สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 475 ปัญหาของสาขาย่อย
บทที่ 475 ปัญหาของสาขาย่อย
บทที่ 475 ปัญหาของสาขาย่อย
ณ ‘เรือนกรุ่นฝัน’ สาขาย่อย
มู่ซืออวี่กำลังตรวจดูภาพแบบ นางยกถ้วยชาที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาจิบ
“ชานี้ไม่เลว…” นางเอ่ยกับเจิ้งซูอวี้ “ลองชิมดู”
เจิ้งซูอวี้กำลังตรวจสอบสมุดบัญชี เมื่อได้ยินคำพูดของมูซืออวี่ก็พักสิ่งที่กำลังทำอยู่และลองจิบดูหนึ่งอึก จากนั้นก็ส่งเสียงฮึมฮัมอย่างพึงพอใจออกมา “ไม่เลวเลย ดีกว่าชาของเจ้ากับข้าเสียอีก”
คนที่ยืนอยู่ข้างล่างเอ่ยยิ้ม ๆ “เมืองซูโจวมีร้านชามาเปิดใหม่ เจ้าของร้านต้องการสั่งเครื่องเรือนจากเรือนกรุ่นฝันของเรา พวกเราซื้อชาจากเขาได้ในราคาที่ลดแล้ว หากเจ้านายและผู้ดูแลชอบ ผู้น้อยจะไปสั่งสินค้าอีกชุดจากเขาเดี๋ยวนี้ ถึงตอนนั้นจะได้นำกลับไปดื่มที่เมืองฮู่เป่ยด้วย”
“ได้ เจ้าไปซื้อมาเถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ย “พวกเราต้องตรวจดูอีกสักพัก ตรงนี้เจ้าไม่ต้องเฝ้าแล้ว ไปทำงานของเจ้าเถอะ หากข้าต้องการอะไรจะเรียกเจ้าเอง”
“ขอรับ เจ้านาย”
หลังจากคนผู้นั้นไปแล้ว มู่ซืออวี่จึงหันกลับมามองเจิ้งซูอวี้ “ทางเจ้าเป็นอย่างไร?”
“บัญชีมีการปลอมแปลง”
“คนผู้นี้ฉลาดยิ่งนัก จริงเป็นเท็จ ในความเท็จมีความจริง หากสมองข้าไม่ดี อาจแยกแยะกลลวงนี้ไม่ออก”
“จริงเก้าเท็จหนึ่ง การอำพรางของเขายากที่จะมองออก เฉลียวฉลาดโดยแท้จริง โชคไม่ดี มิได้ใช้ความฉลาดในทางที่ถูก ความฉลาดเช่นนี้มีเพียงจะทำให้ไก่บินออกจากเล้า ไข่ตกแตก*[1] เท่านั้น”
“เจ้าก็รู้สถานการณ์ในสาขาย่อย ตอนที่พวกเราเพิ่งเข้ามา เจ้าคิดว่าคนงานในร้านเหลือคนคุ้นหน้ากี่คนกัน?”
เจิ้งซูอวี้ขบคิดครู่หนึ่ง เอ่ยด้วยความไม่แน่ใจ “มีคนกลุ่มหนึ่งไม่อยู่ในร้านแล้วใช่หรือไม่?”
“อีกประเดี๋ยวถามจื่อซูและจื่อเยวี่ยนก็จะทราบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น” มู่ซืออวี่ผลักภาพแบบนั้นไปข้าง ๆ “ภาพแบบนี้ไม่ใช่ของเจี่ยงจง วันนี้ข้ายังไม่เห็นเขา ดูเหมือนจะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่”
จื่อซูและจื่อเยวี่ยนเข้ามารายงานสถานการณ์
“บ่าวถามคนงานสตรีในร้าน นายท่านเจี่ยงไม่มาที่ร้านสองเดือนแล้ว บ่าวถามสาเหตุ พวกนางก็ไม่ทราบ กล่าวเพียงว่าก่อนหน้านี้นายท่านเจี่ยงเคยบอกว่าต่อไปเรื่องที่ร้านให้จี้เฉี่ยวเหยียนเป็นผู้ดูแล เขาไม่ได้มา พวกคนงานคิดว่าเขาคงต้องการพักผ่อน จึงไม่ได้สงสัยอะไร”
“จี้เฉี่ยวเหยียนคือเด็กเมื่อครู่นี้” เจิ้งซูอวี้ที่อยู่ข้าง ๆ อธิบายให้มู่ซืออวี่ฟัง “ตอนที่ข้าไป เขายังเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะขยับขึ้นมาเร็วเพียงนี้”
“ดูเหมือนพวกเราต้องหาตัวเจี่ยงจงเสียก่อนจึงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” มู่ซืออวี่มองเจิ้งซูอวี้ “ตอนนี้ตรวจสอบออกมาก็ไร้ประโยชน์ รักษาได้เพียงอาการไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริง”
“ถูกต้อง”
“จื่อซู จื่อเยวี่ยน พวกเจ้าไม่ต้องตามพวกเขาแล้ว เก็บสัมภาระกลับไปโรงเตี๊ยมที่ข้าพัก”
มู่ซืออวี่รู้ว่าเจี่ยงจงอาศัยอยู่ที่ใด จึงพาจื่อซูและจื่อเยวี่ยนไปเยือน
ผู้ที่เปิดประตูเป็นน้องสาวของเจี่ยงจง เมื่อเห็นมู่ซืออวี่ สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนฉับพลัน
มู่ซืออวี่ “…”
ดูเหมือนจะมีปัญหาจริง ๆ
“ท่านแม่ ท่านแม่ เจ้านายมา!” เจี่ยงถงตะโกนเข้าไปข้างใน
สตรีเฒ่านางหนึ่งเดินออกมา เมื่อเห็นมู่ซืออวี่ ขาของนางพลันสั่นระริก
มู่ซืออวี่ทนดูไม่ไหวแล้ว
นางไม่ใช่วิญญาณร้าย ไยครอบครัวนี้เห็นนางแล้วต้องหวาดกลัวและรู้สึกผิดถึงเพียงนี้?
“ข้าเพียงมาขอน้ำดื่มสักถ้วย” มู่ซืออวี่เอ่ย “เข้าไปได้หรือไม่?”
“แน่นอน รีบเข้ามาเถอะ” จวงซื่อเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ
มู่ซืออวี่นั่งลงบนโต๊ะหิน
สตรีครอบครัวเจี่ยงทั้งสองคน คนหนึ่งรินน้ำให้นาง ส่วนอีกคนกำลังนำผลไม้แห้งมาให้
ทั้งสองคนนอบน้อมต่อมู่ซืออวี่เป็นอย่างมาก เพียงแต่กลัวว่านางจะเปิดปากขึ้นมา เมื่อไหร่ที่นางทำท่าทีจะเอ่ยปาก พวกเขาจะแสดงสีหน้าหวาดกลัวทันที
มู่ซืออวี่เกรงว่าหากตนทำให้พวกนางหวาดกลัวต่อไปเช่นนี้ ทั้งคู่อาจจะทนแรงกดดันไม่ไหวและล้มพับลงไป ทว่าอย่างไรนางก็ต้องพูด มิเช่นนั้นคงไม่รู้ว่าเจี่ยงจงอยู่ที่ใด
“ข้ามาที่เมืองซูโจวครั้งนี้ จุดประสงค์หลักเพื่อมาร่วมงานแต่งสหายคนหนึ่ง” มู่ซืออวี่เปิดปากเอ่ย “ข้าจะอยู่ที่นี่สองวัน เจี่ยงจงเล่า? เหตุใดข้าไม่เห็นเขา?”
“ป้าสะใภ้ของเขาป่วยจึงไปเยี่ยม ที่นั่นไกลจากที่นี่เล็กน้อย เจี่ยงจงต้องไป ๆ มา ๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับ แต่เรื่องที่ร้านเขาจัดการไว้หมดแล้ว จะต้องไม่เกิดปัญหาแน่นอน” จวงซื่ออธิบายตะกุกตะกัก
“ที่แท้เป็นอย่างนี้!” มู่ซืออวี่เอ่ยอีกครั้ง “ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกเขาว่าข้าจะต้องไปเมืองหลวง ร้านใหม่ต้องการคนและวัสดุจำนวนมากจึงต้องให้เขาตามไปด้วย หากเขายังไม่กลับมาก็คงตามข้าไปไม่ได้แล้ว ใช่หรือไม่?”
“เอ่อ…” จวงซื่อตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองเจี่ยงถงที่อยู่ข้าง ๆ
เจี่ยงถงไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรเช่นกัน
เมืองหลวงเป็นสถานที่เช่นใด? นั่นเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่คนยากจนข้นแค้นอย่างพวกเขาไม่เคยคิดฝัน หากเจี่ยงจงตามมู่ซืออวี่ไปเมืองหลวงได้ คงจินตนาการถึงอนาคตของเขาได้เลย แต่ตอนนี้…
“อีกไม่นานพี่ชายข้าก็จะกลับมาแล้ว” เจี่ยงถงกล่าว
“อืม เช่นนั้นข้าไปก่อน หากเขากลับมาแล้ว บอกเขาให้มาหาข้าสักหน่อย” มู่ซืออวี่ลุกขึ้นยืน
หลังออกมาจากบ้านครอบครัวเจี่ยงแล้ว จื่อเยวี่ยนจึงเอ่ยว่า “นายท่านเจี่ยงไม่อยู่ที่นี่ เหตุใดภรรยาเขาก็ไม่อยู่เช่นกัน? ได้ยินว่าพวกเขามีลูกหนึ่งคน แต่ข้ากลับไม่ได้ยินเสียงเลย”
จื่อซูที่ตามมากล่าวเสริม “เสื้อผ้าที่ตากอยู่ข้างนอกก็เป็นของท่านป้าและน้องสาวคนนั้น ไม่มีของบุรุษ ที่ตักขยะมีผักแห้งอยู่ข้างใน ดูเหมือนพวกเขาจะยากจนเป็นอย่างมาก!”
“เจี่ยงจงอยู่กับข้า อีกทั้งยังเป็นผู้ดูแลของที่นี่มานานแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่ได้ร่ำรวยและมีอำนาจมากมาย แต่ชีวิตเขาก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้ จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่” มู่ซืออวี่เอ่ย “พวกเจ้าสองคนแยกกันไปหาข่าวคราวดูว่าสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้น”
ก่อนหน้านี้นางส่งคนมาตรวจสอบเรื่องราวในเมืองซูโจว ทว่าไม่ได้มาด้วยตนเอง อีกอย่างนางไม่เคยนึกสงสัยเรื่องร้านสาขา จึงพลาดรายละเอียดเรื่องนี้ไป
เป็นไปได้หรือไม่ว่า เจี่ยงจงก็เป็นเหยื่อในคดีหลอกลวงคน?
จื่อซูจื่อเยวี่ยนแยกกันไปสอบถามข่าว
“เพื่อนบ้านบอกว่าฮูหยินนายท่านเจี่ยงพาลูกไปเยี่ยมญาติและไม่ได้กลับมา”
“คนที่ข้าถามก็บอกเช่นนี้ เริ่มแรกภรรยาของนายท่านเจี่ยงจงพาลูกไปไม่ได้กลับมา จากนั้นนายท่านเจี่ยงก็ตามไป”
“คงไม่ได้เกิดเรื่องกับพวกเขากระมัง?”
มู่ซืออวี่เอ่ยว่า “ข้าจะไปสกุลฉินสักเที่ยว เรื่องเช่นนี้ทำได้เพียงถามนายน้อยฉินคหบดีเจ้าถิ่นแล้ว”
ฉินเหวินหานกำลังจะออกจากบ้าน เมื่อได้ยินว่ามู่ซืออวี่มา เขาจึงเอ่ยกับคนสนิทที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “เจ้าไปบอกนายท่านให้ไปก่อน อีกประเดี๋ยวข้าจะตามไปสกุลจิ้นทีหลัง”
“เรื่องทางด้านสกุลจิ้นสำคัญกว่านะขอรับ หากบอกเถ้าแก่เนี้ยมู่ตามตรง นางย่อมเข้าใจ” คนสนิทของเขาเอ่ย
“นางรู้สถานการณ์ของข้า เวลาเช่นนี้นางยังมา แสดงว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน สำหรับข้าแล้วเรื่องสกุลจิ้นเป็นแค่เพียงการแต่งงานที่ไม่อาจทำให้เสร็จสมบูรณ์ สำคัญอันใด? ยิ่งไปกว่านั้นสกุลจิ้นทำให้สกุลฉินเราอับอายขายหน้า ถึงแม้เขาจะเป็นขุนนาง ข้าก็โมโห! สกุลฉินของข้าไม่เคยเป็นพวกกินพืช” ฉินเหวินหานเย้ยหยัน
เมื่อมู่ซืออวี่เข้ามาเห็นฉินเหวินหานกำลังแต่งกาย จึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้ามาผิดเวลาหรือ? มิเช่นนั้นท่านไปจัดการธุระก่อน ข้าค่อยมาทีหลังเป็นอย่างไร?”
“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร หากเป็นเรื่องสำคัญ ข้าก็จะบอกท่านตามตรง ไม่เกรงใจเป็นแน่” ฉินเหวินหานเอ่ย “ท่านว่ามาเถอะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่?”
[1] ไก่บินออกจากเล้า ไข่ตกแตก หมายถึง คว้าอะไรไว้ไม่ได้สักอย่าง