สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 459 ข้าจะตรวจสอบความจริง
บทที่ 459 ข้าจะตรวจสอบความจริง
บทที่ 459 ข้าจะตรวจสอบความจริง
“ใต้เท้าลู่โปรดใจเย็น”
หลีอ๋องที่ผ่ายผอมเดินเข้ามา
บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ช่วยพยุงเขา ทว่าเขากลับสะบัดแขนออก
หลีอ๋องไอเบา ๆ แล้วเอ่ยออกมาอย่างอ่อนแรง “คนอยู่ในจวนหลีอ๋องหายไป ข้าจะต้องมีคำอธิบายให้ท่านแน่นอน ใต้เท้าลู่ดูเถิดว่าผู้ใดในจวนของข้าพอใช้การได้บ้าง ทุกอย่างแล้วแต่ท่านจะจัดการ”
“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว” ลู่อี้เย้ยหยัน “ข้ากำลังรีบร้อนหาคน ท่านอ๋องและหวางเฟยจำต้องทนหากข้าอาจไม่สุภาพไปบ้าง”
หลีหวางเฟยและฟ่านซือโยวที่อยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าปริปาก
พวกนางเคยพบลู่อี้มาก่อน ทุกครั้งที่เห็นชายผู้นี้ล้วนสุภาพมีมารยาท ไม่เคยเห็นเขาแข็งกร้าวอย่างนี้มาก่อน
จากนั้นทั่วทั้งจวนอ๋องแทบจะถูกลู่อี้พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินหา เขาไม่แม้แต่จะปล่อยสาวใช้ข้างกายของหลีหวางเฟยและจวิ้นจู่ไป
ยามนี้เอง ทุกคนในจวนอ๋องถึงได้เห็นกลยุทธ์เลือดเหล็ก*[1] ท้ายที่สุดจึงเข้าใจว่าก่อนหน้านี้ลู่อี้ถ่อมตนเพียงไร นับว่าเขาให้เกียรติจวนอ๋องเพียงพอแล้ว
“แม่นมเฒ่าข้างกายหวางเฟยเคยเข้าไปในเรือนพักอาศัยของฮูหยินข้า” ลู่อี้เอ่ย “หวางเฟย ข้าสงสัยนักว่าบัดนี้แม่นมเฒ่าข้างกายท่านไปที่ใดแล้ว?”
“วันนี้แม่นมหงออกจากจวนไปแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ย “นางบอกว่าลูกสะใภ้ของนางไม่ค่อยสบายจึงจะพานางไปหาท่านหมอ ข้าเห็นลูกชายของแม่นมหงอุ้มสตรีผู้หนึ่งไปจริง ๆ”
“หวางเฟย เยว่ซื่ออยู่ที่นี่เจ้าค่ะ ไม่ได้ออกจากจวน” ผู้คุ้มกันนำตัวสตรีนางหนึ่งเข้ามา
สตรีนางนั้นก็คือลูกสะใภ้ของแม่นมหง
ในเมื่อนางยังอยู่ที่นี่ เช่นนั้นคนที่แม่นมหงพาไปย่อมเป็นมู่ซืออวี่
“ข้าไม่รู้อะไรทั้งสิ้น” เยว่ซื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ใต้เท้า ให้อภัยข้าเถอะ! ข้าเพิ่งแต่งงาน แม่สามียังไม่ชอบข้า นางทำสิ่งใดล้วนไม่บอกข้าแน่นอน”
“โหลวหาน ข้ามอบงานนี้ให้เจ้า” ลู่อี้เอ่ยเสียงเรียบ “นางไม่รู้สิ่งใดจริงหรือไม่ นางกล่าวสิ่งใดล้วนไม่สำคัญ ข้าเพียงต้องการผลลัพธ์”
โหลวหานเหลือบมองเยว่ซื่ออย่างเยือกเย็น “ใต้เท้าวางใจ ข้าน้อยจะช่วยนางฟื้นฟูความจำเอง”
หลีหวางเฟยขมวดคิ้วมุ่น “ตัวข้าหวางเฟยผู้นี้ยืนยันได้ว่านางเพิ่งแต่งงานเมื่อไม่กี่วัน แม่นมหงยังเกลียดนาง ด่าว่านางหยาบคายและปฏิบัติกับนางย่ำแย่”
“หวางเฟยขบคิดมากมายเพื่อนางเช่นนี้ เหตุใดไม่บอกข้าเล่าว่าฮูหยินของข้าอยู่ที่ใด? หากหวางเฟยคิดบางอย่างออก บางทีหญิงนางนี้อาจเจ็บปวดน้อยลงกว่าเดิม” ลู่อี้มองหลีหวางเฟยด้วยสีหน้าเฉยชา
“หวางเฟย เจ้าพาโยวหรานกลับไปที่ห้อง เรื่องตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของใต้เท้าลู่! ฮูหยินลู่หายตัวไป เขาย่อมร้อนอกร้อนใจเป็นธรรมดา หากหาฮูหยินลู่ไม่พบ ไม่ว่าผู้ใดก็หลีกหนีไปไม่ได้” หลีอ๋องกล่าว
หลีหวางเฟยดึงตัวฟ่านซือโยวกลับไปแล้ว
ฟ่านซือโยวหันกลับมามองลู่อี้
นางไม่เคยสังเกตมาก่อน วันนี้กลับพบว่าสามีของเถ้าแก่เนี้ยมู่หน้าตาคมคายไม่น้อย
หลีหวางเฟยกำชับไม่ให้ฟ่านซือโยวเพ่นพ่านออกมา จากนั้นจึงไปยังเรือนที่หลีอ๋องพักรักษาตัวอยู่ ทันทีที่นางเข้าประตูไปก็เอ่ยกับหลีอ๋องที่กำลังดื่มยา “ท่านจะปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจเช่นนี้หรือ?”
หลีอ๋องดื่มยา แล้วสั่งให้คนของตนถอยออกไป
“ลู่อี้เป็นขุนนางของศาลต้าหลี่ ในเมืองหลีมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายหลายอย่าง หากเขาเขียนฎีการ้องเรียนเมืองหลีของข้าก็อย่าหวังเลยว่าจะได้อยู่สุขสบายแม้แต่วันเดียว”
“แต่ท่านเป็นอ๋อง…”
“หวางเฟยไม่ได้รู้นานแล้วหรือว่าข้าผู้นี้เป็นเพียงอ๋องแต่ในนาม?”
หลีหวางเฟยไม่มีอะไรจะกล่าว
“หากหวางเฟยอยากให้สถานการณ์กลับกลายเป็นเหมือนเมื่อก่อน เช่นนั้นก็ควรให้ความร่วมมือกับใต้เท้าลู่ให้หาฮูหยินเจอในเร็ววัน ถึงแม้ข้าจะไม่รู้เรื่องอื่น ๆ นัก แต่ก็พอรู้ชื่อเสียงของฮูหยินลู่และอิทธิพลที่นางมีต่อราษฎรอยู่บ้าง หากมีเรื่องเกิดขึ้นกับนางในเมืองหลี คนในวังผู้นั้นจะมีเหตุผลที่ทำให้พวกเราทั้งจวนหลีหายไปทันที”
เวลานี้โหลวหานมาพบลู่อี้ และรายงานเรื่องข่าวที่ได้รับมา
“แรกเริ่มเดิมทีเยว่ซื่อเอาแต่กล่าวว่า ‘ไม่รู้’ ทว่าหลังจากใช้การทรมาน สุดท้ายนางก็ทนไม่ไหวจึงกล่าวเรื่องที่รู้ออกมา”
ในคุกน้ำ มู่ซืออวี่กำลังจะตาย
หากเป็นอย่างนี้ต่อไป นางจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน
แกร๊ก!
เสียงประตูเปิดออก มีคนกำลังเข้ามา
นางพยายามที่จะลืมตา ทว่าเห็นเพียงเงาร่างสีฟ้า เห็นเป็นสตรีผู้หนึ่งราง ๆ สตรีผู้นั้นเทอาหารและเครื่องดื่มลงในปากนางเพื่อกันไม่ให้นางตายอยู่ที่นี่
“เจ้า… เป็นใคร?” มู่ซืออวี่มองไม่ชัดนัก นางแช่อยู่ในน้ำสกปรกมานานเกินไป อีกทั้งที่นี่ยังมีแมลงไต่ยั้วเยี้ยมากมาย ร่างกายของนางอ่อนแออย่างถึงที่สุด “เจ้าต้องการอะไร? ต้องการเงินหรือ?”
คนผู้นั้นไม่ได้ตอบคำถาม
“ข้าไม่คิดจะหนี… เพียงแต่ทนไม่ไหวแล้ว… เปลี่ยนไปขังข้าที่อื่น… ได้หรือไม่… ข้ามีเงิน… ข้าเอาเงินมากมายให้เจ้าได้…”
หญิงผู้นั้นลังเลใจ
ทันใดนั้นเองก็มีคนเข้ามา สตรีผู้นั้นจึงรีบเก็บของแล้ววิ่งหนีไป
มู่ซืออวี่รู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องมองตน
คนผู้นั้นไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงแค่มองอยู่พักหนึ่งแล้วจากไป
หลังออกมาจากคุกน้ำแล้ว ชายคนหนึ่งนั่งลงบนเก้าอี้ โดยมีสตรีคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
“นายท่าน บ่าวเฒ่าพาตัวนางมาให้ตามคำสั่งแล้ว บ่าวเฒ่าทำอะไรผิดหรือเจ้าคะ?”
ชายผู้นั้นเอ่ยตอบอย่างเย็นชา “เมื่อครู่นี้เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“บ่าวเฒ่าไม่ได้ทำอะไรเลยนะเจ้าคะ”
“ช่างเถอะ ไม่ว่าเมื่อครู่นี้เจ้าอยากจะทำอะไร อย่างไรเสียก็ไม่สำคัญแล้ว” ชายผู้นั้นสะบัดมือ
ผู้ติดตามที่อยู่ข้างเขากวัดแกว่งดาบออกไป
“อย่าฆ่าข้า!…” หญิงผู้นั้นต้องการหลบหนี ทว่านางถูกแทงจากข้างหลัง ล้มลงกับพื้นสิ้นใจไปทันที
ในตอนนี้เอง ผู้ติดตามจึงกล่าวว่า “นายท่าน ลูกชายของนางหายไปแล้วขอรับ”
“ไม่เป็นไร อย่างไรเราก็ต้องเปลี่ยนสถานที่อยู่แล้ว” ชายผู้นั้นลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ส่งคนไปเฝ้าสตรีนางนั้นไว้ นี่เป็นคนโปรดของใต้เท้าลู่ มีนางไว้ย่อมได้ใช้ประโยชน์แน่นอน”
ข้อมูลที่เยว่ซื่อให้มาก็คือ ถึงแม้แม่สามีจะไม่อยากเห็นนาง แต่สามีของนางรักนางเป็นอย่างยิ่ง แต่งงานกับนางเพราะชอบพอนางจริง ๆ มิเช่นนั้นคงไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้น
ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ สามีของนางเอ่ยถ้อยคำบางอย่างที่กำกวมกับนาง ความหมายคือให้นางซ่อนตัวไปก่อน โดยเขาจะจากไปพักหนึ่ง จากนั้นจะมารับนางไปด้วยกัน
เยว่ซื่อถูกนำตัวไปไว้ในที่ที่นางนัดแนะว่าจะพบกับสามี
หลายชั่วยามต่อมา จือเชียนนำคนไปจับชายหนุ่มแข็งแรงกำยำผู้หนึ่งเอาไว้
“ข้าไม่รู้อะไรทั้งสิ้น” ชายผู้นั้นเอ่ยเสียงแข็งด้วยสีหน้า ‘จะฆ่าก็ฆ่า’
ลู่อี้เหลือบมองเยว่ซื่อ “สามีของเจ้าบอกว่าไม่รู้สิ่งใดทั้งสิ้น”
เยว่ซื่อถูกทรมาน ถึงแม้นางจะผลัดเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดทิ้งแล้ว ทว่ายังคงอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง สิ่งสำคัญที่สุดคือนางไม่อยากถูกทรมานอีก
“พี่เจี๋ย ท่านบอกพวกเขาเถอะ! ถึงแม้ท่านจะไม่สนใจข้า แต่ก็คงไม่อาจไม่สนใจลูกในท้องของข้ากระมัง?” เยว่ซื่อร้องห่มร้องไห้
ชายผู้นั้นมองนางด้วยสายตาตกตะลึง “ลูกหรือ?”
ถึงแม้ทั้งสองคนจะเพิ่งแต่งงานกัน แต่พวกเขาก็รู้จักกันมานานแล้ว มิเช่นนั้นเขาคงไม่ยืนกรานที่จะแต่งงานกับนางทั้งที่แม่ของตนไม่เห็นด้วย
“ใช่ ข้าท้องลูกของท่านแล้ว”
ชายผู้นั้นลังเลใจไปชั่วขณะ “แต่แม่ของข้ายังอยู่ในมือของพวกเขา”
“เจ้ายังคิดอีกหรือว่าแม่ของเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่?” จือเชียนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “เจ้าและแม่ของเจ้ามาจากจวนหลี ขอแค่เพียงตามตรวจสอบ จะต้องหาเบาะแสพบอย่างแน่นอน พวกเขาจะปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่ได้อย่างไร? เกรงว่าแม่ของเจ้าตอนนี้จะตกอยู่ในอันตรายแล้ว! หากเจ้าบอกความจริงมา เจ้าและภรรยาอาจยังรักษาชีวิตไว้ได้ มิเช่นนั้น…”
“ข้าจะพูด…”
[1] กลยุทธ์เลือดเหล็ก หมายถึง การใช้วิธีข่มขู่เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย