สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 478 การกระทำต่ำช้า
บทที่ 478 การกระทำต่ำช้า
บทที่ 478 การกระทำต่ำช้า
เมื่อจวงซื่อได้ยินข่าวร้าย นางก็โซซัดโซเซล้มหงายหลังทันที
เจี่ยงถงพยุงมารดาเอาไว้ พลางพูดทั้งสะอึกสะอื้น “ท่านแม่ ท่านอย่าทำให้ข้ากลัวสิ”
“เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าเพิ่งพบเขา แม้เขาจะผ่ายผอมลงไปมาก ทว่าจิตใจยังคงเข้มแข็ง แต่… เหตุใดจู่ ๆ เขาก็ไม่อยู่แล้วเล่า?” จวงซื่อร้องไห้ฟูมฟาย “ลูกชายของข้า เจ้าจะให้แม่ทำอย่างไร?”
เจิ้งซูอวี้และมู่ซืออวี่มองหน้ากัน
สีหน้าของพวกนางเจือไปด้วยความเศร้าโศก
“แม่นางเจี่ยง ช่วยพยุงท่านป้าลุกขึ้นก่อนเถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ย
เจี่ยงถงเห็นคนอื่น ๆ ที่พากันมาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ข้างนอกเช่นกัน นางข่มความเศร้าลงไปแล้วพยุงมารดาเข้าไปในเรือน
จวงซื่อร้องไห้ปานหัวใจแตกสลาย ร้องจนแทบหมดลม เจี่ยงถงช่วยพยุงนางเข้าไปในห้อง ร้องไห้ไปพลางเอ่ยปลอบไปพลาง ทว่าคำปลอบโยนไม่ได้ช่วยอะไรเลย
“ท่านแม่ ข้างนอกยังมีแขก ข้าจะไปรับรองพวกเขาก่อน อีกประเดี๋ยว… ข้าจะมาอยู่เป็นเพื่อน ท่านต้องดูแลตนเองดี ๆ ท่านยังมีลูกสาวอยู่อีกคนนะ”
เจี่ยงถงเดินออกมา จากนั้นก็เห็นว่ามู่ซืออวี่และเจิ้งซูอวี้นั่งอยู่ที่โต๊ะหิน
“แม่นางเจี่ยง พวกเราไม่ควรรบกวนพวกท่านในตอนนี้ แต่เรื่องพี่ชายของท่านจะต้องกระจ่าง ข้าไม่อาจให้เขาตายเปล่าได้ ท่านบอกพวกเราถึงเรื่องที่ทราบได้หรือไม่?”
“พี่ชายข้าตาย ทว่ามือสังหารลอยนวลหลบหนีไปแล้ว ข้าไม่อาจยินยอมเช่นกัน ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง คงหาตัวศัตรูออกมาไม่ได้ พวกท่านอยากถามสิ่งใดก็ถามมาเถอะ ตราบใดที่ข้ารู้ ย่อมบอกพวกท่านแน่นอน”
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของเจ้ากันแน่?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
เจี่ยงถงกล่าวว่า “เมื่อสองเดือนก่อน พี่ชายข้าพบคนสองคน… วันนั้นพวกเขาดื่มมากเกินไป เมื่อพี่ชายของข้ากลับมาจากห้องสุขาก็พบว่าหนึ่งในนั้นล่วงเกินพี่สะใภ้ข้าและพลั้งมือฆ่านาง พี่ชายของข้าตื่นกลัวจนสร่างเมา เขาเริ่มต่อสู้กับคนผู้นั้น ชายผู้นั้นบ้าไปแล้ว เขาคว้ากรรไกรในตะกร้าขึ้นหมายจะแทงพี่ชายข้า เมื่อพี่ชายของข้าเบี่ยงตัวหลบ กรรไกรนั่นจึงแทงเข้าที่เด็กทารก…”
“เดรัจฉาน!” เจิ้งซูอวี้เอ่ยด้วยความโมโห “เด็กคนนั้น…”
“ตายแล้ว” เจี่ยงถงเอ่ย “พี่สะใภ้และเด็กตายแล้ว พี่ชายของข้าเสียสติ พลั้งมือฆ่าคนผู้นั้นเข้า ในตอนนั้นเอง ชายอีกคนก็ตื่นขึ้นมา…”
“ชายผู้นั้นกล่าวว่าอย่างไร?”
“เขาบอกว่าพี่ชายของข้าฆ่าคน หากไม่อยากถูกทางการจับ ควรหลีกเลี่ยงการเป็นจุดสนใจ เขารู้จักสถานที่ที่พี่ชายข้าจะซ่อนตัวได้พักหนึ่ง ทั้งยังกล่าวอีกว่าคนที่ถูกฆ่าเป็นเพียงคนนอก ขอเพียงซ่อนศพไว้ให้ดี ย่อมไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หากเขาไม่พูด พี่ชายข้าไม่พูด ข้าและท่านแม่ไม่พูด ก็จะไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้”
มู่ซืออวี่และเจิ้งซูอวี้มองหน้ากัน
พวกนางพบว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
นี่เหมือนกับคดีลวงชิงทรัพย์พวกนั้นไม่มีผล
หากมู่ซืออวี่คาดเดาไม่ผิด ‘ศพ’ นั่นอาจจะไม่ได้ตายจริง ๆ แต่เป็นหลุมพรางที่ล่อให้เจี่ยงจงตกลงไป บัดนี้พอพวกนางเริ่มตรวจสอบ คนพวกนั้นจึงรู้ว่ากระดาษมิอาจห่อไฟได้ จึงฆ่าเจี่ยงจงปิดปาก ไหนจะวัดแห่งนั้นอีก จู่ ๆ พระหายตัวไปหมดวัดเช่นนี้ จะต้องมีเงื่อนงำเป็นแน่
“ร่างพี่สะใภ้กับเด็กฝังไว้ที่ใด?”
“พวกเขาตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม พวกเราจึงไม่กล้าทำสิ่งใดและหาสุสานฝังเอาไว้”
“ร่างพี่ชายของเจ้ายังอยู่ที่ศาลาว่าการ เจ้าหน้าที่จะต้องชันสูตรเสียก่อน หากไม่มีปัญหาอะไรแล้วถึงจะส่งกลับมา”
“ข้าทราบแล้ว”
“ที่บ้านเจ้ายังมีสิ่งใดที่พี่ชายเจ้าทิ้งไว้อีกหรือไม่ อย่างเช่นหนังสือ จดหมาย สมุดบัญชี… หรืออะไรก็ตามที่มีอักษรเขียนอยู่บนนั้น”
“ข้าจะไปดูในห้องเขา”
“ข้ารู้ว่าตอนนี้ไม่ควรรบกวนเจ้า แต่เรื่องนี้สำคัญมาก คนเหล่านั้นเคยทำร้ายคนมากมาย พี่ชายเจ้าไม่ใช่เหยื่อรายแรกและคงไม่ใช่รายสุดท้าย พวกเราอยากหาเบาะแสบางอย่าง ไม่ว่าจะหาคนเหล่านั้นเจอหรือไม่ อย่างน้อยก็ต้องได้พยายาม”
“จบเรื่องแล้วข้าจะพาท่านแม่กลับบ้านเกิด” เจี่ยงถงเอ่ย “พี่ชายข้ามักจะกล่าวว่า หากไม่พบเถ้าแก่เนี้ยมู่ เขาคงยังอยู่ในคุกหรือทำงานเป็นกุลีอยู่ที่ไหนสักแห่ง เขาได้เป็นผู้จัดการร้าน ถูกผู้อื่นเรียกว่าอาจารย์ ได้รับความเคารพนับถือ ชีวิตเช่นนี้เขาไม่เคยนึกฝันมาก่อน ทุกอย่างเป็นเถ้าแก่เนี้ยมู่ที่มอบให้”
เมื่อออกมาจากบ้านครอบครัวเจี่ยง คำพูดของเจี่ยงถงยังสะท้อนก้องอยู่ในหูของมู่ซืออวี่
นางไม่ควรค่าแก่การยกย่องของเจี่ยงจงถึงเพียงนั้น หากไม่ใช่เพราะเขาพบกับนาง เจี่ยงจงอาจไม่เป็นที่รู้จัก แต่อย่างน้อยก็คงรักษาชีวิตเอาไว้ได้ นางมอบบางอย่างให้เขา แต่ก็นำบางอย่างไปจากเขาเช่นกัน
“สมุดบัญชีเหล่านี้คงเป็นสมุดบัญชีที่ทำการค้ากับสองคนนั้น”
“นี่เป็นเงินที่เจี่ยงจงร่วมค้าขายกับพวกเขา” มู่ซืออวี่เอ่ย “เจี่ยงจงเชื่อใจผู้ร้ายเหล่านั้น มอบเงินทั้งหมดที่ตนมีให้สองคนนั่น โดยบอกว่าทำการค้า”
เรือนกรุ่นฝันเป็นร้านของนาง เจี่ยงจงซื่อสัตย์ต่อนางจึงไม่อาจนำเงินในร้านไป เขาจึงนำเงินทั้งหมดที่ตนเก็บหอมรอมริบไปร่วมลงทุน
นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดเจี่ยงถงและจวงซื่อถึงได้มีชีวิตที่ยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่รู้คืออีกฝ่ายจงใจใช้กลลวงกับตน ไม่เพียงแต่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเชื่อใจ แต่ยังตระเตรียมคนแทรกซึมเข้าไปในเรือนกรุ่นฝัน สูบเงินร้านของนางไปทีละนิด
“เถ้าแก่เนี้ยมู่ ผู้ดูแลเจิ้ง” ฉินเหวินหานลงมาจากรถม้า “ข้ากำลังจะไปหาพวกท่านพอดี เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของเจี่ยงจงแล้ว พบกระดาษชิ้นหนึ่งในท้องของเขา”
เจี่ยงจงเพิ่งตายไม่นาน กระดาษแผ่นนั้นถูกกลืนลงไปทั้งก้อน หมึกบนนั้นจึงยังไม่เลือนหายไป
“เขียนว่าอะไร?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“เป็นที่อยู่แห่งหนึ่ง” ฉินเหวินหานเอ่ย “ไม่ได้อยู่ในเมืองซูโจว แต่เป็นเมืองเตียนอวี้ หากท่านอยากตรวจสอบให้แน่ชัดว่าคือสิ่งใด ทำได้เพียงส่งคนไปดูแล้ว”
“หากไม่พบอย่างอื่นอีก เช่นนั้นก็ส่งร่างของเจี่ยงจงกลับไปให้ครอบครัวเจี่ยงเถอะ” มู่ซืออวี่เอ่ย
“ข้าจะบอกทางศาลาว่าการให้”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” ฉินเหวินหานลดเสียงลง “ในวัดพบเด็กกลุ่มหนึ่งอยู่ที่ชั้นใต้ดิน บ้างเป็นขอทาน บ้างถูกหลอกมา ทว่าล้วนไม่ใช่คนท้องที่”
“วัดแห่งนั้นมีปัญหาดังคาดจริง ๆ” เจิ้งซูอวี้เอ่ย “นี่มันลัทธิอะไรกัน ไม่เพียงต้มตุ๋นผู้คน แต่ยังลักพาตัวเด็กมาขายด้วย”
“เกรงว่าจะมีความเกี่ยวพันมากกว่านั้น” มู่ซืออวี่กล่าว “คนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ไม่เช่นนั้นจะทำเรื่องราวใหญ่โตเป็นวงกว้างเพียงนี้ได้อย่างไร ไม่ว่าที่ไหนล้วนมีสมุนของพวกมัน”
“เจ้าคนแซ่ฉิน!” เสียงเกรี้ยวกราดเสียงหนึ่งดังขึ้น
จากนั้นสตรีนางหนึ่งก็กระโดดลงมาจากรถม้า เอ่ยสาปแช่งฉินเหวินหาน “ข้าก็ว่าอยู่ว่าเหตุใดเจ้าจึงถอนหมั้นง่ายดายเพียงนั้น ที่แท้ก็มีความสัมพันธ์กับสตรีอื่นนี่เอง”
มู่ซืออวี่หันไปมองใบหน้านั้นแล้วเบ้ปาก
นางสบตากับเจิ้งซูอวี้ แววตาหยามหยันปรากฏในดวงตาของพวกนาง เห็นได้ชัดว่าหญิงทั้งสองดูแคลนบุตรสาวข้าหลวงไร้มารยาทผู้นี้เพียงใด
ฉินเหวินหานเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่นานสีหน้าก็กลับไปสุขุมนุ่มลึกดังเดิม “คุณหนูจิ้น ไม่ทราบว่าข้าทำอะไรให้ท่านไม่พอใจหรือ?”
“เจ้า… เจ้าถอนหมั้นข้า ทั้งยังมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับสตรีอื่นอีก” จิ้นหวั่นหรงเขม่นมองฉินเหวินหาน
“คุณหนูจิ้นลืมไปแล้วหรือ งานแต่งนี้เป็นท่านที่ไม่ต้องการ” นายน้อยสกุลฉินยิ้มบาง ๆ “สตรีสองท่านนี้เป็นผู้ร่วมมือทางการค้ากับข้า ได้โปรดอย่าพูดจาส่งเดชทำลายชื่อเสียงของพวกนาง”
“คุณหนู วันนั้นพวกเขานั่งอยู่ตรงข้ามเราในโรงเตี๊ยม” สาวใช้คนนั้นชี้ไปที่เจิ้งซูอวี้แล้วกล่าวว่า “ขอทานพวกนั้นสารภาพแล้วไม่ใช่หรือ บอกว่ามีสตรีนำเงินมาให้ พวกเขาถึงได้มาข่มขู่ท่าน”