หากพวกท่านไปด้วยกันได้ดี เช่นนั้นทุกคนย่อมยินดี แต่หากพวกท่านเกิดไปได้ไม่ดีขึ้นมา ข้าเกรงว่าคนนอกเช่นข้าที่ถูกท่านดึงเข้าไปพัวพันจะติดร่างแหไปด้วย ความรักระหว่างบุรุษสตรีเป็นเรื่องที่ต้องเต็มใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ท่านจะต้องคิดให้กระจ่างเอง ไม่ใช่ให้ผู้อื่นชี้นิ้วสั่งการ หากท่านไม่วางใจ เช่นนั้นก็ไปตรวจสอบเถอะ!”
ปี้ลวี่ จื่อซู และจื่อเยวี่ยนเข้ามาพร้อมกับของกิน เมื่อเห็นมู่ซืออวี่เดินไปยังประตูจึงเอ่ยว่า “ฮูหยินลู่ ท่านจะไปแล้วหรือ? บ่าวทำของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ ท่านทานกับจวิ้นจู่สักหน่อยเถิด!”
“ข้าไม่หิว ไม่กินแล้ว เจ้าไปอุ่นสุราสักจอกมาให้จวิ้นจู่สักหน่อย นางจะได้ดื่มคลายความเบื่อหน่ายของตน” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้าต้องกลับไปดูแลใต้เท้าลู่ ป่านนี้เขาคงดื่มจนเมามายแล้ว”
ลู่อี้ไม่ได้ดื่มมากนัก ทว่ากลิ่นของมึนเมาบนตัวเขากลับรุนแรงยิ่ง
เขาอาบน้ำแล้ว และตอนนี้ก็กำลังกอดภรรยาจากด้านหลัง
“วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่เป็นอย่างไร” มู่ซืออวี่อิงแอบในอ้อมแขนสามี “ดูเหมือนสงบ แต่ทุกคนล้วนพูดจาอ้อมค้อมไปมา ยังดีที่ข้าคุ้นชินแล้ว ความสามารถเล็กน้อยของพวกเขาทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
“ฮูหยินของข้าเป็นสตรีผู้ทำการค้าอันดับหนึ่งในโลก พวกเขาจะฉลาดกว่าเจ้าได้อย่างไร?” ลู่อี้ก้มลงจูบเรือนผมนาง “วันนี้จงอ๋องเร่งเร้าข้า บอกว่าข้าต้องรีบกลับไปรายงานตัวที่เมืองหลวง”
“ท่านจะกลับเมืองหลวงหรือ?”
“อืม”
“อ้อ”
“ไม่มีความสุขหรือ?”
“ข้าไม่อยากแยกจากกับท่าน! ครั้งนี้พวกเราแยกกัน อาจไม่ได้พบหน้ากันหนึ่งหรือสองปี จะมีความสุขได้อย่างไร?” มู่ซืออวี่เอ่ย “เช่นนั้นคดีฆ่าคนตายไม่ตรวจสอบแล้วหรือ? หรือว่าตรวจสอบได้แล้ว”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าการตายของพ่อบ้านเฒ่าหมายความว่าอย่างไร?” ลู่อี้นั่งลงขณะที่แขนยังโอบนางไว้
นางนั่งลงบนตักเขา ฟังเสียงไพเราะของสามีที่ดังก้องสะท้อนในหู
“พ่อบ้านเฒ่าทำงานในจวนหลีอ๋องมาเป็นเวลานาน ดังนั้นเขาย่อมรู้เรื่องในจวนหลีอ๋องมามาก หากตรวจสอบต่อไป จะต้องไปพบเจอความลับที่หลบซ่อนอยู่ในจวนหลีอ๋องอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตระกูลใหญ่ตระกูลใดไร้เรื่องดำมืดเล่า? ถึงแม้ท่านหลีอ๋องจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับโลก แต่เขายังคงเป็นคนที่คนผู้นั้นหวาดกลัว ดังนั้นเขาจะต้องทำอะไรบางอย่างอยู่ลับ ๆ หากพวกเราตรวจสอบต่อไป เกรงว่าจะพบบางสิ่งที่น่าหวาดผวาเอาได้”
“ฮูหยินช่างเฉลียวฉลาดจริง ๆ ข้าก็หมายความเช่นนี้ จงอ๋องสุขภาพอ่อนแอแต่กลับมาพบข้าสองสามครั้งด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ เขากล่าวว่าการตายของพ่อบ้านเฒ่าเป็นอุบัติเหตุ เช่นนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบต่อไป”
“มีบางเรื่องไม่รู้ว่าควรบอกท่านดีหรือไม่ เป็นเพียงสัญชาตญาณของสตรีเท่านั้น ข้ามักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ท่านกำลังตรวจสอบ แต่ก็เกี่ยวกับชื่อเสียงของสตรีด้วยเช่นกัน…”
“เกี่ยวข้องกับจวิ้นจู่ท่านนั้นหรือ?”
“ใช่ ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าท่านเป็นคนสืบพบเรื่องที่จวิ้นจู่มีคนรัก เมื่อวานนี้มีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นที่งานเลี้ยง ข้ากลับมาช้าเพราะเมื่อครู่ไปคุยกับจวิ้นจู่ตามลำพัง เดิมทีข้านับถือจวิ้นจู่ แต่หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้นเกิดขึ้น ข้ารู้สึกว่าข้าและนางไม่ใช่คนแบบเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่ได้ติดต่อนางมากนัก”
“เล่าให้ข้าฟัง”
มู่ซืออวี่ไม่ปิดบังสิ่งใด อธิบายเรื่องให้เขาฟังโดยละเอียด
“แผนการของคนผู้นี้ไม่ถูกต้อง” ลู่อี้เอ่ยสรุป
“ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น จวิ้นจู่ไม่ใช่คนโง่เขลา นางจึงสังเกตเห็นเช่นกัน ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายอยากพานางไปด้วยวิธีเช่นนี้ นางจึงให้สาวใช้ส่งข้อความขอความช่วยเหลือมาทำให้แผนการของบุรุษผู้นั้นพัง”
“เจ้าทำลายแผนการของเขา เขาจะนึกโกรธแค้นและลงมือต่อเจ้าหรือไม่?”
“ไม่ขนาดนั้นกระมัง?”
“ข้าไม่วางใจ พรุ่งนี้ข้าจะตระเตรียมคนสักสองสามคนไว้คุ้มครองเจ้าลับ ๆ จะได้ไม่มีเรื่องผิดพลาด” ลู่อี้เอ่ยพลางโอบกระชับนางแน่นขึ้น “ข้ากล้าที่จะเสี่ยง แต่ข้าไม่กล้ายอมสูญเสีย”
“หากเป็นท่าน ท่านจะทำอย่างไร?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามสามี
“ข้าจะหาวิธีทำให้พ่อแม่ของเจ้ายอมรับ หากพวกเขาชอบคนมั่งมี เช่นนั้นข้าก็จะหาวิธีหาเงิน หากชอบคนมีอำนาจ เช่นนั้นข้าก็จะหาวิธีคว้าอำนาจมา แต่หากพวกเขาไม่ชอบข้าคนนี้ เช่นนั้นข้าก็ทำสิ่งใดไม่ได้ ข้าทำได้เพียงฉุดเจ้าไปและแต่งเจ้าเป็นภรรยาออกหน้าออกตา”
มู่ซืออวี่หัวเราะ
“ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าท่านเป็นคนเอาแต่ใจ ทำเรื่องลับ ๆ ล่อ ๆ เช่นนี้ไม่ได้หรอก”
“ถึงแม้จะเป็นรักแท้ก็ไม่อาจปล่อยให้สตรีติดตามโดยไร้เกียรติไร้สถานะ ถึงแม้นางจะไม่สนใจ ในฐานะบุรุษอย่างไรก็ต้องรู้สึกผิด หากรักนางจริง ๆ ก็ต้องมอบทุกสิ่งที่มีให้คนที่รัก”
“ข้าก็รู้สึกเช่นนี้”
“เราอยู่จวนหลีอ๋องต่อไม่ได้แล้ว” ลู่อี้เอ่ย “จงอ๋องเช่าเรือนอีกหลังไว้ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่นั่น”
มู่ซืออวี่ไม่มีโอกาสได้อาศัยอยู่ในเรือนที่จงอ๋องเช่า เพราะเมื่อนางตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนถูกขังอยู่ในสถานที่มืดมิดแห่งหนึ่ง ตัวนางมีน้ำชุ่มโชกอยู่มากมาย ฮูหยินลู่ถูกแช่ไว้ในน้ำท่ามกลางแมลงที่คลานยั้วเยี้ยไปทั่วพื้น แค่เห็นก็รู้สึกชาไปทั้งตัว
นางจำที่ที่เถ้าแก่เฉียนเคยเอ่ยถึงให้ฟังได้
ดูเหมือนว่าขณะที่นางไม่รู้ตัว นางคงถูกคนลักพาตัวมา
ณ จวนหลีอ๋อง
ลู่อี้บีบคอหัวหน้าผู้คุ้มกันจวน มือของเขาออกแรงเต็มกำลัง สายตาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
“ข้าออกไปเที่ยวเดียว ฮูหยินของข้าก็ถูกคนลักพาตัวไปจากจวนหลีอ๋องของพวกเจ้าแล้ว ตอนนี้เจ้าบอกข้าว่าไม่มีคนนอกบุกเข้ามา เช่นนั้นฮูหยินของข้าหลบหนีไปเองหรือ?”
ฟ่านหยวนซียืนอยู่ไม่ไกลออกไป นิ้วมือของเขาลูบหยกห้อยรอบเอว ก่อนจะกล่าวขึ้นมา “ถึงแม้เจ้าจะฆ่าเขา ก็ไม่อาจแลกฮูหยินของเจ้ากลับคืนมาได้ หากเจ้าล่าช้าไปแม้เพียงนิด ทุกช่วงเวลาที่เสียไปคืออันตรายที่คืบคลานเข้ามา ลองดูว่ามีร่องรอยอะไรเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุหรือไม่ หาคนก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ! อย่างไรเสียเจ้าข้ารับใช้คนนี้ก็หนีไปไม่ได้ หากเจ้าหาคนเจอแล้วอยากฆ่าเขา ข้าจะลงมือแทนเจ้าเอง”
ลู่อี้คลายมือออก
“แค่ก ๆ…” หัวหน้าผู้คุ้มกันนอนไอโขลกอยู่ตรงนั้น
จื่อซูและจื่อเยวี่ยนก็นั่งคุกเข่าอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“ใต้เท้า พวกเราได้กลิ่นบางอย่าง จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลยเจ้าค่ะ”